EQual to the task
อสยูวีหรูพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ Mercedes ก้าวเข้ามาท้าชิงกับ Jaguar I-Pace ไปดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในศึกครั้งนี้
Jaguar I-Pace EV400 HSE
ราคาปกติ 74,995 ปอนด์* (ราว 3,749,000 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 74,995 ปอนด์* (ราว 3,749,000 บาท)
ราคาจำหน่ายในไทย 6,999,000 บาท
*ก่อนได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 35,000 ปอนด์ (ราว 1,750,000 บาท)
NEW Mercedes-Benz EQC
400 4Matic AMG Line Premium Plus
ราคาปกติ 74,610 ปอนด์* (ราว 3,730,000 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 74,610 ปอนด์* (ราว 3,730,000 บาท)
ไม่มีจำหน่ายในไทย
ปัจจุบันมีผู้แข่งขันหน้าใหม่เข้ามาในเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้ามากมาย สองเดือนที่แล้ว Jaguar I-Pace ถูกท้าทายด้วย Tesla Model 3 แต่ก็มีเหตุผลบางประการที่ I-Pace เหนือกว่า ประการแรกคือ I-Pace อยู่อันดับที่ 2 ในการทดสอบ Real Range ของเราโดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ประการที่สองคือรถรุ่นนี้ยังเป็นเอสยูวีไฟฟ้าที่สร้างความประทับใจแก่เรามากกว่า Audi E-tron และ Tesla Model X มันจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกแห่งอุดมคติที่สามารถต่อกรกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Mercedes-Benz EQC เราทดสอบทั้งคู่ในรุ่นท็อปและพวกมันก็มีราคาไม่ต่างกันมาก EQC มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาแต่ละอัน ทำให้มันเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ อีกทั้งมอเตอร์ทั้งหมดก็มอบขุมพลังรวม 402 แรงม้า มากกว่า I-Pace ที่มี 394 แรงม้า แต่แบตเตอรี่จะมีเล็กกว่า (80kWh ต่อ 90kWh) และระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งน้อยกว่า I-Pace อยู่ 50 กม.
การขับขี่
สมรรถนะ, การขับขี่, การควบคุม, รายละเอียด
เริ่มด้วยส่วนที่สำคัญ แน่นอนว่าไม่ใช่ความเร็วแต่เป็นระยะทางที่รถวิ่งไปได้ต่างหาก อย่างที่เราได้กล่าวไปตอนแรกแล้วว่า I-Pace สามารถวิ่งได้ 400 กม. ในการทดสอบ Real Range ของเรา ซึ่งเป็นระยะทางที่ลงตัวกับการขับระหว่างเมือง ชนบท และมอเตอร์เวย์ แต่สำหรับ EQC ที่มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า สามารถวิ่งไปได้ 335 กม. ที่จริงแล้วก็เป็นระยะที่น่าพอใจ แตในโลกของ EV ยุคใหม่ ระยะทางเท่านี้ถือว่าธรรมดาไป
JAGUAR I-PACE
หากคุณยังไม่เคยลองขับ EV มาก่อน คุณอาจจะเผลอตะโกนออกมาว่า “พระเจ้า นี่มันสุดยอด” ตอนเริ่มเร่งเครื่องของ EQC ก่อนจะโลดแล่นจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที แต่กระนั้น I-Pace ทำเวลาได้ดีกว่านี้ หัวรถเชิดขึ้นราวกับเรือเหาะที่พร้อมทะยานในแม่น้ำกว้างนับตั้งแต่วินาทีที่เท้าของคุณเริ่มออกแรงสัมผัสคันเร่ง ต้องขอบคุณแรงขับที่อาจจะทำให้คุณยายที่นั่งมาด้วยเริ่มเวียนหัว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องอันน่าอัศจรรย์เมื่อคุณลองพิจารณาถึงน้ำหนักกว่า 2.2 ตันของเจ้ารถยนต์คันนี้
