BMW ix xDrive 40 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งใช้โครงสร้างแบบ Aluminium spec form ประกอบกับข้อต่อที่เชื่อมต่อกับตัวรถต่างๆ เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้รถยนต์คันนี้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษถึงแม้ว่าตัวแบตเตอรี่จะอยู่ที่พื้นใต้ท้องรถก็ตาม แล้วก็มีการออกแบบในเรื่องของเส้นสาย Ground clearance หรือว่าตัวจุดศูนย์ถ่วงต่างๆให้เหมือนกับ BMW X6
รุ่นที่เราจะนำมาทดสอบกันในวันนี้คือ BMW ix xDrive 40 ว่าเป็นรถไฟฟ้าล้วน ซึ่งมิติตัวถังของรถความยาว 4,953 มม. ความกว้าง 1,967 มม. ความสูง 1,696 มม. น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,440 กก.
โดยใช้เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive ใน Generation ที่ 5 ทำงานร่วมกันของมอเตอร์ 2 ตัว คือคู่หน้าและคู่หลังและให้กำลังแรงม้าทั้งหมด 326 แรงม้า หรือ 240 กิโลวัตต์ ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 630 นิวตันเมตร ความจุของแบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออน 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางต่อ 1 การชาร์จเนี่ยตามมาตรฐานเนี่ย WLTP สามารถชาร์จเต็ม 425 กม. ในเรื่องของความเร็วสูงสุดสามารถทำได้ 200 กม./ ชม อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 6.1 วินาที การชาร์จไฟแบบกระแสสลับหรือว่า AC รองรับการชาร์จสูงสุดได้ 22 kW แล้วก็การชาร์จจาก 0-100 กม. ถ้าเราใช้ตัว Wall charger เต็มที่ของเขาเลยอยู่ที่ 22 kW ในระบบ AC ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที แล้วก็ในระบบ DC รองรับสูงสุดอยู่ที่ 150 kW แล้วก็ระยะการชาร์จไฟจาก 0- 80% ใน 50 kW สามารถชาร์จในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 23 นาที ส่วน DC ที่เป็น 100 kW 40 นาที แล้วก็แบบ 250 kW ชาร์จจาก 0 ถึง 80% แค่ 34 นาที
การออกแบบเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือว่าหลัก Arrow Dynamic ส่วน kidney Grilled ก็ยังคงความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW และวัสดุที่บอกว่าเป็นนวัตกรรมของ BMW แน่นอนว่าเมื่อมีเศษหินเศษส่วนกระเด็นใส่บริเวณตัวรถก็จะสามารถใช้ความร้อนในการรีแพร์ให้กลับมาเนียนเรียบเหมือนเดิมได้ด้วยตัวเอง แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตัวนี้ได้ย้ายตัวรับอากาศข้างหน้าไปไว้ที่ชายกันชนขอบล่างซึ่งอากาศจะเข้าไปในช่องด้านล่างชายกันชนขอบล่างที่เป็นพลาสติกและจพทำการเปิด-ปิดในการเซ็นเซอร์อุณหภูมิว่าอากาศควรจะเข้าไปเมื่อไหร่ กระจังหน้าที่ดูตันๆ มีเซ็นเซอร์ในการจับเรื่องความปลอดภัยและเรดาห์ต่างๆ อยู่ที่กระจังหน้า และโลโก้ด้านหน้าเปิดได้มีไว้เติมน้ำเพื่อฉัดกระจกด้านหน้าหรือด้านหลังซึ่งจะเรียกว่า Shy tech ถัดลงเราจะเห็นกล้องที่บริเวณกระจังหน้ารถซึ่งจะมีตัวฉีดน้ำเก็บซ่อนเพื่อทำความสะอาดเลนส์กล้อง
ไฟเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ BMW เป็นไฟ BMW Laser Light ซึ่งสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 600 เมตร และเป็นระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติและระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ และเมื่อมีรถสวนมาพิกเซลของไฟที่ส่องตรงก็จะแหวกออกด้านข้างทำให้รถที่สวนมาไม่โดนไฟแยงตาหรืิแม้แต่เราไปในที่มืดพิกเซลของไฟก็จะแผ่ออกไปเพื่อที่จะทำให้วิสัยของการมองเห็นของเรากว้างและไกลไปได้อีก
ไฟ Day time running เปลี่ยนใหม่จากตัว L ด้านล่างย้ายไปอยู่ที่ด้านบน และไฟหลักและไฟสูงจะรวมกันอยู่ที่ตรงกลางและมีไฟตัดหมอกมาให้ด้วย ด้านล่างก็จะมีเซ็นเซอร์ด้านหน้า 6 จุด บริเวณกระจกหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง แล้วก็ด้านข้างแก้มยาง 2 ตำแหน่ง
ล้อด้านหน้ามีการออกแบบที่เรียกว่า Aero Dynamic wheel หรือเรียกว่าเป็นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ขนาดของล้อแม็กเป็น 22 นิ้ว เรื่องของยางอยู่ที่ 275/44 R 22 ทั้งด้านหน้าแล้วก็ด้านหลัง มาพร้อมวัสดุซับเสียงที่อยู่ในตัวล้อแม็ก มีดิสเบรคขนาดใหญ่ ส่วนคาลิปเปอร์เบรคจะมีการทำงานที่เรียกว่า regenerat ที่แบตเตอรี่จะกลับเข้าไปด้วยหรือว่าชาร์จไฟกลับเข้าไปในแบตเตอรี่ด้วย ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbone ปีกนกคู่ ส่วนโช็คเป็น Air suspension
