Overview Of Car
ซีดานน้องเล็กรุ่นใหม่ของฮอนด้าบอกลาเครื่อง 1.5 ลิตรมาใช้ขุมพลังใหม่ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 122 แรงม้า แรงขึ้น ขับดีขึ้น พละกำลังเกินตัว พร้อมด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตตั้งแต่เกิด ราคา 739,000 บาท
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นกี่ปี Honda City ก็ยังครองใจผู้ใช้รถชาวไทย นี่อาจจะเป็นรถคันแรกในชีวิตของใครหลายๆ คน ที่เป็นอย่างนั้นได้ไม่ใช่แค่เพราะชื่อเสียงแบรนด์ฮอนด้า แต่ City ในแต่ละรุ่นผ่านการยอมรับจากผู้ใช้ว่าเป็นรถที่คุ้มค่า ประหยัด ขับดี ภายในกว้างขวาง และอีกหลายๆ เหตุผล การมาของ City เจเนอเรชั่นใหม่ (รหัส GN) เป็นการต่อยอดสิ่งที่ดีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ฮอนด้ารู้ว่าคนขับ City คือกลุ่มไหนจึงได้เพิ่มรุ่น RS มาเอาใจผู้ใช้สายสปอร์ตให้หล่อจบตั้งแต่ออกจากโชว์รูมกันไปเลย นี่คือสิ่งที่ City รุ่นก่อนๆ ยังไม่เคยมี และวันนี้เราจะได้ล้วงลึกกันว่านอกจากความสปอร์ตแล้ว City RS มีดีอย่างไร
การที่ฮอนด้าลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาเป็น 1.0 ลิตร ทำให้ City ใหม่เข้าค่ายเป็นรถอีโค่คาร์สายรักษ์โลก แต่พอขึ้นชื่อว่าเป็นอีโค่คาร์คำสรรเสริญในทางลบก็จะตามมาเป็นเงาตามตัวทันที ดังนั้นการยัดเทอร์โบเข้ามาจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าฮอนด้ายังต้องการให้ City ใหม่ขับสนุกและมีสมรรถนะที่ดีไม่ต่างจากการใช้เครื่อง 1.5 ไร้เทอร์โบ ซึ่งเครื่องยนต์ใหม่ก็มาพร้อมกับพละกำลัง 122 แรงม้า ซึ่งมากกว่าเครื่อง 1.5 ลิตรเดิมนิดหน่อยแต่ส่งผลต่อการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
สเปครถยนต์
Body Style: | Sedan |
---|---|
Description: | ซีดานขนาดเล็ก 4 ประตู คลาส B-Segment |
Engine: | เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ |
Fuel Consumption: | 19.6 กม./ลิตร |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | Honda |
Max Power: | 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที |
Max Torque: | 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที |
Model: | Honda City RS |
Price Guide: | 739,000 บาท |
Release Date: | พฤศจิกายน 2019 |
0-100 km/h: | 10.4 วินาที |
Transmission: | เกียร์อัตโนมัติ CVT |
อย่าดูถูก 1.0 ลิตร เทอร์โบ
