นับตั้งแต่เปิดตัว Nissan Kicks e-POWER มีกระแสร้อนแรงเป็นอย่างมาก ด้วยความที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ที่บางคนอาจจะเข้าใจแล้ว บางคนอาจยังเข้าใจผิด แต่มันก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการรถยนต์ไทยไปไม่น้อย
ก่อนอื่น เราขอให้ทุกท่านเข้าใจก่อนว่า Kicks e-POWER ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้า แต่มันคือรถยนต์ไฮบริดชนิดหนึ่งที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ที่นิสสันตั้งชื่อว่า e-POWER ระบบขับเคลื่อนที่ว่านี้มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนคือ เครื่องยนต์เบนซิน, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery)
ระบบขับเคลื่อน e-POWER ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้อรถ 100% เต็ม ส่วนเครื่องยนต์เบนซินจะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าแบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการส่งกำลังไปที่ล้อ ถ้ามองมุมนี้ Kicks ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจริงๆ แต่นิยามของรถยนต์ไฟฟ้า EV คือต้องไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบ ซึ่ง Kicks ยังต้องใช้น้ำมันเบนซินในการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ และยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนกับรถไฮบริดทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของระบบขับเคลื่อน e-POWER คืออัตราเร่งที่รวดเร็วว่องไวแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV และไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่เพราะเครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่นี้แทนแล้ว หมดปัญหาโลกแตกเรื่องสถานีชาร์จ ดังนั้น เมื่อประเทศเรายังไม่เข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว รถยนต์ทางเลือกใหม่อย่าง Kicks จึงน่าสนใจไม่น้อย
ว่องไวแบบรถยนต์ไฟฟ้า
ก่อนหน้านี้นิสสันก็จัดงานพรีวิว Kicks e-POWER ตัวจริงเสียงจริงกันไปแล้ว ลำดับต่อมาคือการจัดทดสอบสมรรถนะ และวันนี้เราก็ได้มาลองรถใหม่กันที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ กับเจ้า Kicks e-POWER รุ่นท็อป VL ราคา 1.049 ล้านบาท สรรพคุณที่ว่ามอบประสบการณ์การขับขี่แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการพิสูจน์ในวันนี้ ไปดูกันว่า Kicks ใหม่จะดีงามอย่างไร
Kicks e-POWER สร้างความประทับใจแรกด้วยอัตราเร่งที่ว่องไวและมีลักษณะคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่างมาก เมื่อกระทืบคันเร่งจะมีจังหวะชะงักก่อนเล็กน้อย จากนั้นจะระเบิดพลังออกมาพร้อมกับแรงดึงที่น่าประทับใจและเสียงวี๊ดของมอเตอร์ เราลองจับเวลา 0-100 กม./ชม. ดูปรากฏว่าทำได้ที่ราว 9 วินาทีต้นๆ แต่ความรู้สึกจริงๆ คือแรงกว่าคู่แข่งร่วมคลาสหลายๆ รุ่น
เราลองทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในโหมดขับขี่ 2 แบบคือ SMART Mode และ Normal Mode รู้สึกว่าให้ผลไม่ต่างกันมาก แต่จะต่างกันตอนจังหวะชะลอความเร็วซึ่ง SMART Mode จะหน่วงมากกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น Engine brake ซึ่งเราชอบมากโดยเฉพาะตอนก่อนเข้าโค้ง
อีกหนึ่งลูกเล่นของ Kicks e-POWER คือแป้นคันเร่งอัจฉริยะ One-Pedal ที่ช่วยให้เร่งและชะลอความเร็วโดยใช้เพียงเท้าขวาข้างเดียว ไม่ต้องสลับแป้นเหยียบให้ยุ่งยาก แรงหน่วงที่เกิดขึ้นจากการถอนคันเร่งถือว่าเหมาะสม สามารถช่วยชะลอจนรถหยุดนิ่งได้ คนทั่วไปสามารถปรับตัวใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้ไม่ยาก ถ้าไม่ชอบก็สามารถปิดการทำงานได้ มันมีประโยชน์มากจริงๆ โดยเฉพาะเวลาขับขี่บนการจราจรติดขัดในเมือง
ตลอดการทดสอบเครื่องยนต์จะสลับการทำงานอยู่ตลอด ยิ่งอัดมากเครื่องยนต์ยิ่งต้องทำงานรอบสูงเพื่อเร่งปั่นไฟ เราจะได้ยินเสียงเครื่องร้องลั่นก็ตอนนี้แหละซึ่งรู้สึกว่าดังน่ารำคาญอยู่บ้าง และแน่นอนว่ากินเชื้อเพลิงมากขึ้นตามตามไปด้วย