กระจกด้านหน้ามีความโค้งมากกว่ารถยนต์ SUV ปกติเพราะคันนี้เป็น SAV ที่ออกแบบมาให้ตามหลักอากาศพลศาสตร์ และจะเห็นนะว่ามีกล้องที่เป็นตัวเซ็นเซอร์ในเรื่องของการขับขี่ระบบความปลอดภัย เรื่องของ Adaptive Crusie Control การเปิดปิดไฟหน้าแล้วก็ตัวปัดน้ำฝนมาให้ด้วย ในส่วนหลังคาตัวนี้เป็นหลังคากระจกทั้งบาน หรือเรียกว่า panorami Glass และขอบคิวประตูกระจกตัวนี้เป็นสีดำเงาแบบ Gloss Black ถัดมาที่กระจกมองข้างสำหรับ ix ตัวนี้มีการออกแบบไฟเลี้ยว LED ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นเส้นๆ มาให้มาพร้อมตัวไฟด้านข้างมาอีกเพราะว่าเห็นด้านหน้าแล้วก็ต้องเห็นด้านข้างด้วย และมีกล้องด้านข้างมาให้ด้วยเพราะตัวนี้เป็นกล้องแบบ 360 องศา ในส่วนของกระจกมองข้างก็จะมีตัว Blind Spot มาให้ ซึ่งเป็นกระจกแบบโค้งพิเศษทำให้มองเห็นขอบได้ลึกหรือว่ามองเห็นท้ายได้ลึกอยู่พอสมควรและปรับไฟฟ้าด้วย
ประตูรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ที่ดูเนียนเรียบซึ่งมันจะไม่มีเส้นนำสายตาหรือว่าเส้นแข็งขึ้นมากับกระโปรง แต่จะมีเส้นนูนบริเวณเกือบถึงชายของด้านล่างซึ่งจะเพิ่มความคมชัดหรือว่าเพิ่มดีไซน์ขึ้นมาทำให้รถดูลู่ลมมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่เปิดประตูตัวนี้มันก็จะเนียนเรียบไปกับตัวรถเนื่องจากเป็นเรื่องขออากาศพลศาตร์ด้วยแล้วก็การดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น เราจะเห็นว่ามีรถยุโรปบางรุ่นที่มือเปิดประตูรถดูเรียบไปกับตัวรถ แต่ว่ายังใช้มือกดแต่รุ่นนี้แค่ใช้มือสอดเข้าไปสัมผัสนิดเดียวซึ่งเป็นแบบระบบ Comfort assist พอเราแตะโดนเซ็นเซอร์จับการทำงานประตูเปิด แต่ประตูจะยังเปิดไม่ได้เราต้องกด
เมื่อเปิดประตูมาเราจะเห็นเป็นประตูไร้ขอบหรือว่าเฟรมเรตทำให้เพิ่มความสวยงาม ประตูบานหน้าเปิดค่อนข้างกว้างทีเดียวและเมื่อเราปิดเป็นแบบ Soft Close เป็นประตูดูดทั้งด้านหน้าและด้านท้าย เมื่อเราล็อคเราใช้ระบบสัมผัส comport assist ซึ่งสะดวกค่อนข้างมาก และชายกันชนด้านล่างเป็นบังโคลนที่ใช้วัสดุพลาสติดดำด้านเกรด ABS และมีเส้นสันที่เป็น Gross Black เงาเพิ่มความโดดเด่นขึ้นมา
ถัดมาด้านท้ายเราจะเห็นว่าตัวของเสาบีจะมีความลู่ลงมามันจะไม่ได้เหมือนรถแบบ SUV X5 แต่ตัวนี้จะมีความคล้าย X6 เสาซีนก็เป็นแบบ Gross Black และฝากระโปรงท้ายก็มีความลู่ลงมานะทำให้ด้านท้ายไม่ได้ดูใหญ่เทอะทะไปเกินไปทำให้รถมันดูมีความทะมัดทะแมง ในส่วนกระจกหลังบานใหญ่พอสมควรเพราะเรามองจากทัศนวิสัยในการมองเห็นข้างหลังค่อนข้างที่กว้างอยู่พอสมควร ด้านหลังมาพร้อมมีที่ปัดน้ำฝนและที่ฉีดน้ำทำความสะอาด
การออกแบบเส้นสายของตัวไฟเบรคข้างหลังมันเป็นแบบยุคใหม่แต่มันยังคงมีความแอบ L Shape ของ BMW รุ่นก่อน แต่ว่ามันจะมีความเนียนเรียบแบบ Minimal ซึ่งก็สมการเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งไฟตัวนี้พอเรากดเปิดจะไฟเลี้ยวทำงานส่วนไฟเบรคจะวิ่งไล่จากข้างในออกข้างนอก เราจะเห็นเลยว่าโลโก้เขาจะเด่นขึ้นมาเลยแล้วก็ยังมีกล้องมองหลังซ่อนมาในตัวโลโก้ตัวนี้มาให้ด้วยพร้อมกับตัวฉีดน้ำทำความสะอาดเลนส์กล้องด้านหลังมาให้ด้วย และอักษร iX แสดงว่ารถคันนี้เป็นรถไฟฟ้าตระกูล iX แล้วก็โลโก้ x Drive40 เป็นชื่อรุ่น และเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All Wheel Drive
ถัดมาดูในเรื่องของกันชนด้านล่างมันก็จะมีการเล่นสีตัดสลับกับสีตัวถังของตัวรถจะเห็นว่ากันชนจะเป็นสีพลาสติกแบบดำด้านพร้อมกับตัวเซ็นเซอร์แบบ Ultra Sonic 6 ตัว รวมแล้วข้างหน้าข้างหลังมี 12 ตัว แล้วก็จะมีตัวทับทิมสะท้อนแสงสำหรับรถที่ตามมาด้านหลัง มาพร้อมไฟตัดหมอกขณะฝนตกมาให้ด้วย และไฟถอยหลังก็อยู่บริเวณเดียวกับทับทิมสะท้อนแสงซึ่งเป็น LED แบบเต็มระบบ มากับดิฟฟิวเซอร์ที่มีลักษณะเป็นครีบซึ่งก็จะช่วยในเรื่องของ Aero Dynamic