“เครื่องยนต์เทอร์โบของฮอนด้าไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง” นี่น่าจะเป็นประโยคที่เหมาะสมกับเครื่องเบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตรบล็อกนี้เป็นที่สุด ดูง่ายๆ จากเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ ใน Civic RS พิษสงของมันเป็นที่ถูกจิตถูกใจวัยรุ่นขาซิ่งจำนวนมาก เราอยากจะบอกว่าเครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ ของ City ใหม่นี้คือร่างย่อส่วนของเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่นพี่ตัวร้ายของมัน
รายละเอียดเครื่องยนต์คือเบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 988 ซีซี ฉีดน้ำมันแบบตรงเข้าห้องเผาไหม้ Direct-Injection พร้อมระบบแปรผัน VTEC พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger ของ Borg-Warner กำลังสูงสุดที่รีดเค้นออกมาได้คือ 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที เครื่องยนต์ตัวนี้รองรับน้ำมัน E20 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 99 กรัม/กม. ผ่านฉลุยกับมาตรฐานไอเสีย Euro 5 ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ที่ปรับจูนมาเพื่อรองรับกับเครื่องยนต์เทอร์โบโดยเฉพาะ และที่พิเศษคือในรุ่น RS จะมีแป้นแพดเดิลชิฟท์มาให้เล่นเกียร์เองได้ด้วย
ที่ผ่านมาคุณคิดว่ารถ “อีโค่คาร์” เป็นยังไง? เครื่องเล็ก อืด อัตราเร่งไม่ทันใจ ขึ้นเขาไม่ไหว ขับได้แค่ในเมือง นี่คือทัศนคติบางส่วนที่ผู้คนมีต่อรถอีโค่คาร์ แต่เราอยากให้คุณลองเปิดใจกับ City RS นี่คือรถที่เข้าเกณฑ์อีโค่คาร์ก็จริง แต่นิสัยใจคอของมันไม่ใช่รถอีโค่คาร์เลย
การขับขี่ความเร็วต่ำในเขตเมืองเครื่องยนต์มีความนุ่มนวลและเงียบ เกียร์ CVT ส่งกำลังอย่างลื่นไหล ดังนั้นการเร่งเครื่องหรือการชะลอความเร็วจึงมีแต่ความสมูธ อาการรอรอบอาจจะมีบ้างในช่วงต่ำกว่า 2,500 รอบต่อนาที แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งบนทางราบแน่นอน แต่จุดที่ City RS บอกเราว่ามันไม่ใช่อีโค่คาร์เดิมๆ ที่เคยรู้จักก็คืออัตราเร่ง แรงบิดจากเครื่องยนต์มาในรอบต่ำบวกกับพลังเสริมจากเทอร์โบทำให้การตอบสนองเวลากดคันเร่งทำได้กระฉับกระเฉง เราลองออกตัวจากสี่แยกไฟแดงแบบกดคันเร่งจนสุด รถกระโจนไปข้างหน้าพร้อมกับแรงดึงที่น่าตื่นเต้นมาก ความเร็วไต่จาก 0-100 ในเวลาอันสั้น เกียร์ CVT สั่งให้รอบเครื่องยนต์ดีดขึ้นสูงแตะเส้นเรดไลน์แล้วสะบัดกลับมาเพื่อเข้าสู่เกียร์ถัดไป จุดนี้ได้ใจคนชอบเสียงลากรอบเครื่องยนต์ไปเต็มๆ
ความสนุกจะยิ่งเพิ่มขึ้นถ้าคุณเลือกขับโหมดเกียร์ S มันตอบสนองได้เมามันส์กว่าเกียร์ D ปกติแบบรู้สึกได้ อัตราเร่งมาไวขึ้น แต่ละเกียร์จะลากรอบสูงขึ้น แถมจังหวะลดเกียร์ในตำแหน่งเกียร์ต่ำๆ ยังมีอาการกระตุกนิดๆ ให้รู้สึกถึงความเป็นเกียร์แมนวล แบบนี้วัยรุ่นชอบ สำหรับการคิ๊กดาวน์นั้นในโหมดเกียร์ D ถือว่าตอบสนองได้ค่อนข้างไว ต้องเหยียบคันเร่งลึกประมาณ 50% สมองกลจะรับรู้ละว่าเราต้องการเร่งแซงก่อนจะสั่งการให้เกียร์ลดลง 1 สปีด กำลังที่ได้ก็มีมากพอให้แซงรถพ่วงยาวๆ ได้แบบไม่ต้องลุ้นตัวเกร็ง การคิ๊กดาวน์นั้นในโหมดเกียร์ S กระบวนการทุกอย่างจะเกิดขึ้นไวกว่าเล็กน้อย