EQC มีน้ำหนักประมาณ 2.5 ตัน ขณะเลี้ยวแรงๆ คุณอาจรู้สึกถึงน้ำหนักของตัวรถ ตัวถังเอียงตามการเลี้ยวและล้อหน้าเบรกอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเสียงกรีดร้องราวกับจะตะโกนบอกคุณว่า “พอแล้ว” หากคุณไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน EQC เป็นรถที่มีเสถียรภาพเป็นเลิศ มั่นคง และแม่นยำ
ด้านสมรรถนะ I-Pace ก็มอบความรู้สึกทรงพลังเช่นกัน โดยมีเสถียรภาพการขับขี่อันน่าประทับใจด้วยระบบการทำงานของช่วงล่างที่รวดเร็วกว่าและมั่นคงกว่า มีการยึดเกาะถนนเวลาเลี้ยวและสมดุลที่ดีกว่า เหตุผลเหล่านี้สนับสนุนให้คุณมั่นใจใน I-Pace มากกว่า และเมื่อคุณเริ่มเร่งเครื่องพุ่งไปข้างหน้า คุณจะรู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปสู่ที่ใหม่ในเสี้ยววินาที
MERCEDES-BENZ EQC
ดังนั้นแล้ว I-Pace เป็นรถยนต์ที่ช่วยสร้างความตื่นเต้นเวลาขับขี่ ในทางกลับกันการขับขี่ของ EQC นุ่มสบายกว่าหรือไม่? เราพบความจริงบางส่วน เช่น ขณะขับขี่ในเมือง EQC นุ่มกว่า I-Pace เมื่อแล่นผ่านถนนที่เต็มไปด้วยฝาท่อ และยังนุ่มกว่าบนมอเตอร์เวย์ กลับกันเมื่อวิ่งบนถนนที่สภาพไม่ดีเท่าใดนัก รถรุ่นนี้จะเหวี่ยงและอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ยาก คุณจะโยกตัวไปมาตามหลุมตามบ่อทั้งขึ้นและลง อีกทั้งถูกเหวี่ยงไปทั้งทางซ้ายและทางขวา อาจจะทำให้เวียนหัวได้เลย
อย่างไรก็ตาม I-Pace ก็ไม่ใช่รถที่สมบูรณ์แบบ มันมีสะเทือนพอๆ กับซาลูนหรูอย่าง BMW 5 Series แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้โดยสารรำคาญใจได้เท่า EQC จริงๆ แล้วเราติดตั้งช่วงล่างถุงลม (ออปชั่นเสริม) บนรถทดสอบของเรา อีกทั้งยังอัพเกรดขนาดล้อเป็น 22 นิ้ว เพราะจากประสบการณ์ก่อนหน้า ล้อเล็กๆ ช่วยให้ I-Pace วิ่งได้นิ่มกว่า
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ EQC คือ ความเงียบอันน่าทึ่ง เป็นผลมาจากการทำงานของมอเตอร์ที่ราวกับอยู่ในระบบสุญญากาศ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงล้อเบาๆ ในขณะที่ทำความเร็ว 110 กม./ชม. แต่มีเพียงเสียงลมหวิวๆ ผ่านกระจกเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งขณะเบรกซึ่งมักจะเป็นปัญหาที่พบในระบบรถยนต์ไฟฟ้า เพราะขณะเบรกต้องมีการส่งพลังงานไฟฟ้ากลับไปชาร์จเแบตเตอรี่ในระหว่างที่รถชะลอตัวซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ 90% สิ่งเดียวที่สร้างเสียงรบกวนคือเสียงช่วงล่างขณะที่คุณขับบนเนินหรือหลุมบ่อ
เบรกของ I-Pace ชวนให้รำคาญยิ่งกว่าและทำให้การจอดไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามเสียงรบกวนมาจากส่วนอื่นๆ มากกว่าเสียงลมทางหน้าต่าง ล้อขนาดใหญ่มีส่วนทำให้เกิดเสียงเมื่อเร่งความเร็ว และมีเสียงมอเตอร์ร้องโหยหวนขณะเร่งความเร็วและลดความเร็ว
หลังพวงมาลัย
ตำแหน่งการขับขี่, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต
ทั้ง 2 แบรนด์ตีความเรื่องราวหลังพวงมาลัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง EQC มาพร้อมตำแหน่งนั่งขับแบบดั้งเดิมคือสูงและมองเห็นด้านหน้าชัดเจนทั้งด้านบนและด้านล่างขอบฝากระโปรง ช่วยให้คุณกะตำแหน่งจอดรถได้ง่ายกว่า I-Pace ที่ตำแหน่งนั่งขับต่ำกว่า มองแทบจะไม่เห็นกระโปรงหน้ารถจากตำแหน่งที่คุณนั่ง เสา A-pillar สองฝั่งด้านหน้าจำกัดการมองเห็น คุณอาจจะต้องโน้มตัวมามองข้างหน้าเมื่อจอดรถที่ทางแยก
JAGUAR I-PACE
รถทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกระจกหลังทัศนวิสัยแคบและเสาหลังทั้งสองฝั่งที่ค่อนข้างหนา แต่คุณสามารถมองเห็นด้านหลังได้ชัดเจนจากกล้องหลัง 360 องศา และเซนเซอร์ช่วยจอดรถด้านหลัง (และด้านหน้า) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจอด คุณอาจไม่กล้าขับไปไหนกลางคืน แต่ก็ต้องขอบคุณไฟ Adaptive LED ที่ช่วยส่องสว่างให้ คุณสามารถเพิ่มเงินเพื่อซื้อเบาะนั่งแบบ Performance seat ให้ I-Pace โดยจะมีการเสริมฟองน้ำที่เบาะนั่งเพื่อกันไม่ให้ลำตัวไหลหรือเลื่อนไปรอบๆ ขณะขับขี่ และมีระบบปรับไฟฟ้าที่เลือกได้สูงสุดถึง 14 ทิศทาง (แต่เบาะนั่งมาตรฐานปรับได้ 18 ทิศทาง) เบาะคนขับของ EQC ก็ปรับไฟฟ้าเช่นกันและมอบความสบายในการขับขี่บนมอเตอร์เวย์ แต่นั่นก็ไม่สามารถโอบอุ้มไม่ให้ตัวโอนเอียงขณะเข้าโค้งได้
MERCEDES-BENZ EQC
พวงมาลัยสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ทั้งความมั่นคงในการนั่งหรือหน้าปัดดิจิทัลอันแสนทันสมัย คุณสามารถปรับการแสดงผลเป็นให้แสดงข้อมูลต่างๆ ด้วยการสัมผัสบนทัชแพดที่อยู่บนก้านพวงมาลัยของ EQC หรือปุ่มสั่งการของ I-Pace
เครื่องปรับอากาศของ EQC ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายกว่าของ I-Pace ที่ซับซ้อนกว่าเพราะต้องสั่งงานผ่านหน้าจอระบบสัมผัสและเข้าไปในเมนูเฉพาะ คุณจะมีปุ่มหมุนเพื่อปรับอุณหภูมิ แต่หน้าจอยังสะท้อนกับแสงอาทิตย์ทำให้ใช้งานยากในตอนกลางวัน
การตกแต่งภายในของทั้ง 2 คันหรูหราเหนือระดับ สำหรับ I-Pace เป็นการผสมผสานระหว่างหนังและความแวววาว ส่วน EQC ถูกนำเสนอในธีมสุดหรูหราอลังการ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาดูให้ดีจะพบกับจุดอ่อนที่มาพร้อมกับ I-Pace โลหะที่ใช้ในการตกแต่งนั้นมีบางส่วนที่คม และพลาสติกชุบโครเมียมก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกถึงความพรีเมียมแต่อย่างใด สำหรับ EQC ถูกทำให้ดูราคาตกด้วยกรอบพลาสติกถูกๆ รอบส่วนช่องปรับอากาศที่อาจจะบุบลงไปได้เมื่อสัมผัสเบาๆ รวมถึงพลาสติกที่ดูราคาถูกในส่วนเบาะนั่งด้านหลัง
พื้นที่และการใช้งานได้จริง
พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นในการปรับเบาะ, ห้องเก็บสัมภาระ
EQC รุ่น AMG Line Premium Plus มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟแบบอัตโนมัติ ซึ่งมันยอดเยี่ยมแต่ทำให้พื้นที่เหนือศีรษะมีน้อยกว่า I-Pace ทั้งนี้ คุณยังคงมีพื้นที่สำหรับศีรษะและเหยียดขาอย่างเพียงพอ และสำหรับ EQC มาพร้อมกับพื้นที่เหยียดขาที่มากกว่า รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นพยายามนำเสนอความสามารถในการจุสัมภาระทั้งด้านในและท้ายรถ
JAGUAR I-PACE
I-Pace เหมาะสำหรับการเดินทางพร้อมผู้โดยสารด้านหลังเพียง 1 ท่านเพราะคนเดียวเข้าและออกง่ายกว่า ซึ่งต้องขอบคุณประตูกว้าง คุณจะมีพื้นที่เหยียดขาและยืดตัว โดยหลังคาแบบแก้วจะช่วยเพิ่มบรรยากาศโปร่งสบายในห้องโดยสาร
ผู้โดยสารสูง 6 ฟุตก็นั่งได้อย่างสบายที่ด้านหลังของ EQC พวกเขายังสามารถเหยียดขาและวางเท้าได้เต็มที่ แม้ว่าจะนั่งที่เบาะตัวกลางก็ตาม นอกจากนั้นยังมีช่องวางของริมประตูและที่วางแก้วอเนกประสงค์ แต่สำหรับที่วางแก้วของ I-Pace ค่อนข้างตื้นและไม่น่าไว้ใจ
MERCEDES-BENZ EQC
ห้องเก็บสัมภาระของ I-Pace มีความลึกกว่า ในขณะที่ EQC ยาวกว่า ทั้งสองสามารถจุกระเป๋าเดินทางได้ถึง 7 ใบ I-Pace ยังมาพร้อมกับช่องเก็บของใต้พื้นที่ใหญ่พอจะเก็บสายชาร์จต่างๆ สำหรับ EQC สายเหล่านี้สามารถเก็บได้อย่างสบายๆ ในพื้นที่เก็บของใต้พื้น
ในส่วนของความยืดหยุ่นในการพับเบาะ I-Pace มาพร้อมกับเบาะหลังพับแยก 60/40 และต้องพับด้วยมือ แต่เบาะหลังของ EQC พับแยกได้แบบ 40/20/20 เป็นระบบพับไฟฟ้าโดยการกดปุ่มที่ห้องเก็บสัมภาระ
การซื้อและการเป็นเจ้าของ
ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย
ภาษีรถบริษัทของทั้ง 2 รุ่นแทบไม่ต่างกัน ไม่มีส่วนลดด้วยกันทั้งคู่ และมีราคาซื้อเงินสดต่างกันไม่กี่ร้อยปอนด์ ข้อดีคือทั้ง 2 รุ่นจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 35,000 ปอนด์ (ราว 1,750,000 บาท) อย่างไรก็ราคาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือหากคุณกำลังพิจารณาการซื้อเงินผ่อนแบบ PCP 3 ปี
.สิ่งที่คุณต้องจ่าย. ราคาทั้งหมดอยู่ในช่วงการทดสอบ
Jaguar I-Pace
แพงกว่าถ้าซื้อเงินผ่อนแบบ
Mercedes-Benz EQC
ค่าใช้จ่ายในการขับขี่ถูกกว่าเล็กน้อย แต่เสื่อมมูลค่าเร็วกว่า
โดย I-Pace จะมีค่างวด 220 ปอนด์ (11,000 บาท) ต่อเดือน หากคุณเลือกขอสินเชื่อในช่วงเวลาเดียวกัน I-Pace จะมีราคาถูกกว่าถึง 315 ปอนด์ (15,750 บาท) เป็นเพราะว่า I-Pace ถูกคาดการณ์ว่าสามารถขายต่อได้ในราคาที่ดีหลังจากการใช้งานไปแล้วสามปี และอีกเหตุผลอาจเป็นเพราะปัจจุบันมีตัวเลือกสินเชื่อค่อนข้างจำกัดสำหรับ EQC