ด้านท้ายสามารถที่จะเปิดปิดด้วยไฟฟ้าหรือว่าเราจะสั่งการจากรีโมทก็ได้ เปิดมาก็จะเห็นว่ามีตัววัสดุที่บังสายตาสำหรับที่เก็บสัมภาระมาให้ 2 ชิ้น แต่เป็นชิ้นแข็งๆ
เมื่อเปิดขึ้นมาจะบริเวณด้านข้างซึ่งถ้าเราไม่รู้ว่าเป็นรถ BMW มันคุ้นมากสำหรับคนที่ใช้รถยุโรป มันเหมือนกับ Audi ตระกูล Q เช่น Q5 หรือ Q7 แต่ทาง BMW ใส่ไฟเข้ามาให้ด้วยเพื่อความปลอดภัยเพราะเมื่อเปิดท้ายขึ้นจะได้มีไฟแสดงว่าบริเวณนี้มีรถจอดอยู่
เรามาดูกันในส่วนของที่เก็บสัมภาระด้านท้ายกันบ้างซึ่งความจุสัมภาระตอนที่เราไม่ได้พับเบาะ 500 ลิตร โดยพื้นที่ด้านท้ายจะเรียบไปเลยไม่มีส่วนนูนโค้งขึ้นมาทำให้เมื่อวางของก็สะดวก และมีที่เก็บสัมภาระข้างใต้มาให้ซึ่งช่องใหญ่มาก มาพร้อมของแถม Emegency Charge ที่สำหรับเสียบไฟบ้านถ้าเรายังไม่มี Wall Box และมีสายชาร์จที่พ่วงกับ wall Box หรือว่าสถานีชาร์จมาให้ด้วยถ้าเกิดว่าหัวชาร์จไม่รองรับกับของเรา และยังไม่หมดเท่านั้นมีตาข่ายที่เอาไว้เกี่ยวคลุมสัมภาระไม่ให้เละเทะ ในส่วนของพื้นที่สัมภาระมีตะขอเกี่ยว Power Outlet 12V และปุ่มพับเบาะด้านซ้ายและขวาแบบ 60:40 ซึ่งเมื่อพับเบาะที่นั่งตอนกลางลง 1,750 ลิตร ซึ่งใหญ่พอสมควร
เมื่อจะปิดฝากระโปรงท้ายเราสามารถกดสวิตซ์ได้ แต่ถ้าใครที่จอดรถบริเวณเพดานต่ำรถคันนี้สามารถปรับระดับล็อกตำแหน่งความสูงไว้ได้ และการปิดท้ายสามารถใช้รีโมทและ Kick sensor ได้
สเปคเครื่องยนต์
Body Style | SAV |
Description | รถเอสเอวี 5 ประตู |
Engine | เครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Generation ที่ 5 ทำงานร่วมกันของมอเตอร์ 2 ตัว |
Fuel Consumption | มอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Generation ที่ 5 |
Fuel Type | 425 กม./ชาร์จ 1 ครั้ง |
Make | BMW iX |
Max Power | 326แรงม้า |
Max Torque | 630 นิวตันเมตร |
Model | BMW ix xDrive 40 |
Price Guide | 4,999,000 บาท |
Release Date | 2 มิถุนายน 2566 |
0-100 km/h | 6.1 วินาที |
Transmission | – |
การขับขี่
เรามาลองในเรื่องของระบบ adaptive cursie Control สำหรับคันนี้ทำถึงจุดหยุดนิ่งหรือว่า Stop and Go ด้วยโดยปุ่มคอนโทรลทั้งก้านพวงมาลัยด้านซ้ายมือเราก็เข้าไปตั้งค่าก็จะมีในเรื่อง Speed Limit ที่โชว์ใน Head up Display หรือว่าจอมาตรวัด ระยะห่างตั้งได้ค่อนข้างละเอียดครับไม่ได้เป็นแบบขีดๆ เหมือนกับพวก BMW X3 หรือซีรี่ส์ ตั้งได้สูงสุดถึง 200 – 300 เมตร อีกโหมดหนึ่งก็ใช้ adaptive cursie control ก็จะมีไอคอนของรถมาตรวัดแล้วก็พวงมาลัยระบบนี้ก็จะเข้าควบคุมแม้กระทั่งถึงพวงมาลัยด้วย ซึ่งทำงานร่วมกับเรดาร์กับกล้องหน้ารถก็จับเส้นประถมในเรื่องของเลนส์ ระบบเตือนเมื่อออกนอกประคองพวงมาลัยให้อยู่ในเลนส์ ตั้งความเร็วได้ง่าย สำหรับตัว ix หรือว่ารถไฟฟ้าล้วนคันนี้ แล้วก็พวงมาลัยก็จะควบคุมเองนะแม้กระทั่งรถเลี้ยวแล้วมีเส้นปะที่ชัดเจนพวงมาลัยเขาก็จะประคองเลี้ยวตามให้ด้วย
ในกระจกมองข้างทั้งสองด้านเขาวางตำแหน่งที่เขยิบเข้ามาทำให้เราสามารถที่จะมองเห็นได้ดีขึ้นทำให้มันไม่ได้บดบังในเมื่อตอนเราจะเลี้ยวหรือว่าจอดที่แคบต่างๆ กระจกมองข้างเห็นชัดเจนครับถึงแม้ว่ารถจะใหญ่ แต่ก็เหมือนเราขับรถเล็ก คันนี้เป็นคันเร่งไฟฟ้าเราเหยียบตามน้ำหนักซึ่งใกล้เคียงกับเครื่องยนต์สันดาปพอสมควรโดยมันมีระยะฟรี ระยะตึงของคันเร่งให้เราออกตัวแบบนุ่มนวลได้แล้วก็กดคันเร่งไปความเร็วเก็มาแบบทันใจถ้าเราต้องการเร่งแซงหรือว่าต้องการความเร็ว
พวงมาลัยเบาในความเร็วต่ำแล้วก็ความเร็วสูงๆ ก็ไม่ได้หนักตึงมือจนเกินไปแต่ก็น้ำหนักกำลังดี ซึ่งมันจะมีไอคอนซาวด์ system ซึ่งเป็นเสียงสังเคราะห์ของเขาก็จะมีลำโพงอยู่ด้านหน้ากระโปรงหน้าซึ่งคนด้านนอกก็จะได้ยินตอนเราวิ่งในความเร็วต่ำด้วยแล้วก็ตัวเราเองก็จะได้ยิงด้วยFfpเป็นเสียงแบบดิจิตอล ถ้าเกิดว่าเราขับในเมืองเราสามารถใช้ระบบหน่วงแรงช่วยเบรคแบบอย่างในรถไฟฟ้าญี่ปุ่นทั่วไปได้ แล้วก็ปรับโหมดที่ตัว B บนคันเกียร์ B โดยจะทำการหน่วงแบบที่เรียกว่าว่าค่อนข้างจะหัวทิ่มทีเดียวนะถ้าเราปล่อยแบบเร็วแล้วก็ปล่อยคันเร่งเลย พอเราปล่อยนะมันก็จะหน่วงกลับไปเขาเรียกว่าเต็มประสิทธิภาพในการรีชาร์จไฟเข้าไปในแบตเตอรี่อันนี้เหมาะสำหรับการใช้ในเมืองรถติดๆ ถ้าเราไม่อยากใช้เบรคแล้วก็เหยียบคันเร่งปล่อยรถก็จะเบรกให้