ขับเร็วมั่นใจ เอาอยู่ทุกโค้ง
ต่อจากอัตราเร่งที่ดีเกินคาดสิ่งที่ City RS บอกเราว่ามันไม่ใช่อีโค่คาร์ทั่วๆ ไปก็คือช่วงล่าง ปกติรถเล็กจะไม่ได้มีระบบช่วงล่างที่ดีมากมายนักแต่ City RS เป็นรถที่ขับเร็วแล้วมั่นใจมาก ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ในทางตรงรถนิ่งมาก ไม่ส่าย ไม่โคลง น้ำหนักของพวงมาลัยจะเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในระดับที่ยังคุมง่าย ช่วงล่างเกาะถนนหนึบให้ความมั่นใจได้เป็นอย่างดี การดูดซับแรงสะเทือนในช่วงความเร็วสูงทำได้ดีมาก เส้นถนน รอยปะ คอสะพาน สามารถรูดผ่านได้โดยไม่เสียอาการ สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นตอนที่เราร่วมทริปทดสอบกับทางฮอนด้า ประเทศไทย เมื่อต้นปี มีสื่อมวลชนหลายท่านยืนยันว่าทะลุ 200 กม./ชม. โอ้ว! นี่มันไม่ใช่อีโค่คาร์แล้ว
ทางตรงว่าหนึบแล้ว เล่นโค้งก็หนึบเช่นเดียวกัน ปกติเล็กเล็กน้ำหนักไม่มากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจะรู้สึกเหวอ ไม่นิ่ง ไม่มั่นคง แต่ City RS กลับไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเลย แม้จะให้หน้ายางมาเพียง 185 แต่เมื่อสาดโค้งกลับรู้สึกถึงแรงยึดเกาะส่งกลับมาที่พวงมาลัย ซึ่งอัตราทดพวงมาลัยที่เหมาะสมยังช่วยให้คุมล้อหน้าได้อย่างฉับไวและแม่นยำด้วย อาการโยนของตัวถังและอาการหน้าดื้อจะมีบ้างเล็กน้อยในโค้งแคบแต่ไม่ได้ทำให้ควบคุมทิศทางยากขึ้นแต่อย่างใด ถ้าเป็นโค้งกว้างสามารถใช้ความเร็วสูงเข้าได้เลย เมื่อเทียบกับ City รุ่นก่อนหน้า City RS ใหม่ให้ความมั่นใจมากกว่า ใช้ความเร็วได้มากกว่า การปรับเซ็ตช่วงล่างและพวงมาลัยก็ดีกว่า
ว่ากันต่อเรื่องเบรก ถ้าขับปกติไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมากเบรกชุดนี้รองรับได้สบาย แต่ถ้าเป็นคนเท้าหนักที่ใช้ความเร็วสูงเป็นประจำน่าจะต้องการระบบเบรกต้องดีกว่านี้ ระยะเบรกควรต้องสั้นลงกว่านี้ ทั้งนี้ การตอบสนองของแป้นเบรกยังอยู่ในเกณฑ์ดี ระยะฟรีมีพอประมาณเพื่อความนุ่มนวล แรงต้านของแป้นเบรกเป็นธรรมชาติ
การป้องกันเสียงรบกวนเสียงของ City RS ทำได้ดีกว่า City รุ่นก่อนหน้า โดยรวมเงียบกว่า เสียงลมเริ่มเล็ดลอดเข้ามาที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ตามขอบหน้าต่างและประตู เสียงยางก็เบาลง เสียงเครื่องเวลาขับปกติแทบจะไม่ได้ยิน จะดังคำรามก็ตอนเหยียบเกิน 3,000 รอบขึ้นไป เสียงช่วงล่างเวลาตกหลุมดังแน่นๆ
