All-New Honda City เปิดตัวในช่วงก่อนเริ่มงาน Motor Expo 2019 เพียงไม่กี่วัน แน่นอนว่าเป้าประสงค์ของฮอนด้าคือการสร้างยอดขายในงานนี่แหละและมันก็เป็นตามคาด เมื่อจบงาน City เจนเนอเรชั่นที่ 5 กวาดยอดขายเป็นอันดับ 1 ของฮอนด้าในงานครั้งนี้ แม่จะยังไม่มีรถให้ทดสอบหรือรีวิวมากมายแต่ผู้บริโภคก็ยังไว้ใจและเชื่อมั่นในแบรนด์ ประกอบกับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยโดนใจและเครื่องยนต์ใหม่ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 122 แรงม้า กำลังมากกว่าคู่แข่งที่เปิดตัวไล่เลี่ยกันเป็นไหนๆ พอเป็นแบบนี้คนที่มองถึงสมรรถนะจากรถยนต์ขนาดเล็กก็คงไม่ต้องคิดมากว่าจะเลือกใคร
การที่ฮอนด้าลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาเป็น 1.0 ลิตร ทำให้ City ใหม่เข้าค่ายเป็นรถอีโค่คาร์สายรักษ์โลก แต่พอขึ้นชื่อว่าเป็นอีโค่คาร์คำสรรเสริญในทางลบก็จะตามมาเป็นเงาตามตัว การยัดเทอร์โบเข้ามาจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าฮอนด้ายังต้องการให้ City ใหม่ขับสนุกและมีสมรรถนะที่ดีไม่ต่างจากการใช้เครื่อง 1.5 ไร้เทอร์โบ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความตั้งใจของฮอนด้า กิจกรรมทดสอบ City ใหม่จึงเกิดขึ้นโดยรอบนี้ฮอนด้าพาสื่อมวลชนไปลองขับที่ จ.เชียงราย รวมระยะทางกว่า 196 กม. เราจะได้รู้กันว่าเครื่อง 1.0 เทอร์โบ ขับแล้วจะเป็นอย่างไร ขึ้นเขาไหวมั้ย รวมถึงเซ็ตติ้งต่างๆ ของตัวรถว่าจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_3839.jpg.webp)
ทริปทดสอบครั้งนี้ฮอนด้าเอา City ใหม่มาให้ลอง 2 รุ่นคือรุ่นท็อป RS และรุ่นรองท็อป SV ทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ RS จะมาในแนวสปอร์ตใส่ชุดแต่งมาเต็ม ส่วน SV เป็นแนวเรียบหรูดูพรีเมี่ยม เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ เหมือนกันแต่ออปชั่นต่างๆ ในรุ่น RS จะจัดเต็มกว่า พร้อมกับราคาค่าตัวที่ต้องใช้คำว่า ”กระโดด” ขึ้นไปสูงกว่ารุ่น SV พอสมควร WHATCAR? Thailand ได้ลองขับรุ่น SV ราคาค่าตัว 665,000 บาท ไปดูกันเลยว่าการขับขี่จะเป็นอย่างไร
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4006.jpg.webp)
เครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ พิษสงร้ายกาจ
“เครื่องยนต์เทอร์โบของฮอนด้าไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง” นี่น่าจะเป็นประโยคที่เหมาะสมกับเครื่อง 1.0 ลิตรบล็อกนี้เป็นที่สุด ดูง่ายๆ จากเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ ใน Civic RS พิษสงของมันเป็นที่ถูกจิตถูกใจวัยรุ่นขาซิ่งจำนวนมาก เราอยากจะบอกว่าเครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ ของ City ใหม่นี้คือร่างย่อส่วนของเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่นพี่ตัวร้ายของมัน
รายละเอียดเครื่องยนต์คือเบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 988 ซีซี ฉีดน้ำมันแบบตรงเข้าห้องเผาไหม้ Direct-Injection พร้อมระบบแปรผัน VTEC พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger ของ Borg-Warner กำลังสูงสุดที่รีดเค้นออกมาได้คือ 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที เครื่องยนต์ตัวนี้รองรับน้ำมัน E20 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 99 กรัม/กม. ผ่านฉลุยกับมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ที่ปรับจูนมาเพื่อรองรับกับเครื่องยนต์เทอร์โบโดยเฉพาะ ในรุ่น RS จะมีแป้นแพดเดิลชิฟท์มาให้เล่นเกียร์ +/- ส่วนรุ่นอื่นหมดสิทธิ