เนวิเกเตอร์ต่างๆ เราใช้กับระบบของรถได้เลยซึ่งเขาเชื่อมต่อกับซิมการ์ดหรือว่าระบบ 5g ตัวนี้ก็เป็นแบบเรียลไทม์เหมือนใน Series 5 ที่เป็น OS รุ่นใหม่ๆ สำหรับใน iX ตัวนี้ก็เป็นตัวล่าสุดซึ่งตัวเนวิเกเตอร์หรือว่าแผนที่ค่อนข้างที่จะแม่นยำที เมื่อเรามาที่ทางแยกรถก็จะมีการหน่วงความเร็วน้อยทำให้รถมี momentum ที่จะไหลไปถ้าเกิดว่าตัวกล้องหน้าจับภาพได้ว่าเป็นสัญญาณไฟเขียว พอเราเหยียบคันเร่งมาและปล่อยคันเร่งรถก็จะไหลผ่านไฟแดงไปให้โดยที่ไม่ได้มีการหน่วงมันอัจฉริยะมากๆ เลยหรือว่าถ้าเกิดว่าเป็นสัญญาณไฟแดงกล้องจับได้มีการจราจรหนาแน่นพอสมควรรถก็จะทำการหน่วงความเร็วแล้วก็มีการรีเจนเนอร์ไฟกลับเข้าไปให้ด้วย
ในรถไฟฟ้าคันนี้เราสามารถกดไปที่ My Mode ก็จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลายรูปแบบทีเดียว ซึ่งก็จะแยกแตกต่างกันไป อย่างโหมด Personal คือเป็นระบบแบบส่วนบุคคล พอเราปรับเป็นโหมด Sport มาตรวัดก็จะเป็นสีแดงเข้มก็จะเป็นในเรื่องของนี่ระบบขับเคลื่อน ได้รวมถึงบอกผู้ขับขี่ด้วยในเรื่องของการปลูกกระชับของปีกเบาะก็จะเข้ามาโอบกระชับลำตัวได้มากยิ่งขึ้น
เราขับกันแบบไวๆ เลยนะจนหลังติดเบาะ สิ่งที่เราสัมผัสได้คือเสียงมา ช่วงล่างแน่น คันเร่งนี่ไวมาแบบเร็วทันใจหลังติดเบาะเลย พอผ่อนคันเร่งก็จะ regenerate กลับเข้าไปให้ความรู้สึกหน่วงพอสมควรแต่ไม่ได้หน่วงมากก็ช่วยให้เราเร่งแซงได้แบบทันใจ
ต่อมาที่เรื่องของการเผาผลาญเชื้อเพลิงการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ล้อสามารถบังคับเลี้ยวได้ 4 ล้อเลยำทั้งหน้าและหลังก็จะมี 2 รูปแบบด้วยกันก็คือรูปแบบแรกในความเร็วต่ำล้อก็จะเลี้ยวตรงกันข้ามในด้านหน้าและด้านหลังก็คือเราเข้าซองเลี้ยวกลับรถที่แคบต่างๆ ในความเร็วต่ำ 35 กิโลเมตร ถ้าเลยกว่านั้นเราใช้ไม่ได้แต่ถ้าความเร็วสูงๆ สำหรับการบังคับควบคุมเลี้ยว 4 ล้อ คันนี้ไปทิศทางเดียวกันก็คืออาจจะไปประมาณสัก 3 องศา ในความเร็วสูงก็จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นผิวถนนจะได้เต็มที่แล้วก็ก่อนที่เราจะมาขับขี่กัน เราได้ทำการชาร์จตู้ไฟ DC Combo 2 ซึ่งชาร์จใช้ระยะเวลา 55 นาที เต็มพอดีเลยแล้วก็ตัวที่เป็นตัววิ่งกิโลเมตรเราสามารถวิ่งได้เต็มจริงๆ ตัวนี้โชว์ที่ 425 กิโลเมตร ตอนนี้เหลือ 377 กิโลเมตร แบตเตอรี่ใช้ไปจาก 100% เหลือ 83% เราก็จะเห็นได้จากจอแสดงภาพข้อมูล ซึ่งเราวิ่งมาก็เฉลี่ยแล้ว 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร ระยะเวลาในการใช้งานก็ 1 ชั่วโมง 49 นาที ระยะทางเนี่ย 56.1 กิโลเมตร ก็เรียกได้ว่าตอบโจทย์ สำหรับการใช้งานในเมืองแล้วก็ออกนอกเมืองด้วย
สุทรียภาพการขับขี่
ประตูฝั่งคนขับไม่มีตัวง้างเปิดประตูเหมือนรุ่นอื่นแต่จะใช้ระบบไฟฟ้าที่เพียงสัมผัสประตูก็จะปลดล็อกให้อัตโนมัติ แต่ถ้าระบบไฟฟ้าไม่ทำงานก็จะมีตัวง้างเปิดอยู่บริเวณด้านล่าง เราจะสังเกตเห็นคริสตัลสวยๆ บริเวณประตู ซึ่งจะเป็นปุ่มปรับตำแหน่งไฟฟ้าที่เบาะผู้ขับขี่ด้านหน้า และผู้โดยสารด้านหน้า และยังมีตัวคริสตัลที่ใช้ปรับความจำตำแหน่งผู้ขับขี่ได้ 2 ท่าน มาพร้อมลำโพง harman kardon ที่เป็นลำโพงเซอร์ราวเต็มระบบ
ด้านในฝั่งผู้ขับขี่เป็นระบบไฟออโต้ที่เปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติเพราะว่าไฟเป็นแบบเลเซอร์ไลท์และไฟสูงต่ำอัตโนมัติ อย่างที่เราเคยบอกว่าถ้ามีออโต้กดใช้ไปเลpเราจะได้โฟกัสจัดการขับขี่อย่างเดียว มาพร้อมไฟตัดหมอกด้านท้าย ตรงนี้เป็นไฟด้านในเป็นระบบที่เปิดแล้วเราสามารถไปควบคุมที่คอนโทรลจอตรงกลางได้
การออกแบบใน iX คันนี้เป็นการยก Living room มาไว้ในรถมีชั้นวางทีวี มีโโซฟาใหญ่ๆ มีพวกชั้นวางของต่างๆ แล้วก็ความโดดเด่นของเขาก็คือเรื่องของการใช้วัสดุที่ใช้จากการรีไซเคิล ซึ่งในรถเป็นการย้อมสีจากใบต้นมะกอกซึ่งทางยุโรปเนี่ยเขาก็กวาดทิ้งแต่ BMW ก็นำมาย้อมสีโทนก็จะออกเป็นแนวโทนดำด้าน แบบดำถ่าน มีขอบสลับ ลายเหมือนไทเทเนียมออกสีทองด้านเสริมความโดดเด่นหรูหราทันสมัยขึ้นมา ตัววัสดุของคอนโซลกลางเป็นหนังสังเคราะห์ที่เขาเรียกว่า sensatec มีความทนทานกับเรื่องของความร้อนการขีดข่วน หรือแดดต่างๆ ผ้าที่โอบอุ้มตัวเสา a แล้วก็ตัวผนังต่างๆ เป็นสีดำนะเป็นผ้าแบบ anthracite