เอาล่ะ รถอีโค่คาร์กับอัตราสิ้นเปลืองมักจะมาเป็นของคู่กัน แน่นอนว่าเครื่องเล็กลงก็ต้องประหยัดมากขึ้นซึ่งมันก็ถูกต้อง จากการทดสอบของเราที่ไม่ได้เน้นประหยัดสักเท่าไรตัวเลขที่หน้าปัดแสดงอยู่ที่ราว 14-15 กม./ลิตร ถามว่าสามารถทำให้มันประหยัดมากกว่านี้ได้ไหม ได้อยู่แล้วแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยทั้งลักษณะการขับขี่ สภาพการจราจร สภาพเส้นทาง น้ำหนักบรรทุก เราคิดว่าตัวเลข 18-19 กม./ลิตร ก็น่าจะเป็นไปได้
หล่อตั้งแต่เกิด
City RS น่าจะกลายเป็นรถขวัญใจวัยโจ๋ได้ในเวลาไม่นาน เพราะภายนอกถูกตกแต่งมาครบแล้ว ออปชั่นที่ให้มาก็ไม่ขี้เหร่ ไฟหน้า LED ไฟตัดหมอก ไฟท้าย LED กันชนหน้า-หลังแบบสปอร์ต กระจังหน้า RS สีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา แถมติดลิปสปอยเลอร์สีดำเงามาให้จากโรงงาน เรียกว่าแค่เปลี่ยนล้อแม็กซ์ โหลดเตี้ยลงหน่อย เปลี่ยนท่อใหม่ก็หล่อแล้ว โดยเฉพาะตัวถังสีแดง Ignite Red Metallic เป็นอะไรที่สปอร์ตเข้าขั้นมากๆ
นอกจากภายนอกที่หล่อเอาเรื่องแล้ว ภายในของ City RS ก็ยังแสดงตัวตนถึงความสปอร์ตเช่นกัน เริ่มตั้งแต่เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สลับหนังกลับ มีการเดินตะเข็บด้ายสีแดงที่เบาะ แดชบอร์ดหน้า แผงประตู คอนโซลกลาง พวงมาลัย หัวเกียร์ และจุดต่างๆ ทั่วห้องโดยสาร แป้นเหยียบให้มาเป็นแบบอะลูมิเนียม หน้าปัดเป็นแบบอนาล็อก เข็มวัดรอบและวัดความเร็วสีแดง ดูไม่ล้ำแต่ได้อารมณ์
กว้างขึ้น สะดวกสบายขึ้น
สิ่งที่ต้องชื่นชมใน City ใหม่นอกจากจะขุมพลังเครื่องยนต์ที่เผ็ดร้อนแล้วก็เห็นจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายในห้องโดยสารนี่แหละ แม้ว่าระยะฐานล้อของรถจะสั้นลง แต่กลับได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้น นี่คือความฉลาดในการออกแบบของวิศวกร บรรยากาศในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งแตกต่างจาก Civic รุ่นพี่อย่างชัดเจน การเข้า-ออกรถทำได้อย่างสะดวกจากประตูบานหน้าและบานหลังขนาดใหญ่
เบาะหน้าให้ความกระชับโอบรับลำตัวได้ดี ทำให้เวลาเข้าโค้งแล้วตัวไม่โยกย้ายไป-มา และยังเป็นแบบปรับมือทั้งหมด ความสูงของเบาะคนขับกำลังดี สามารถมองไปข้างหน้าได้ไกล มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกบานหลังค่อนข้างกว้าง เสา A-pillar ขนาดไม่ใหญ่เกินไป พื้นที่เหนือศีรษะมีเหลือเฟือสำหรับคนตัวสูง 180 ซม. เบาะหลังเป็นจุดที่เราชอบมากเพราะมีพื้นที่กว้างและเข้า-ออกสะดวก นั่งแน่นๆ ได้ 3 คน ซึ่งคนกลางอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อยเพราะขาไปเบียดกับช่องวางของตรงที่พักแขนกลาง พื้นที่ช่วงศีรษะและช่วยขามีเหลือมากพอให้คนตัวสูง 180 ซม. นั่งได้อย่างสบายใจ