การควบคุมดีกว่าที่คาด
การทดสอบวันนี้มีสถานีที่ท้าทายการทำงานของช่วงล่างของรถอยู่พอสมควรทั้งสลาลอม รวมถึงโค้งหักศอกโหดๆ ที่นิสสันเตรียมไว้ เราขอคารวะเลยว่า Kicks e-POWER ทำได้ดีกว่าที่คาด ช่วงล่างไม่นุ่มแต่ก็ไม่สปอร์ตจนเกินไป การตอบสนองทำได้ดี กระชับ ว่องไว ไม่ยวบไม่ย้วย ทั้งยังเกาะถนนและรักษาเสถียรภาพการทรงตัวได้ดี
จังหวะเข้าโค้งความเร็วสูงรถเกาะหนึบดีมาก ตัวถังไม่โยนจนเกินไป สามารถรักษาสมดุลการทรงตัวได้ดี อาการหน้าดื้อและท้ายปัดถูกควบคุมด้วยระบบช่วยเหลือให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ส่งผลให้สามารถควบคุมทิศทางรถได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโค้งมุมแคบหรือโค้งต่อเนื่องซ้ายขวาก็ยังตอบสนองได้ดี ทั้งนี้ ต้องขอบคุณระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC และระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ITC ที่ทำงานอย่างชาญฉลาดด้วยการช่วยเบรกที่ล้อด้านในโค้งอย่างเหมาะสมทำให้การขับผ่านโค้งต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นแบบที่ควรจะเป็น
ด้านพวงมาลัยมีการปรับเซ็ตน้ำหนักมาเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ ความเร็วต่ำจะเบาหมุนควงง่าย ความเร็วสูงจะหนักขึ้นเพื่อความมั่นคง ระยะฟรีมีพอประมาณ หักพวงมาลัยแล้วหน้ารถไม่ได้ไวแบบพวกรถสปอร์ตแต่ก็ไม่เอื่อยเฉื่อยเกินไป โดยรวมแล้วเป็นพวงมาลัยที่มอบความสนุกและความมั่นใจในการขับได้ดี
การตอบสนองของแป้นเบรกมีความนุ่มนวล มีระยะฟรีเหมาะสม เหยียบแล้วไม่หัวทิ่ม มีแรงต้านเท้าที่เป็นธรรมชาติ สามารถควบคุมน้ำหนักการเบรกได้ง่ายและแม่นยำ
ด้วยความที่ Kicks e-POWER เป็นครอสโอเวอร์ยกสูงดังนั้นจึงมองได้ไกล เมื่อเข้ามานั่งในตำแหน่งผู้ขับจะรู้สึกถึงความสูงและโปร่ง เสา A-pillar ไม่ใหญ่ เบาะนั่งแบบปรับมือมีความนุ่มและโอบกระชับลำตัวได้ดี พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง-เข้า-ออก รถของเรามาพร้อมกับห้องโดยสารสีดำ-ส้ม (มีเฉพาะรุ่น VL ตัวถังภายนอกสีทูโทน ส้ม–ดำ, แดง–ดำ และ ขาว–ดำ) ให้ความรู้สึกจี๊ดจ๊าดโดนใจวัยรุ่น
สรุปความน่าใช้
Nissan Kicks e-POWER เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในกลุ่ม B-SUV ที่น่าจับตามองด้วยรูปลักษณ์ที่มีความสปอร์ตทันสมัย มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ครบครัน ระบบความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ เหนือสิ่งอื่นใดคือฟีลลิ่งการขับขี่ที่ดีงามกว่าที่คิด อัตราเร่งรวดเร็วว่องไวแบบรถยนต์ไฟฟ้า การบังคับควบคุมเฉียบคม ช่วงล่างปรับมาเหมาะสม เข้าโค้งสนุก แถมยังมีฟังก์ชั่นเจ๋งๆ อย่าง One-Pedal ที่อำนวยความสะดวกได้จริง ใครที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ชอบความก้าวล้ำ ก็น่าจะถูกใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม การทดสอบวันนี้เน้นที่สมรรถนะของตัวรถเป็นหลักซึ่งพิสูจน์แล้วว่าดีงามจริงๆ แต่ยังเหลืออีกหลายแง่มุมที่ต้องทดสอบ เช่น ความนุ่มนวล การดูดซับแรงสะเทือน การป้องกันเสียงรบกวนขณะวิ่ง และอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งต้องลองอีกครั้งกับการขับขี่บนถนนจริง แต่เท่าที่เราได้สัมผัส Kicks e-POWER เป็นครั้งแรกในวันนี้ก็รับรู้ได้ทันที่ว่าเจ้านี่จะทำให้ตลาดรถยนต์ในคลาสนี้ดุเดือดขึ้นอีกระดับ ถ้าชอบ ถ้าสนใจ ไปลองซะ
ขอขอบคุณ นิสสัน ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ราคารถยนต์
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น S 889,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น E 949,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น V 999,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น VL 1,049,000 บาท
ดูรายละเอียดสเปก Nissan Kicks e-POWER ได้ที่ https://bit.ly/3cwmy5z
Gallery