จอเรียกว่า BMW Curve Display เป็นจอกลาง 14.9 นิ้ว เป็นอินโฟเทนเม้นต์ ส่วนจอแสดงมาตรวัดที่ประมวลผลการขับขี่รวมถึงฟังก์ชันต่างๆ 12.3 นิ้ว สำหรับการขับขี่รถยนต์ ซึ่งที่เราเห็นก็เป็นการออกแบบของ BMW ยุคใหม่ โดยเราก็จะเห็นจอแบบนี้ใน BMW Series 3 ตัวใหม่ใน x 1 ตัวใหม่ ความรู้สึกมันเหมือนเรานั่งรถยนต์ mpv ขนาดกะทัดรัด
สำหรับพวงมาลัยแบบใหม่ตัวนี้มันจะใช้งานง่ายคนตัวใหญ่ก็จะสามารถที่จะเข้ามาขับได้ไม่ติดพวงมาลัย พอเราหมุนวงเลี้ยวต่างๆมันให้ความรู้สึกแบบผ่อนคลายซึ่งเป็นแบบ 2 ก้าน มัลติฟังก์ชั่น ด้านซ้ายเป็นเรื่องของโหมดอำนวยความสะดวกในการขับขี่ต่างๆเรื่องของ adaptive cruise control Speed Limit กดรีเซ็ตต่างๆ ซึ่งเป็นระบบสัมผัส ส่วนด้านขวาก็เป็นเรื่องของระบบรับโทรศัพท์วางโทรศัพท์แล้วก็สั่งการด้วยเสียง และมีปุ่มที่เราสามารถสั่งการหน้าจอมาตรวัดตรงกลางได้
รถยนต์คันนี้ไม่มีเกียร์เพราะเป็นแบบไฟฟ้า แล้วมีการออกแบบมาเป็นแบบ Double layer ก็คือ 2 ชั้น ปุ่ม iDrive ต่างๆ ที่เป็นคริสตัลมีความเป็นมินิมอลมามีความหรูหรามามีการใช้วัสดุธรรมชาติซึ่งมาคู่กับเป็นแผงไม้เป็นแบบทัช มีไอคอนต่างๆ บอกการใช้งานง่าย เกียร์ไฟฟ้าใช้เลื่อนเอา
บริเวณคอนโซลกลางมีปุ่มเนวิเกเตอร์ซึ่งจะเห็นชัดในเวลากลางคืนแต่เวลากลางวันก็อาจจะต้องเพ่งเล็กน้อย ปุ่มโทรศัพท์ ปุ่มมีเดีย ปุ่มโฮมก็มีมา ดปุ่ม Back กดย้อนกลับเพื่อความสะดวก ปุ่มกล้อง 360 องศา ที่ทำให้เราได้เห็นถึงระบบออโต้ parking มีการถอยจอดแบบเข้าซอง รวมไปถึงมีปุ่มการตั้งค่าต่างๆ และมีปรับยกสูงรถที่สามารถยกได้ถึง 20 มม. เพราะว่าเป็นโช๊ค Air suspension ที่เป็นถุงลม
ถัดมาที่เก็บของวางแขนขนาดใหญ่ สามารถเก็บของได้เยอะ ใช้ได้ดีและมี Wireless Charge เพิ่มความสะดวกสบาย มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่
เพดานด้านบนเป็นหลังคากระจกแต่ไม่สามาถเปิดได้และไม่มีม่านบังแต่เป็นเซ็นเซอร์ที่ยิงประจุไฟไปในกระจกเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะเหมือนกับเครืองบิน Japan Ariline ที่ไม่มีม่านแต่เป็นปุ่มกดไฟฟ้า สามารถปรับให้ทึบหรือสว่างได้ สำหรับตัวกระจกจะช่วยเรื่องรังสียูวี รังสีไอความร้อนต่างๆ ซึ่งตอนที่นั่งในรถกระจกร้อนแต่แทบไม่มีความร้อนลงมาเลย
แผงกลางด้านบนเป็นการควบคุมหลังคากระจกและไฟแอลอีดีส่องส่วางต่างๆ มาพร้อมปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือ
ที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าประตูสามารถปรับได้เหมือนฝั่งผู้ขับขี่ ในส่วนของหมอนหนุนปรับไม่ได้เพราะเป็นชิ้นเดียวกับเบาะ ออกแบบมารองรับสรีระพอกับความปลอดภัย ส่วน Head room และ Leg room คนที่สูงประมาณ 180-185 ซม. จะรู้สึกได้ถึงความกว้าง ช่วงขาเหลือๆขับสบาย
หน้าจอกลางสามารถที่จะบวกเพิ่ม Widget ก็คือเราใช้งานอะไรบ่อยแล้วก็บวกเพิ่ม เราก็สามารถที่จะเอามาโชว์ในหน้าจอนี้ได้ที่เราใช้งานบ่อยๆ อย่างเช่น ตั้งค่าเริ่มต้นการขับขี่หรือว่าตัวแสดงผลข้อมูลการขับขี่ของการใช้พลังงานต่างๆ มีการรวบรวมไว้ว่าเราตั้งค่าชาร์จตั้งแต่วันที่เท่าไหร่เริ่มขับขี่ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ หรือว่าเราจะรีเซ็ตเป็นค่าโรงงานหรือกำหนดค่าด้วยตัวเองก็ได้ มีภาพเป็นกราฟิกสวยดี การใช้งานในส่วนของหน้าจอกลาเลื่อนแล้วลื่นมือ เป็นระบบปฏิบัติการ 8 ใหม่ล่าสุด เรากลับมาที่หน้า Home มีสภาพอากาศ มีการบอกสภาพการจราจรหรือว่า Navigation ต่างๆ มี BMW ID เราสามารถที่จะจัดการผู้ขับขี่ได้โดย Add ID ของผู้ขับขี่แต่ละคนใส่เข้าไป อุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ เราสามารถที่จะแอดโทรศัพท์ไปได้และสามารถที่จะเชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็น Apple Car Play หรือว่า Android Auto แบบไร้สายสามารถซิงค์เข้าไปได้เลยสำหรับตัวหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ ในส่วนของข้อมูลช่วยเหลือส่วนบุคคลเราสามารถที่จะสั่งการได้มีคู่มือแนะนำด้วยคือ BMW Assistance วิทยุสามารถตั้งสถานี ระบบ Navigation นำทางตัวนี้เป็นระบบนำทางที่เป็นตัวล่าสุดก็คือแบบเรียลไท สามารถที่จะเชื่อมต่อกับข้อมูลการขับขี่ได้อย่างเช่นเราอาจจะหาจุดหมายปลายทาง หรือว่าเราอาจจะหาสถานีชาร์จก็ได้บอกเลยว่าอีกกี่กิโลเมตร เมื่อเรากดไปมันก็จะตั้งค่าแล้วก็แสดงผลระยะทางแล้วระบบเนวิเกเตอร์ที่เราไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนมันก็จะทำการ Connect กับตัวสมองกลหรือว่าตัวกล่อง ECU ระบบการทำงานของรถ เช่น การรีชาร์จ