แดชบอร์ดมาในดีไซน์เรียบง่าย ใช้วัสดุคุณภาพดีแต่ก็มีพลาสติกแข็งปะปนอยู่เยอะ จัดวางปุ่มควบคุมต่างๆ ให้เข้าถึงง่าย เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี คุณภาพหน้าจออยู่ในเกณฑ์ดี ตอบสนองไว หน้าตาเมนูต่างๆ ใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นครบ อาทิ วิทยุ เครื่องเล่นเพลง รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ Apple CarPlay และ HONDA Connect ระบบเสียงเป็นลำโพง 8 ตัวคุณภาพมาตรฐาน ฟังได้เพลินๆ หากไม่คิดอะไรมาก หน้าจอนี้ยังแสดงภาพขากกล้องมองหลังด้วยซึ่งค่อนจ้างคมชัดเลยทีเดียว
ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดที่ดูด้วยสายแล้วไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก การเก็บรายละเอียดทำได้เรียบร้อยดี สามารถเปิดกระโปรงท้ายได้ด้วยการกดปุ่มบน Smart Key คาไว้ 3 วินาที ไม่สามารถพับเบาะหลังได้ ใต้พื้นห้องมียางอะไหล่มาให้
แรงเกินตัว วัยรุ่นชอบ
ภายใต้รูปร่างหน้าอันแสนหล่อเหลา City RS สร้างความประทับใจได้แบบเกินคาด คนที่บอกว่ารถอีโค่คาร์มันไม่เอาไหน ไม่แรง ไม่สะใจ ถ้าได้ลอง City RS แล้วจะเปลี่ยนความคิด อีโค่คาร์เป็นเพียงมาตรฐานตามเงื่อนไขรัฐบาลที่ใช้กับรถที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กไม่เกิน 1300 ซีซี ปล่อยมลพิษไม่เกิน 100 กรัม/กม. และประกอบในประเทศ ดังนั้นทำไมอีโค่คาร์จะแรงไม่ได้ถ้าอยู่ในเกณฑ์
City RS มีพละกำลังมากเกินกว่าคำว่าอีโค่คาร์ มันสามารถขับขี่เนิบๆ ในเมืองได้อย่างนุ่มสบายแต่ถ้าต้องการซิ่งเมื่อไรได้เรื่องแน่ แถมนอกจากจะเร็วแล้วยังหนึบด้วย ต้องยอมรับเลยว่าการตัดสินใจดาวน์ไซส์เครื่องยนต์ของออนด้าใน City RS โฉมใหม่ ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเลยทีเดียว และด้วยความที่รูปลักษณ์ภายนอกเร้าใจวัยรุ่นเสียเหลือเกิน เราจะไม่สงสัยเลยว่าทำไม่จึงมี City RS แต่งสวยๆ วิ่งกันเต็มถนน งบถึงก็ไป Civic RS งบน้อยลงที่ City RS หล่อจบ สบายใจ
The Review
Honda City RS
Honda City RS หล่อตั้งแต่ออกจาโรงงาน รูปลักษณ์โดนใจวัยรุ่น เครื่องยนต์แรงเกินตัวและยังประหยัดด้วย ขับดี ช่วยล่างแน่น ขับเร็วแล้วยังมั่นใจ
PROS
- รูปลักษณ์สปอร์ตตั้งแต่ออกจากโรงงาน
- เครื่องยนต์ทรงพลังเกินรถอีโค่คาร์
- ขับเร็วมั่นใจ ช่วงล่างแน่นหนึบ
- ประหยัดน่าพอใจ
- ออปชั่นครบ
CONS
- ดีไซน์ภายในไม่หวือหวา ใช้วัสดุพลาสติกแข็งเป็นส่วนใหญ่
- แพดเดิลชิฟท์มีเฉพาะรุ่น RS เท่านั้น
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans9
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
Honda City RS DEALS
We collect information from many stores for best price available