Audi เผยโฉม A3 Sportback เจนเนอเรชั่นที่ 4 มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่สุดล้ำ ภายในใหม่ และเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Mild hybrid เป็นครั้งแรก
A3 Sportback โฉมใหม่มุ่งหน้าสู่ภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตและล้ำสมัย น่าเสียดายที่ตัวถัง 3 ประตูไม่มีอีกต่อไปแล้วเนื่องจากขายได้น้อย มิติตัวยังใกล้เคียงกับ A3 รุ่นก่อนหน้า ยาว 4.34 เมตร กว้าง 1.82 เมตร สูง 1.43 เมตร มีพื้นที่บริเวณหัวไหล่และข้อศอกของผู้โดยสารเบาะหลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ความเท่และล้ำสมัยถูกถ่ายทอดออกมาผ่านชิ้นส่วนต่างๆ เริ่มตั้งแต่ไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ แบบดิจิตอลที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกซึ่งเกิดจากการทำงานของหลอด LED 15 ดวง แต่ละดวงให้รายละเอียดของแสงแตกต่างกันในแบบเฉพาะของตัวเอง
ไลน์อัพเครื่องยนต์ในตอนนี้มีเบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 148 แรงม้า (TFSI) และดีเซล 2.0 ลิตร 114 หรือ 148 แรงม้า (TDI) หลังจากนี้ไม่นาน เครื่องเบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร 108 แรงม้า TFSI จะเปิดตัวตามออกมาพร้อมกับเครื่อง 1.5 TFSI Mild hybrid เวอร์ชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถตระกูล A3 ที่จะมีเทคโนโลยี Mild hybrid นอกจากนี้จะมี PHEV อีก 2 รุ่นย่อยเปิดตัวตามหลังออกมาหลังจากวางขาย ทั้งนี้ นอกจากไลน์อัพเครื่องยนต์ดีเซล TDI และเบนซิน TFSI จำนวนมากแล้ว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ก็จะมีมาเป็นมาตรฐานในหลายๆ รุ่นย่อยเช่นกัน
เทคโนโลยี Mild hybrid ของ A3 ใหม่ใช้สตาร์ทเตอร์-อัลเทอร์เนเตอร์มาป้อนกระแสไฟ 48V ระบบนี้สามารถคืนกำลังขณะชะลอหรือเบรกได้ นอกจากนี้ยังสามารถขับเคลื่อนรถโดยที่ไม่ติดเครื่องยนต์ได้นานถึง 40 วินาที เทคโนโลยี Mild hybrid นี้จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงลง 10%
เป็นข่าวดีที่ A3 ใหม่จะมีหลายตัวถังและหลายเวอร์ชั่น ตัวแรงสมรรถนะสูงอย่าง S3 และ RS3 จะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ S3 ใหม่อาจมาพร้อมกับพละกำลัง 306 แรงม้า จากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 6.0 ลิตร เทอร์โบ ขณะที่ RS3 น่าจะมาพร้อมกับเครื่องเบนซิน 5 สูบ บล็อกเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน RS Q3
เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับรถ Audi ยุคใหม่ที่ภายในต้องมาพร้อมกับความล้ำ A3 ใหม่ก็เช่นกัน มันเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าในทุกส่วนโดยลดปุ่มกดต่างๆ ให้เหลือน้อยที่สุดแล้วใส่แป้นหมุนควบคุมระบบสาระบันเทิงที่คอนโซลกลางมาให้ การใช้งานระบบสาระบันเทิงขณะขับรถจึงง่ายขึ้นและลดการรบกวนลง
หัวเกียร์แบบใหม่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา ใกล้ๆ กันเป็นปุ่มวอลลุ่มที่ออกมาให้บิดหมุนได้ถนัดมือ จอหน้าปัดดิจิตอลมีขนาด 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้วของระบบสาระบันเทิงทำมุมเยื้องเข้าหาผู้ขับเล็กน้อย เครื่องปรับอากาศเปลี่ยนจากปุ่มหมุนมาเป็นปุ่มกดแทน
ฟีเจอร์เจ๋งๆ มีทั้งการตั้งค่าโปรไฟล์ผู้ขับขี่ได้สูงสุด 6 โปรไฟล์, ไวไฟ ฮอตสปอต, การจดจำลายนิ้วมือ, เพิ่มความสามารถของระบบสั่งการด้วยเสียงให้ผู้สั่งพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ตลอดจนการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนี้ ระบบผู้ช่วยส่วนตัว Amazon Alexa จะปิดให้ใช้บริการได้ในช่วงซัมเมอร์นี้
Audi บอกว่า A3 เจนเนอเรชั่นใหม่จะนุ่มขึ้นและมีไดนามิกการขับขี่ดีกว่าเดิมในทุกรูปแบบตัวถัง โดยเฉพาะเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากชุดโช๊คอัพแบบแปรผัน (ออปชั่นเสริม), พวงมาลัยที่มีความแม่นยำ และโหมดการขับขี่ 4 โหมด นอกจากนี้ สถาปัตยกรรม MQB II ที่ใช้ร่วมกับ Volkswagen Golk Mk8 ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความเบาและแข็งแกร่งกว่าแพล็ตฟอร์มของ A3 รุ่นก่อนหน้า
แฮทช์แบ็ก 5 ประตูและซาลูน 4 ประตูที่จะมาถึงในช่วงปลายนี้ไม่ได้เป็นเพียง 2 รูปแบบตัวถังที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่โชว์รูม การที่ไม่มีแฮทช์แบ็ก 3 ประตูหมายความว่าจะไม่มีการผลิต A3 Cabriolet ด้วย แต่ Audi วางแผนที่จะเปิดตัว A3 Allroad ที่มีตำแหน่งนั่งขับสูงพร้อมการออกแบบสไตล์ครอสโอเวอร์และช่วงล่างที่ปรับจูนเพื่อรองรับกับทุกสภาพพื้นผิว นี่จะเป็นผู้ท้าชิงรายใหม่ของ Mercedes-Benz GLA รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2021
Audi A3 ใหม่จะเริ่มส่งมอบในเดือนพฤษภาคม ราคาค่าตัวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นปัจจุบันที่ปักราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 23,560 ปอนด์ (ราว 1.17 ล้านบาท)
Gallery