มีระบบนี่ที่สำคัญคือระบบการขับขี่ My Modes การใช้งานก็จะมีโหมด Personal เป็นการปรับแต่งการขับขี่แบบส่วนบุคคล อย่างเช่น การขับเคลื่อนแบบ adaptive ที่เราไม่ได้ตั้งค่าเองมันก็จะทำให้รถลื่นไหลแล้วก็ระบบปรับอากาศต่างๆ ก็จะเป็นระบบที่เป็น Standard ตัวนี้สามารถตั้งค่าพวกเบาะนวดหรือว่าระบบปรับอากาศได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ระบบการขับขี่แบบไดนามิกเพื่อเพลิดเพลินแก่การขับขี่อย่างเต็มที่ โดยมีจอเป็นสีแดงโทนเข้มก็จะแสดงถึงไดนามิกแรง G ต่างๆ รอบหรือพลังงานต่างๆ และไอคอนมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ซึ่งระบบขับเคลื่อนจะมีให้เลือก Comfort และ Sport การขับขี่แบบไดนามิกมีให้เลือก Sport และ Sport Plus ระบบบังคับเลี้ยวมีให้เลือก Comfort และ Sport ระบบกันสะเทือนมีให้เลือก Comfort และ Sport ซึ่ง Comfort ก็จะมีความนุ่มสบาย Sport ก็จะมีความแข็งขึ้นมาหน่อยก็สามารถปรับให้ตรงกับสไตล์การขับขี่ของเราได้ ถัดมาที่เบาะนั่งของผู้ขับขี่สามารถปรับความกว้างของพนักพิงในส่วนของปีกให้โอบกระชับได้
ถัดมาที่โหมด Efficient ที่เป็นการปรับแต่งโดยปรับปรุงอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพ สามารถตั้งค่าระบบปรับอากาศได้ สามารถตั้งค่าระบบปรับอากาศได้ ฟังก์ชั่นมุมมองการใช้ประสิทธิภาพก็คือเปิดระบบที่ช่วยทำให้รถประหยัดสูงสุด ถัดมาที่ระบบเบาะนวดสามารถปรับได้เพื่อเป็นการผ่อนคลายเช่นเดียวกัน
โหมด Expressive เป็นการจัดรูปแบบที่น่าประทับใจและการจัดแสดงไฟที่ทำให้มีชีวิตชีวา พอเรากดโหมดนี้ก็จะได้ยินเสียงที่เป็นไอคอนิกซาวด์ของรถ ซึ่งจะเป็นเสียงแบบคล้ายๆ กับสร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ขับรถดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น หน้าจอของเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วยและมาตรวัดก็เปลี่ยนไปเป็นโทนสีออกเหลืองทองกับฟ้าทำให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
โหมด relax อันนี้เราชอบมาก เสียงของไอคอนิกส์ซาวก็จะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันแต่จะเป็นเสียงเบาๆ ช่วยในเรื่องของบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น สามารถปรับโหมดให้สบายยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นโมหดเริ่มต้น ระบบปรับอากาศ ระบบนวดและที่ป้องกันแดด
โหมด Digital Art ในโหมดนี้จะเป็นเสียงไอคอนิกซาวน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น รูปแบบการขับขี่ก็จะออกแนวทันสมัยมากขึ้น หน้าจอกลางจะแสดงผลแบบเดียวกับหน้าจอระบบอินโฟเทนเม้น ซึ่งในโหมดนี้สามารถตั้งค่าการชาร์จได้ไม่ว่าจะชาร์จทันทีหรือตั้งเวลาก็ได้ แผนการออกเดินทางโดยสามารถตั้งค่าการออกเดินทางได้ไม่ว่าจะเป็นทุกวันทุกสัปดาห์ก็สามารถตั้งค่าของรูปแบบการเดินทางได้ หรือการจำกัดการชาร์จในระบบ AC หรือกระแสไฟบ้าน ซึ่งสามารถปรับขีดจำกัดกระแสไฟได้โดยต่ำสุดจะอยู่ที่ 6 แอมป์ มากสุดจะอยู่ที่ 32 แอมป์ การตั้งค่านี้ก็จะทำให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ถัดมาก็จะมีเป้าหมายการาร์จเราก็สามารถตั่งค่าปริมาณการชาร์จได้ ยังมาพร้อมกับระบบปลดล็อกสายชาร์จและสุดท้ายระดับเสียงพัดลม