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0812.jpg.webp)
เส้นทางการขับขี่เริ่มจากในตัวเมือง จ.เชียงราย ขับไป อ.เชียงของ แล้วกลับเข้าเมือง ที่ความเร็วต่ำในเขตเมือง City SV ของเราทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เครื่องยนต์มีความนุ่มนวลและเงียบ เกียร์ CVT ส่งกำลังอย่างลื่นไหล ดังนั้นการเร่งเครื่องหรือการชะลอความเร็วจึงมีแต่ความนุ่มนวล อาการรอรอบอาจจะมีบ้างในช่วงต่ำกว่า 2500 รอบต่อนาที แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งบนทางราบแน่นอน ในขณะที่ช่วงล่างก็ให้อารมณ์แน่นหนึบ มันไม่ได้นุ่มที่สุดแต่ก็ซับแรงสะเทือนจากอุปสรรคบนผิวถนนได้ดี พวงมาลัยน้ำหนักเบาสบายถูกใจสาวๆ แน่นอน แถมยังมีระยะฟรีที่ไม่มากเกินไปทำให้ควบคุมหน้ารถได้อย่างแม่นยำ
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4273.jpg.webp)
พอหลุดจากเขตเมืองเท่านั้นแหละ City ใหม่ก็ได้ปลดปล่อยความโกรธที่เหมือนอัดอั้นมานาน เราลองออกตัวจากสี่แยกไฟแดงแบบกดคันเร่งจนสุด รถกระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับแรงดึงที่น่าตื่นเต้นมาก ความเร็วเริ่มไต่จาก 0 ไปถึง 100 ในเวลาอันสั้น เราไม่ได้ลองจับเวลาแต่สื่อมวลชนบางท่านบอกว่าทำได้ต่ำกว่า 12 วินาทีในโหมดเกียร์ D ปกติ ซึ่งถือว่าน่าปรบมือเลยทีเดียวสำหรับรถอีโค่คาร์เครื่องเล็ก เกียร์ CVT สั่งให้รอบเครื่องยนต์ดีดขึ้นสูงแตะเส้นเรดไลน์แล้วสะบัดกลับมาเพื่อเข้าสู่เกียร์ถัดไป จุดนี้ได้ใจคนชอบเสียงลากรอบเครื่องยนต์ไปเต็มๆ
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4564.jpg.webp)
โหมดเกียร์ S ถูกออกแบบเพื่อเอาใจคนเท้าหนัก มันตอบสนองได้เมามันส์กว่าเกียร์ D แบบรู้สึกได้ อัตราเร่งมาไวขึ้น แต่ละเกียร์จะลากรอบสูงขึ้น แถมจังหวะลดเกียร์ในตำแหน่งเกียร์ต่ำๆ ยังมีอาการกระตุกนิดๆ ให้รู้สึกถึงความเป็นเกียร์แมนวล แบบนี้วัยรุ่นชอบ สำหรับการคิ๊กดาวน์นั้นในโหมดเกียร์ D ถือว่าตอบสนองได้ค่อนข้างไว ต้องเหยียบคันเร่งลึกประมาณ 50% สมองกลจะรับรู้ละว่าเราต้องการเร่งแซงก่อนจะสั่งการให้เกียร์ลดลง 1 สปีด กำลังที่ได้ก็มีมากพอให้แซงรถพ่วงยาวๆ ได้แบบไม่ต้องลุ้นตัวเกร็ง การคิ๊กดาวน์นั้นในโหมดเกียร์ S กระบวนการทุกอย่างจะเกิดขึ้นไวกว่าเล็กน้อย
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0411.jpg.webp)
City ใหม่เป็นรถที่ขับเร็วแล้วมั่นใจมาก ที่ความเร็วเดินทาง 120 กม./ชม. ในทางตรงรถนิ่งมาก ไม่ส่าย ไม่โคลง น้ำหนักของพวงมาลัยจะเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในระดับที่ยังคุมง่าย ช่วงล่างเกาะถนนหนึบให้ความมั่นใจได้เป็นอย่างดี การดูดซับแรงสะเทือนในช่วงความเร็วสูงทำได้ดีมาก เส้นถนน รอยปะ คอสะพาน สามารถรูดผ่านได้โดยไม่เสียอาการ สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นสื่อมวลชนหลายท่านยืนยันว่าทะลุ 200 กม./ชม. โอ้วว พระเจ้า รถอีโค่คาร์อะไรวิ่งได้ขนาดนี้!!
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_2193.jpg.webp)
เล่นโค้งสนุกสนาน
ตลอดเส้นทางทดสอบมีช่วงที่เป็นโค้งมากมาย ปกติแล้วรถเล็กน้ำหนักไม่มากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจะรู้สึกเหวอๆ ไม่นิ่ง ไม่มั่นคง แต่ City ใหม่กลับไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเลย แม้จะให้หน้ายางมาเพียง 185 แต่เมื่อสาดโค้งกลับรู้สึกถึงแรงยึดเกาะส่งกลับมาที่พวงมาลัย ซึ่งอัตราทดพวงมาลัยที่เหมาะสมยังช่วยให้คุมล้อหน้าได้อย่างฉับไวและแม่นยำด้วย อาการโยนของตัวถังและอาการหน้าดื้อจะมีบ้างเล็กน้อยในโค้งแคบแต่ไม่ได้ทำให้ควบคุมทิศทางยากขึ้นแต่อย่างใด ถ้าเป็นโค้งกว้างสามารถใช้ความเร็วสูงเข้าได้เลย
ยิ่งเป็นโค้งคดเคี้ยวต่อเนื่องบนภูเขาจะยิ่งเห็นถึงความหนึบของช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ดีงามกว่า City รุ่นก่อนหน้าชัดเจน City ใหม่ให้ความมั่นใจมากกว่า ใช้ความเร็วได้มากกว่า การปรับเซ็ตช่วงล่างและพวงมาลัยก็ดีกว่า
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_3517.jpg.webp)
มาต่อกับคำถามที่ว่า เครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ ขึ้นเขาไหวมั้ย? จากการทดสอบของเราตอบดังๆ เลยว่า “เหลือรับประทาน” ไม่ว่าเขาลูกไหน ชันสักเท่าไร City ใหม่ไปได้หมด ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่เกินตัวแถมน้ำหนักตัวรถที่เบาด้วยแล้ว สบายๆ ครับ แค่กระทืบคันเร่งพลังก็มาให้เห็นแบบเหลือเฟือแล้ว แต่รุ่น SV ที่เราขับนี้จะเหนื่อยหน่อยตอนลงเขาเพราะไม่มีแพดเดิลชิฟท์มาให้ใช้เกียร์ต่ำเพื่อสร้างแรงหน่วงหรือเอนจิ้นเบรก เราแก้ไขสถานการณ์โดยใช้เกียร์ S เครื่องยนต์จะคารอบสูงกว่าเกียร์ D ปกติ ช่วยสร้างแรงหน่วงได้ ลดภาระการเบรกไปในตัว
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4795.jpg.webp)
City ใหม่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นทุกด้าน แต่มีอย่างหนึ่งที่ยังไม่ดีพอนั่นก็คือระบบเบรก ถ้าขับปกติไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมาก เบรกชุดนี้รองรับได้สบาย แต่ถ้าเป็นคนเท้าหนักที่ใช้ความเร็วสูงเป็นประจำน่าจะต้องการระบบเบรกต้องดีกว่านี้ ระยะเบรกควรต้องสั้นลงกว่านี้ ทั้งนี้ การตอบสนองของแป้นเบรกยังอยู่ในเกณฑ์ดี ระยะฟรีมีพอประมาณเพื่อความนุ่มนวล แรงต้านของแป้นเบรกเป็นธรรมชาติ