ในด้านการใช้พลังงาน I-Pace กินไฟต่ำกว่า ทั้ง 2 รุ่นวิ่งได้นาน 12-13 ชม. จากพลังงานเต็มสู่สถานะที่จะต้องชาร์จไฟอีกครั้ง โดยใช้ไฟบ้าน 7.2kW ณ จุดชาร์จไฟ และสามารถรับพลังชาร์จสูงสุดที่ 100kW สำหรับ I-Pace และ 110kW สำหรับ EQC ทั้งคู่จะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ในการชาร์จจาก 0-80% อย่างไรก็ตาม สถานีชาร์จ CCS ตามที่สาธารณะสามารถส่งกระแสไฟเพียง 50kW ทำให้ต้องใช้เวลาประมาณ 90 นาทีเพื่อชาร์จไฟให้ถึง 80%
คุณจะได้อุปกรณ์สุดหรูในรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ เบาะหนัง (เบาะหน้าปรับอุ่นได้), ไฟสร้างบรรยากาศรอบห้องโดยสาร, ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ปลดล็อกรถโดยไม่ใช้กุญแจ, ยิ่งไปกว่านั้น I-Pace ยังมาพร้อมกับพวงมาลัยและเบาะนั่งหลังแบบปรับอุ่นได้ รวมไปถึงกระจกบังลมหน้าที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ในขณะที่ EQC มี head-up display, กระจก privacy glass และหลังคาซันรูฟแบบเปิดได้
นอกจากนั้น ทั้ง 2 รุ่นยังมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนสัญญาณไฟและป้ายจราจร, ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน และระบบเตือนจุดอับสายตา รถทั้ง 2 รุ่นได้ 5 ดาวจาก Euro NCAP โดย EQC ได้รับคะแนนมากกว่าในการปกป้องผู้ใหญ่ เด็ก และคนเดินถนน
I-Pace ขับขี่มั่นคงและควบคุมได้ง่ายกว่า
EQC สะเทือนเมื่อเจอถนนต่างระดับ
.. WHATCAR? SAY ..
ระยะทางขับขี่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้บริโภคมองรถยนต์ไฟฟ้าในแง่รถยนต์ใช้งานจริงมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่มองว่ารถยนต์เหล่านี้เป็นแค่รถของเล่นสำหรับวิ่งเฉาะในเมืองเท่านั้น EQC มาพร้อมกับระยะทางขับขี่ที่ดีแต่กลับโดนคู่แข่งอย่าง I-Pace เฉือนเอาชนะไปอย่างง่ายดายและการจะคว้าชัยชนะคืนมานั้นค่อนข้างจะยากลำบาก แม้ว่า EQC จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีในระดับกว้างๆ ทำความเร็วได้ดี ขับง่าย เก็บเสียงยอดเยี่ยม ภายในโอ่โถง เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าประทับใจ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็ยังไม่ดีพอที่จะคว้าอันดับ 1 ไป
สำหรับ I-Pace นั้นเร่งได้เร็วกว่า มีอุปกรณ์ครบครันพอกันแต่มีพื้นที่หลังคนขับมากกว่า ขับขี่สนุกตื่นเต้น โดยภาพรวมก็เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่นุ่มสบายมากกว่า และหากพิจารณาค่า PCP ก็จะพบว่าต่ำกว่า EQC ดังนั้นจะห้ามไม่ให้ชนะก็ทำไม่ได้จริงๆ
ข้อดี ไวกว่า. วิ่งได้ไกลกว่า, ภาพรวมขับสบายกว่า, ขับง่าย, อุปกรณ์เพียบพร้อม, ค่า PCP ต่ำกว่า
ข้อเสีย ทัศนวิสัยไม่ดี; เบาะหลังไม่ค่อยยืดหยุ่น, ไม่ค่อยเก็บเสียง
อุปกรณ์เสริมแนะนำ สีเมทัลลิก
ข้อดี เงียบอย่างเหลือเชื่อ, สมรรถนะแข็งแกร่ง, ตำแหน่งคนขับยอดเยี่ยม, มาพร้อมอุปกรณ์มากมาย
ข้อเสีย การควบคุมไม่ค่อยมั่นคง, ซื้อและเช่าในราคาแพงกว่า, ระยะทางวิ่งไม่น่าประทับใจ
อุปกรณ์เสริมแนะนำ สีเมทัลลิก, แพ็กเกจ Driving Assistance Plus