เราพาไปชมไฮไลท์ครบถ้วนแล้ว เราจะไปดูกันต่อว่าเจ้าคันนี้ให้อะไรมาอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารที่ครบครัน สภาพอากาศซึ่งแม่นยำมาก การนั่งที่รู้สึกสบายที่สามารถปรับเบาะนั่งได้ตามจุดต่างๆ การตั้งค่าระบบ ไฟในห้องโดยสาร BMW Assistance คู่มือแนะนำการใช้งานซึ่งระบบนี้ก็เหมาะสำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจบางระบบสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้เลยซึ่งเป็นภาษาไทยและบางระบบก็มีเป็นคลิปวีดีโอให้ดูด้วย มีการเชื่อมต่อ WiFi หรือแม้กระทั่งระบบข้อความที่เชื่อมต่อกับมือถือ และมีข้อความ BMW ที่เป็นการแจ้งเตือน service ต่างๆ ยังไม่หมดยังมีการตั้งค่าอัตโนมัติเพื่อสร้างความสะดวกที่มากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบดิจิตอลคีย์ ซึ่งเราจะใช้กุญแจดิจิตอลคีย์ ก็ได้หรือว่าอีกหนึ่งทางเลือกของ BMW ก็คือเข้าไปในแอป My BMW ซึ่งเราสามารถที่จะสั่งการผ่านระบบมือถือได้หรือดูข้อมูลเรื่องของระบบพลังงานต่างๆ ได้ใและปลดล็อคปลดเปิดหรือว่าช่วยในการเข้าจอดผ่านมือถือตัวนี้ก็สามารถทำได้ และยังมีระบบกล้องแบบ 360 องศา แล้วยังสามารถที่จะซื้อโปรแกรมต่อจาก BMW ที่สามารถบันทึกภาพรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุชนด้านหน้าด้านหลังโดยเราขอไปที่ Call Center หรือว่าระบบข้อมูลกลาง เขาก็จะมีภาพบันทึกการขับขี่ของเราทั้งหมดเลย และยังมีระบบการตั้งค่าการขับขี่ซึ่งเราจะได้ใช้งานเยอะพอสมควร หรือแม้กระทั่งระบบล็อคประตูหน้าต่างก็มี ระบบไฟภายนอก และสถานะรถยนต์ ซึ่งไอคอนทั้งหมดนี้ก็เอยะมากและตอบโจทย์ความสะดวกกับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เราจะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งระบบปรับอากาศก็ละเอียด
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่สามารถปรับแต่งได้ตามโหมดอารมณ์ อย่างเช่นมีระบบแบบ Personal มันก็จะเป็นแบบระบบพื้นฐาน ถ้าเป็นสปอร์ตระบบก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ มาตรวัดตัวนี้ก็จะปรับการตามโหมดการขับขี่และจะเชื่อมต่อกับตัวจออินโฟเทนเมนท์ เราใช้งานหลักๆ ก็คือดูความเร็ว
ใน iX คันนี้กว้างมากซึ่งปรับตำแหน่งตามที่เราขับเลย โดยเบาะคนขับเลื่อนมาข้างหลังเค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควรแต่ว่า leg room ก็เหลือเยอะพอสมควรสามารถยืดขาได้สบายไม่ติดเข่า สำหรับ Head room สูงพอสมควรเลย ในการออกแบบเบาะนั่งตอนหลังใช้วัสดุหนังย้อมสีแบบธรรมชาติ สัมผัสค่อนข้างนิ่มพอสมควรแต่ว่าไม่ได้ยุบ เหมือนนั่งโซฟาหนังราคาแพงๆ ที่บ้าน พนักพิงหลังก็รับดีเพราะว่าช่วงก้นออกแบบเหมือนรถยุโรป อย่างเช่นซีรีส์ 5 หรือพวก X5 ต่างๆ ที่เคยรีวิวไว้ รองน่องได้ดีเลย นั่งไกลๆ สบายไม่เมื่อย
ในส่วนของหมอนหนุนศีรษะไม่สามารถปรบได้เช่นเดียวกันแต่เขาก็ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระศาสตร์ ศรีษะเราพิงลงไปกะโหลกด้านหลังรับพอดีเลย การออกแบบก็คล้ายๆด้านหน้าวัสดุหุ้มหนัง sinsatec แล้วก็มือจับเป็นเหมือนไทเทเนียมสีออกเงินๆ มีความเป็นเกร็ดทองๆ เหมอืนกันด้านหน้าซึ่งมีตัวสวิตซ์เปิดประตูมาให้ ลำโพง hamagadon ซึ่งลำโพงเป็นแบบเซอร์ราวรอบทิศทางแบบ 4D พอเราเปิดเสียงกระหึ่มมันมีเบสที่ทำให้สั่นถึงเบาะเลย มีการฝังลำโพงต่างๆ ไว้ตามขอบประตูและเบาะต่างๆ ด้วย และมีแอร์ที่เสาบีมาให้ซึ่งก็ทำไม่ร้อน มีที่เกี่ยวของมาให้
ส่วนคอนโซลกลางด้านหลังเป็นแบบปุ่มดิจิตอล แยกซ้ายขวาปรับอิสระ สามารถเพดิ่ม-ลดอุณหภูมิได้ตามความต้องการสำหรับคนนั่งข้างหลัง มีปุ่ม MAX AC สามารถเพิ่มความเย็นได้อีก และซุ้มอุโมงค์เกียร์ไม่มีแล้วเพราะว่าเป็นรถไฟฟ้ามันก็จะเพิ่มที่
ระบบความปลอดภัยด้านหลังก็จะมีเข็มขัดนิรภัยมาให้ทั้งหมด 3 จุดตรง และมี ISOFIX มาให้ด้วย แล้วก็ในส่วนของที่วางแขนตรงกลางแข็งแรงเป็นแบบ soft touch และมีขนาดใหญ่ และพนักพิงสามารถเปิดได้ด้วยซึ่งในพวก X3 หรือซีรี่ส์ 5 ก็มีทำให้สามารถหยิบของจากห้องสัมภาระด้านหลังได้โดยไม่ต้องลงจากรถ อันนี้ก็สะดวกสบายพอสมควรแล้วก็ตัวหมอนสำหรับผู้นั่งผู้โดยสารตอนกลาง คนตัวใหญ่ก็นั่งได้ทไม่ใช่แบบว่าเป็นเหมือนรถญี่ปุ่น สำหรับพื้นที่ตรงกลางให้ความรู้สึกแข็งๆ นั่งได้แต่แบบว่าเบียดๆ กันไป ถ้าไปไกลอาจจะต้องจอดรถพักกันบ้าง แต่ถ้าเป็นเด็กก็จะนั่งสบายกว่านี้ และมีเข็มขัดนิรภัยสำหรับตรงนี้
พื้นที่ด้านข้างใกล้ๆ ประตูมีปุ่มปรับพับไฟฟ้า และบริเวณเบาะนั่งฝั่งซ้ายและขวาจะบุหนังนิ่มเพื่อให้คนนั่งสามารถปรับเปลี่ยนท่านั่งเป็นพิงด้านข้างได้โดยไม่ชนกระจกหรือพื้นที่แข็งๆ แต่เสียดายที่ไม่มีม่านบังแดดตอนหลังมาให้ แต่บริเวณขอบประตูมีไฟ ambient light มาให้ซึ่งไฟตัวนี้ก็จะคอยเตือนสถานะประตูได้ด้วย และเบาะที่นั่งคู่หน้าบริเวณด้านหลังมี USB-C มาให้ 2 จุด ทำให้สะดวกกับคนนั่งหลังมากยิ่งขึ้น