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4816.jpg.webp)
การเก็บเสียงของ City ใหม่ ก็ทำได้ดีกว่ารถรุ่นก่อนหน้าพอสมควร เงียบกว่าที่ความเร็ว 120 กม./ชม. มีเพียงเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาตอบขอบประตูเท่านั้น เช่นเดียวกบเสียงยางที่เบาลงด้วยเช่นกัน
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_3602.jpg.webp)
เอาล่ะ รถอีโค่คาร์กับอัตราสิ้นเปลืองมักจะมาเป็นของคู่กัน แน่นอนว่าเครื่องเล็กลงก็ต้องประหยัดมากขึ้น ซึ่งมันก็ถูกต้อง แต่การทดสอบครั้งนี้เราไม่ได้เน้นขับเพื่อดูความประหยัดเลย ใส่หนักกันตลอดเพื่อดูประสิทธิภาพจริงๆ ของรถ มีขับขึ้น-ลงเขาด้วย ดังนั้นตัวเลขที่ขึ้นบนหน้าปัดจึงอยู่ที่ราว 11 – 12 กม./ลิตร เท่านั้น ถามว่าสามารถทำให้มันประหยัดมากกว่านี้ได้ไหม ได้อยู่แล้วครับแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยทั้งลักษณะการขับขี่ สภาพการจราจร สภาพเส้นทาง น้ำหนักบรรทุก เราคิดว่าตัวเลข 17-18 กม./ลิตร ก็น่าจะเป็นไปได้สำหรับ City ใหม่
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_3588.jpg.webp)
กว้างขึ้น สะดวกสบายขึ้น
สิ่งที่ต้องชื่นชมใน City ใหม่นอกจากจะเป็นความว๊าวของขุมพลังเครื่องยนต์แล้วก็เห็นจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายในห้องโดยสารนี่แหละ แม้ว่าระยะฐานล้อของรถจะสั้นลง แต่กลับได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้น นี่คือความชาญฉลาดในการออกแบบของวิศวกร บรรยากาศในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึดโปร่งโล่งแตกต่างจาก Civic รุ่นพี่อย่างชัดเจน การเข้า-ออกรถทำได้อย่างสะดวกจากประตูบานหน้าและบานหลังขนาดใหญ่
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0883.jpg.webp)
เบาะหน้ารูปทรงธรรมดา วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์ แต่ให้ความกระชับโอบรับลำตัวได้ดี ทำให้เวลาเข้าโค้งแล้วตัวไม่โยกย้ายไป-มา และยังเป็นแบบปรับมือทั้งหมด ความสูงของเบาะคนขับกำลังดี สามารถมองไปข้างหน้าได้ไกล มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกบานหลังค่อนข้างกว้าง เสา A-pillar ขนาดไม่ใหญ่เกินไป พื้นที่เหนือศีรษะมีเหลือเฟือสำหรับคนตัวสูง 180 ซม.
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0782.jpg.webp)
เบาะหลังเป็นจุดที่เราชอบมากเพราะมีพื้นที่กว้างขวางและเข้า-ออกสะดวก นั่งแน่นๆ ได้ 3 คน ซึ่งคนกลางอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อยเพราะขาไปเบียดกับช่องวางของตรงที่พักแขนกลาง พื้นที่ช่วงศีรษะและช่วยขามีเหลือมากพอให้คนตัวสูง 180 ซม. นั่งได้อย่างสบายใจแม้ว่าจะต้องนั่นนานหลายชั่วโมง
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0910.jpg.webp)
รุ่น SV จะมีโทนสีภายในห้องโดยสาร 2 แบบขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอกคือดำล้วนกับทูโทนไอเวอรี่/ดำ ซึ่งอย่างหลังช่วยเพิ่มความสว่างและดูพรีเมี่ยมมากขึ้น หน้าปัดเป็นแบบเข็มอนาล็อกพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ตรงกลาง ตัวเลขใหญ่ดูชัดเจนดี พวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่ก้านซ้ายปรับได้เฉพาะสูง-ต่ำ
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0862.jpg.webp)
แดชบอร์ดมาในดีไซน์เรียบง่าย ใช้วัสดุคุณภาพดีแต่ก็มีพลาสติกแข็งปะปนอยู่เยอะ จัดวางปุ่มควบคุมต่างๆ ให้เข้าถึงง่าย เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี คุณภาพหน้าจออยู่ในเกณฑ์ดี ตอบสนองไว หน้าตาเมนูต่างๆ ใช้งานง่าย มีเฉพาะฟังก์ชั่นมาตรฐาน อาทิ วิทยุ เครื่องเล่นเพลง แต่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ ส่วน Apple CarPlay และแอพฯ HONDA Connect จะมีในรุ่น RS เท่านั้น ระบบเสียงเป็นลำโพง 4 ตัวคุณภาพมาตรฐาน ฟังได้เพลินๆ หากไม่คิดอะไรมาก หน้าจอนี้ยังแสดงภาพขากกล้องมองหลังด้วยซึ่งค่อนจ้างคมชัดเลยทีเดียว
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_0835.jpg.webp)
ห้องเก็บสัมภาระของ City ใหม่มีขนาดที่ดูด้วยสายแล้วไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก การเก็บรายละเอียดทำได้เรียบร้อยดี สามารถเปิดประโปรงท้ายได้ด้วยการกดปุ่มบน Smart Key คาไว้ 3 วินาที ไม่สามารถพับเบาะหลังได้ ใต้พื้นห้องยังมียางอะไหล่มาให้
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_4437.jpg.webp)
สรุปความน่าใช้
ภายใต้รูปร่างหน้าอันแสนหล่อเหลา City ใหม่สร้างความประทับใจได้แบบเกินคาด ยอมรับก่อนขับเราก็คิดเหมือนกันว่ารถฮีโค่คาร์เครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ คงไม่เท่าไรหรอก น่าจะออกแนวนุ่มๆ เนิบๆ เน้นความประหยัดมากกว่า แต่ที่ไหนได้ เมื่อมาลองขับแล้วจึงได้รู้ซึ้งถึงพิษสงที่แท้จริงของรถคันนี้ City ใหม่มีพละกำลังมากเกินกว่าคำว่าอีโค่คาร์ มันสามารถขับขี่เนิบๆ ในเมืองได้อย่างนุ่มสบายแต่ถ้าต้องการซิ่งเมื่อไรได้เรื่องแน่ เราก็ไม่อยากจะเชื่อว่ารถอีโค่คาร์จะวิ่งทะลุ 200 กม./ชม. แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆ นอกจากจะเร็วแล้วยังหนึบด้วย ถ้าให้เทียบกับรุ่นก่อนหน้า City ใหม่ดีขึ้นมากมาย และถ้าให้เทียบกับคู่แข่งร่วมคลาส City ใหม่ก็อยู่ในลำดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
จุดที่ City ใหม่ยังต้องพัฒนาต่อไปคือออปชั่นบางอย่างน่าจะกระจายจากรุ่นท็อปลงมารุ่นล่างๆ บ้าง รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ยังเป็นรองคู่แข่งอย่าง Mazda 2 และ Nissan Almera อย่างไรก็ตาม City ใหม่ก็เริ่มต้นได้ดีและยอดขายก็กำลังไปได้สวย ตัวเลือกที่น่าสนใจก็น่าจะเป็นรุ่น SV นี่แหละ ราคาดี ออปชั่นดี แต่ถ้าอยากหล่อสุดๆ ต้องไปรุ่น RS เราขอฟันธงว่าถ้าชอบอีโค่คาร์พลังสูง เร็ว แรง จัด All-New Honda City แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง
![](https://www.whatcar.co.th/wp-content/uploads/2020/01/DSC_3900.jpg.webp)
ขอขอบคุณ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปก All-New Honda City ได้ที่ http://bit.ly/2XQSZoW
ราคา All-New Honda City
- รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
- รุ่น V ราคา 609,000 บาท
- รุ่น S ราคา 579,500 บาท