สรุปความน่าใช้
อย่างแรกเลยเรื่องของอัตราเร่งก็จากในสเปกชีตก็คือ 0-100 กิโลเมตร 6.1 วินาที แต่ในชีวิตจริงเราขับต่างจังหวัดไกลๆ หรือว่าเร่งแซง ช่วงแซงระหว่างรถต่างๆ ก็ทันใจให้ความมั่นใจสำหรับการขับขี่ แล้วก็เรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยที่เป็นพวงมาลัยไฟฟ้าแต่พอขับในเมืองเนี่ยเลี้ยวตามตรอกซอกซอยต่างๆ การถอยจอดต่างๆ ทำแล้วขับง่าย ผู้หญิงก็ขับได้ครับเพราะว่าพวงมาลัยเบา แล้วก็ระบบช่วยเลี้ยว 4 ล้อซึ่ง ล้อหน้าล้อหลังในความเร็วต่ำทำให้วงแล้วแคบลงไม่ว่าเราจะเข้าซอยหักเลี้ยวหักศอกต่างๆ ซึ่งเหมาะมาก ถึงแม้ว่ารถจะใหญ่ Adaptive Air suspension ที่เป็นถุงลมค่อนข้างที่จะนุ่มนวลในทางตรง แล้วก็เสียงและแทบจะไม่ได้ยินเสียงที่บดล้อถนนเข้ามาในตัวรถเลย เราสามารถชาร์จได้จาก 0-80 % เพียง 47 นาที สำหรับจุกชาร์จ DC ที่กำลังไฟแรงๆ ซึ่งรถคนนี้รองรับ 150 กิโลวัตต์ สำหรับ AC ที่เป็นวอลบ็อกที่บ้านขนาดว 11 กิโลวัตต์ ชาร์จเต็มจาก 0-100% อยู่ที่ 7 ชั่วโมง 14 นาที ข้อมูลต่างๆ
เรื่องของฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ การออกแบบภายในของ BMW ยุคใหม่เลยก็ว่าได้ ไม่ได้แต่เพียงภายในเท่านั้นภายนอกสำหรับการเป็นรถไฟฟ้าล้วนก็ทำได้ดี ในเรื่องของน้ำหนักแล้วก็พื้นที่ใช้สอย การออกแบบเบาะนั่งที่ย้อมจากสีของใบมะกอกที่เป็นวัสดุที่ใช้รีไซเคิล
เราชอบคือ 1 เลยก็คือระบบชาร์จที่ไว เร็ว ในช่วงรอยต่อการใช้รถแต่ละระยะในจุดชาร์จสถานีถึงแม้จะเป็นวอลบ็อกที่บ้านด้วย พื้นที่ภายในเนี่ยกว้างนั่งสบายเหมาะสำหรับการขับขี่แล้วก็ เหมาะที่จะเป็นรถนั่งด้วยสำหรับคันนี้แน่นอนครับถึงแม้ว่าจะวิ่งได้ 425 กิโลเมตร แล้วก็ระยะวิ่งจริงเนี่ยอาจจะเป็น 375 กิโลเมตร แต่ถ้าได้ถึง 500 กม./การชาร์จ ก็จะดีไปมากกว่านี้
เหมาะกับเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร หรือ CEO ต่างๆ เพราะว่ารถยนต์ระดับราคา 5 ล้าน เฉลี่ยเบื้องต้นก็ต้องมีมากกว่า 300,000 บาท หรือถ้าจะเอาแบบสบายๆ เลยก็ตีไปสักล้านล่ะแสนก็คือ 500,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการ แล้วก็เหมาะที่จะใช้เป็นรถบริษัทด้วยเป็นรถส่วนกลางที่ใช้เวียนกันในบริษัทหรือว่ารถที่ใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของ CEO คันนี้ก็เหมาะมากๆ เพราะว่าใช้ในเมืองนอกเมืองได้แล้วก็ยังเป็นรถที่เป็นพลังงานไฟฟ้า เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารถไฟฟ้าที่เป็นรถไฟฟ้าแท้ๆ ออกแบบมาเพื่อที่จะไปเป็นรถคันที่ 3 ที่ 4 หรือว่าใช้งานในชีวิตประจำวันรถแบบครอบครัวเพราะคันนี้เป็น sav เหมาะมากๆ สำหรับรถครอบครัวเพราะว่าด้านหลังกว้างมากแล้วก็ไปแคมป์ปิ้ง activity ได้ เจ้าคันนี้มีคู่แข่งในตลาดคือ Audi e-tron รถไฟฟ้าล้วน Volvo C4 Mercedes-Benz EQS ราคาระดับก็ 5 ล้าน เป็นต้นไป
The Review
BMW iX xDrive40
BMW iX xDrive 40 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งใช้โครงสร้างแบบ Aluminium spec form ประกอบกับข้อต่อที่เชื่อมต่อกับตัวรถต่างๆ เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้รถยนต์คันนี้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษถึงแม้ว่าตัวแบตเตอรี่จะอยู่ที่พื้นใต้ท้องรถก็ตาม แล้วก็มีการออกแบบในเรื่องของเส้นสาย Ground clearance หรือว่าตัวจุดศูนย์ถ่วงต่างๆให้เหมือนกับ BMW X6
PROS
- ช่วงแซงระหว่างรถต่างๆ ทันใจให้ความมั่นใจสำหรับการขับขี่
- พวงมาลัยน้ำหนักเบา
- ภายในห้องโดยสารเงียบ
- ภายนอกและภายในออกแบบมาอย่างดี ใช้สอยได้ทุกพื้นที่
- วัสดุภายในทำจากธรรมชาติ
- แบตเตอรี่ชาร์จได้ไว
CONS
- หลังคากระจกอาจรู้สึกร้อนในตอนกลางวัน
- สถานีชาร์จไฟที่ยังมีอยู่อย่างไม่ครอบคลุม ทำให้ต้องวางแผนสำหรับการขับออกทางไกล
- ดีไซน์แปลกใหม่คนบางกลุ่มอาจไม่ชอบ
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine&Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey