• About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact
What Car? Thailand
Mazda-CX-3-Banner-whatcar-728x90-102023
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
What Car? Thailand
No Result
View All Result
Home Reviews First Drive

First Drive – Ford Everest Titanium+ 2.0L Bi-Turbo 4×4 ทรงพลัง ขับสบาย นี่แหละตัวจริงของเอสยูวี

October 24, 2018
in First Drive, New Car
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

          การมาถึงของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Bi-Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปกับนวัตกรรมที่ฟอร์ดนำเสนอ มันไม่เพียงแต่สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นในวงการรถยนต์ไทย แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฟอร์ดกล้าที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการตอกย้ำว่าข้านี่แหละคือตัวจริงด้านเอสยูวี

          Ford Everest 2018 คือการปรับปรุงครั้งใหญ่ แม้ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมไม่มาก แต่ภายใต้เปลือกคือขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตรใหม่ที่มีทั้งเทอร์โบเดี่ยวและ Bi-Turbo พร้อมกับยกเลิกทำตลาดเครื่องดีเซล 2.2 และ 3.2 ลิตร แน่นอนว่าเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ล้วนเป็นองค์ประกอบหลักที่กำลังเชิดหน้าชูตาให้กับ Everest แต่อย่าลืมว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ (Terrain Management System i4WD) เทคโนโลยีช่วยขับ และระบบความปลอดภัยที่อัพเกรดเข้ามาใหม่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

          เราอยู่กับ Ford Everest Titanium+ 2.0 Bi-Turbo รุ่นท็อปสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ กับทริปทดสอบจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าเข้าค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่จัดโดยฟอร์ด ประเทศไทย เส้นทางมีครบทุกรสชาติทั้งทางราบและทางชัน ที่น่าสนใจคือทริปนี้เราจะได้ขับทดสอบบนทางออฟโรดด้วย รอช้าอยู่ใย ไปลุยกันเลย

การขับขี่

          เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพโดยขับแบบฟรีรัน การขับขี่ Everest ในเมืองที่เต็มไปด้วยรถราสร้างความประทับใจให้กับเราเป็นอย่างมากด้วยตำแหน่งนั่งขับที่สูงทำให้มองเห็นข้างหน้าได้กว้างไกล กระจกมองข้างขนาดใหญ่ช่วยให้เห็นมุมมองด้านข้างชัดเจน พวงมาลัยที่เบาทำให้การลัดเลาะเปลี่ยนเลนทำได้ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าจะเฉี่ยวชนเพราะมีระบบเตือนมุมอับสายตาคอยช่วยเหลืออยู่

           เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Bi-Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบความนุ่มนวลตลอดการขับขี่ความเร็วต่ำ พละกำลังมีมาให้ใช้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงหรือการออกตัวจากแยกไฟแดงที่แอบดึงเบาๆ ส่วนช่วงล่างให้ความนุ่มสบายมาก ทั้งยังเก็บแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้หมดจด

           เมื่อหลุดจากการจราจรที่คับคั่งของเมืองหลวง เราก็ได้สัมผัสพลังอันเร้าใจของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Bi-Turbo บนถนนไฮเวย์ การมีเทอร์โบ 2 ตัวช่วยกันทำงานจะเห็นผลชัดเจนทันทีที่กดคันเร่งหนักๆ รถจะตอบสนองอย่างไม่รีรอพร้อมกับแรงดึงที่น่าประทับใจ อัตราเร่งมาไว ชวนให้เหยียบเพลินจนถึง 120 กม./ชม. ได้ในเวลาอันสั้น

            เกียร์ 10 สปีดของ Everest มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มาพร้อมกับโหมด S ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองโดยกดปุ่ม +/- ที่หัวเกียร์ มันอาจจะแปลกๆ สักหน่อยที่ไม่สามารถโยกคันเกียร์หรือมีแป้นแพดเดิลชิฟท์ให้ตะปบ แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

            ข้อดีของการมีจำนวนเกียร์เยอะถึง 10 สปีดคือความต่อเนื่องและนุ่มนวล จากการขับขี่เราแทบจะไม่รู้สึกถึงจังหวะเปลี่ยนเกียร์เลย เมื่อค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักเหยียบคันเร่งแบบนุ่มนวลพบว่าอัตราทดแต่ละเกียร์ค่อนข้างชิดกัน เกียร์เปลี่ยนสู่ตำแหน่งสูงขึ้นได้เร็ว พอกระแทกคันเร่งคิ๊กดาวน์เกียร์จะลดระดับลงมา 2 สปีดพร้อมกับรอบเครื่องดีดสูงขึ้น กำลังจากเครื่องยนต์ที่ได้เรียกว่าเหลือๆ สำหรับเร่งแซง

             เรามองว่าการขับขี่ปกติในเกียร์ D ให้ความสะดวกสบายที่สุดแล้ว ซึ่งเกียร์ลูกนี้ก็มีความฉลาดเพราะสามารถข้ามเกียร์ได้ ยกตัวอย่างเช่นการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เมื่อเหยียบคันเร่งสุดเกียร์จะข้ามจาก 1 ไป 3 ไป 5 ไป 7 ให้เลยเพื่ออัตราเร่งที่ต่อเนื่อง ลดจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่จำเป็น

              นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดจำนวนเกียร์ที่จะใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อขับขี่บนทางลาดชัน เราไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงแต่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์สำหรับช่วยฉุดและช่วงหน่วงมากกว่า เราสามารถที่จะกำหนดจำนวนเกียร์ไว้เพียง 4 เกียร์ได้เพื่อเป็นการบังคับไม่ให้ระบบเกียร์เปลี่ยนขึ้นไปสูงกว่านี้ ซึ่งสามารถปรับลดลงมาได้ต่ำสุดที่เกียร์ 1 การกดยกเลิกการจำกัดจำนวนเกียร์ก็เพียงกดปุ่ม + ที่หัวเกียร์ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที

              การขับขี่ความเร็วสูงไม่ทำให้เราเหนื่อยมากนัก การมีเกียร์เยอะทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานค้างรอบสูง ลดเสียงรบกวน ลดการบริโภคน้ำมัน ขณะที่การบังคับควบคุมก็ให้ความมั่นใจได้ดี พวงมาลัยหนืดขึ้นตามความเร็วที่ใช้ ช่วงล่างมอบความนุ่มนวลพร้อมกับความหนึบแน่นที่น่าประทับใจ ขับเร็วแล้วนิ่ง ไม่โคลงเคลงชวนหวิว จัมพ์คอสะพานไม่กระเด้ง

พิชิตเขาค้อ

             หลังจากขับทางราบมาจนถึงเพชรบูรณ์ ด่านต่อไปที่ต้องเจอคือการขับขึ้นเขาค้อ แน่นอนว่าการขับขึ้น-ลงทางลาดชันและคดเคี้ยวนั้นความเร็วสูงไม่ใช่หัวใจหลัก แต่เป็นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ พวงมาลัย เบรก และช่วงล่างต่างหาก ซึ่ง Everest ของเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอาอยู่แบบเหลือๆ

             พลัง 213 แรงม้าพร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร จากเครื่อง 2.0 ลิตร Bi-Turbo ทำให้การขับขึ้นเขาค้อเป็นเรื่องง่าย กำลังเครื่องยนต์มีให้ใช้เหลือๆ ไม่ว่าจะเนินเล็กเนินใหญ่ก็ไปได้อย่างสบายๆ เราลองขับโดยกำหนดจำนวนเกียร์ไว้ 1-4 สำหรับลัดเลาะไปตามโค้งต่างๆ การกำหนดจำนวนเกียร์แบบนี้ทำให้ไม่ต้องพะวงว่ารถจะเชนจ์เกียร์ขึ้นสูง ซึ่งการส่งกำลังระหว่างเกียร์ก็ทำได้นุ่มนวล มีแอบสะดุดบ้างเล็กน้อยในจังหวะขึ้นเนินแล้วเกียร์ต้องชิฟท์ดาวน์ลงมาเพื่อเรียกแรงบิดจากเครื่องยนต์ โดยรวมเกียร์ทำงานได้อย่างฉลาด มันเลือกเกียร์ได้เหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ สามารถขับเกียร์ D แล้วปล่อยให้รถจัดการด้วยตัวเองได้เลย แต่ถ้าอยากจะได้อารมณ์แบบเกียร์แมนวลควบคุมด้วยตัวเองแบบเบ็ดเสร็จก็โยกมาตำแหน่ง S ได้ตามความสะดวก

              ด้วยความที่พวงมาลัยค่อนข้างเบาทำให้การเข้าโค้งต่างๆ ไม่ต้องใช้แรงเยอะ สามารถสนุกไปกับโค้งได้อย่างเต็มที่ ควบคุมง่าย พร้อมทั้งมีความแม่นยำที่เหมาะสม ขณะที่ช่วงล่างก็ยังให้ความหนึบแน่นเกาะถนน อาการโยนมีบ้างตามสไตล์รถยกสูงแต่ไม่มากจนเกินรับได้ การทรงตัวในโค้งดี

             ระบบเบรกให้ฟีลแบบนุ่มนวล ต้องเหยียบลึกหน่อยจึงจะเริ่มหน่วง การเซ็ตเบรกมาแบบนี้จะช่วยลดอาการเบรกแล้วหน้าทิ่ม แรกๆ ขับอาจยังไม่ชินทำให้การกะระยะเบรกยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไร พอขับมาสักพักจับจังหวะได้ก็พบว่าเบรกชุดนี้มีความหนึบเหมาะสมกับสไตล์รถครอบครัว มอบความมั่นใจได้ดี การขับขี่ตลอดทั้งวันจากกรุงเทพไปจนถึงขึ้นเขาค้อพบว่าเบรกก็ยังเอาอยู่ ไม่มีอาการเฟดให้เห็น

ลุยทางออฟโรด

            ทริปนี้ฟอร์ดจัดให้มีการทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Terrain Management ระยะทาง 10 กม. ที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ความยอดเยี่ยมของ Terrain Management คือมีโหมดตั้งค่าการขับขี่ให้เลือก 4 แบบตามสภาพพื้นผิว ได้แก่ 1. พื้นผิวทั่วไป (Normal)  2. พื้นหิมะ/โคลน/หญ้า (Snow/Mud/Grass) 3. พื้นทราย (Sand) และ 4. พื้นหินขรุขระ (Rock) โดยแต่ละโหมดจะปรับเปลี่ยนการตั้งค่า อัตราเร่ง ระบบส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกสถานการณ์

            เส้นทางทดสอบส่วนใหญ่เป็นดินแดง มีอุปสรรคเป็นหลุมบ่อและแอ่งน้ำ ความลาดชันไม่มากเท่าไร เราปรับมาที่ 4H และเลือกโหมด Normal เพื่อขับบนทางลูกรังดินแดง ก่อนจะปรับไปที่โหมด (Snow/Mud/Grass) เพื่อลุยแอ่งโคลน ซึ่ง Everest ของเราสามารถขับผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา บางช่วงเป็นทางลงเนิน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันก็จะเข้ามาช่วยชะลอไม่ให้รถไหล เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น

            ถ้าถามว่า Everest สามารถลุยทางโหดๆ ได้ไหม เรามองว่าลุยได้เพราะมีเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตราทดรอบต่ำ (4×4 Low) บวกกับระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า การปีนป่ายหินหรือพื้นผิวลื่นๆ จะทำได้อย่างแน่นอน แต่ผู้ขับต้องมีทักษะและความชำนาญในการขับออฟโรดเป็นอย่างดี

             ตลอดทริปทดสอบ เราประทับใจในการป้องกันเสียงรบกวนขณะขับขี่มาก โดยเฉพาะขับความเร็วสูง 100 กม./ชม. เสียงลมและเสียงยางเล็ดรอดเข้ามาน้อย ทั้งนี้เป็นเพราะฟอร์ดได้พัฒนาระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งมีการเพิ่มประสิทธิภาพซีลกันเสียงและวัสดุซับเสียงภายในห้องโดยสาร ทำให้ Everest เงียบสุดๆ เมื่อขับขี่ทั่วไป

            แล้วความประหยัดล่ะ? หลายคนอาจจะคิดว่าเครื่องยนต์ใหม่ความจุน้อยลงน่าจะประหยัดขึ้นรึเปล่า จากการทดสอบขับขี่จริงโดยไม่ได้เน้นเอาความประหยัด กับเส้นทางราบและขึ้นเขาลงห้วย พบว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ราว 9-10 กม./ลิตร เมื่อคำนวณดูแล้วก็น่าจะอยู่กลางๆ เหมาะสมกับขนาดตัวที่ใหญ่โต ทั้งนี้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองขึ้นอยู่กับเส้นทางและนิสัยการขับขี่เป็นสำคัญ ผู้ขับที่เน้นการขับขี่สบายๆ เท้าไม่หนัก น่าจะได้ตัวเลขดีกว่านี้เล็กน้อย

เทคโนโลยีที่น่าปรบมือให้

           ฟอร์ดขึ้นชื่ออยู่แล้วในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ โดย Everest ตัวท็อปของเราจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยขับที่ครบครัน ประกอบด้วย

  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
  • ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
  • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist)
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (BLIS – Blind Spot Information System) ที่มาพร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert)

           นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า ได้แก่ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

          เช่นเดียวกับระบบตรวจจับลมยาง, ระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ก็ให้มาเป็นมาตรฐานใน Everest ตัวท็อปของเรา

ภายในคือที่หนึ่ง

                ภายนอกของ Everest ใหม่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนมากนัก มีแค่เปลี่ยนล้ออัลลอยลายใหม่ ชินส่วนภายนอกอย่างเช่นกระจังหน้า กันชนหน้า และมีสีใหม่ให้เลือก ซึ่งเรามองว่ารูปลักษณ์ของ Everest ปัจจุบันนี่แหละคือจุดแข็งที่ทำให้คนไทยชื่นชอบด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเท่ ใหญ่ แข็งแกร่งบึกบึนในแบบอเมริกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องปรับอะไรมากก็ได้

             ภายในปรับเปลี่ยนไม่มาก จุดขายหลักคือความกว้างขวางนั่งสบายทุกตำแหน่ง ผู้โดยสารขึ้น-ลงได้สะดวก พื้นที่ทั้งตอนหน้าและตอนหลังไม่มีอะไรให้ติติง ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่ เบาะคนขับใหญ่ นุ่ม นั่งสบาย ปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทางทำให้หาตำแหน่งนั่งขับที่เหมาะสมได้ง่าย แต่ไม่มีตัวปรับดันหลังมาให้

            ระบบ SYNC 3 จอทัชสกรีนขนาด 8.0 นิ้ว ได้รับการอัพเกรดใหม่ รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, บลูทูธ และแสดงผลจากกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถ เมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย โดยระบบสามารถจดจำเสียง และรองรับการสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยได้แล้ว ไฮไลท์อยู่ที่ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ที่สามารถต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ในทันที

            จากการทดลองเล่น SYNC 3 เป็นระบบที่ใช้งานง่าย หน้าตาเมนูสวยงามทันสมัย สีสันหน้าจอคมชัด ตอบสนองต่อการกดได้เร็ว ระบบเข็มทิศและแผนที่นำทางก็เที่ยงตรงดี ระบบเสียงติดรถที่ให้มาถือว่าไม่ขี้เหร่ ฟังเพลินๆ ได้ตลอดการเดินทาง

สรุปความน่าใช้

            Ford Everest Titanium+ 2.0 Bi-Turbo 4×4 คือความสมบูรณ์แบบที่น่าจะถูกอกถูกใจกับผู้ใช้รถอเนกประสงค์ที่รักการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับครอบครัว มันคือเอสยูวีที่ตรงตามนิยามอย่างแท้จริง คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้ในทุกๆ ที่ ขับดีทั้งในเมืองและต่างจังหวัด พลังของเครื่องยนต์ การขับขี่ ความสามารถในการลุยทางออฟโรด ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร เทคโนโลยีช่วยขับ และความปลอดภัย ทุกสิ่งอย่างหลอมรวมกันออกมาเป็นหนึ่งในเอสยูวีที่ดีที่สุดในคลาส ค่าตัว 1.799 ล้านบาท แพงสุดในคลาสก็จริงแต่สิ่งที่ได้นั้นเหมาะสมกับราคา เราแนะนำเลยว่าถ้าต้องการที่สุดของอเนกประสงค์ครอบครัว ไม่ต้องหันไปมองที่อื่นอีกแล้ว

            นอกเหนือจากตัวท็อปที่เราทดสอบแล้ว Everest ยังมีให้เลือกอีก 3 รุ่นย่อย สเปกลดหลั่นกันไปตามราคา รุ่น Titanium+ 2.0L Turbo 180 แรงม้า ขับสอง ราคา 1.599 ล้านบาท ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่คิดว่าไม่ได้ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะสเปกเหมือนกับเกือบกับรุ่นท็อปเกือบทุกอย่าง ต่างแค่เครื่องยนต์ ส่วนอีก 2 รุ่น Titanium และ Trend ราคา 1.439 และ 1.299 ล้านบาท ตามลำดับ

             อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับเกียร์ 10 สปีดนั้น อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ตอนนี้ฟอร์ดกำลังพยายามเร่งแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ตามที่มีข่าวออกไปทั้งระงับการส่งมอบรถใหม่ หรือเรียกคืนรถเพื่อไปตรวจสอบข้อบกพร่อง เรามองว่าฟอร์ดแก้เกมได้ดีขึ้นและกำลังมาถูกทาง บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้ฟอร์ดตระหนักถึงปัญหาและคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลังจากนี้เชื่อว่าภาพลักษณ์ของฟอร์ดจะดีขึ้นตามลำดับ และเราก็หวังว่าปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายได้เร็ววัน

ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้

ดูรายละเอียดสเปกรถยนต์ได้ที่ www.whatcar.co.th/30148/ford-everest-my2018-thailand-launch/

Gallery

 

1 of 54
- +

1.

2.

3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

40.

41.

42.

43.

44.

45.

46.

47.

48.

49.

50.

51.

52.

53.

54.

 

 

Tags: EVERESTFirst drivefordFord EverestreviewSUVTest drive

Related Posts

New Car

New Porsche Macan all-electric SUV  มาคันน์ เอสยูวี ไฟฟ้า 100 % น้องใหม่จากค่าย ปอร์เช่

January 27, 2024
New Car

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic  2024 (Facelift) 

January 26, 2024
First Drive

รีวิว รถยนต์ All-New Honda Accord รุ่น EL (ลองขับ)

December 25, 2023
New Car

Mazda6 20th Anniversary Edition

December 2, 2023
New Car

‘MAZDA ICONIC SP’ รถต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์

November 1, 2023
New Car

Volkswagen ID.X Performance Concept เปิดตัว  EV 550 แรงม้า พร้อม Aggressive Aero

September 10, 2023
Leave Comment

What Car? Thailand

 

นิตยสารและเว็บไซต์ whatcar.co.th เนื้อหาลิขสิทธิ์รถยนต์ที่แรกที่เดียวในไทย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ จาก What Car? whatcar.com ประเทศอังกฤษซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกมายาวนานกว่า 45 ปี.

Follow us

Categories

  • Awards
  • Big Bike
  • Comparison
  • CSR
  • Feature
  • First Drive
  • Insights
  • Inter News
  • New Car
  • News
  • PR
  • Promotion
  • Reviews
  • Road Test
  • Road Trips
  • Tip Technic
  • Uncategorized
  • Your Cars

Instagram

  • ลาก่อน EQS สวัสดี S-Class รถยนต์ไฟฟ้า : Mercedes จะรวมทั้งสองรุ่นเข้าด้วยกันในปี 2030 ⚡
  • พักเบรกกับค่ายจีน 🇨🇳ที่กำลังลงมาเล่นตลาด ⚡🔋
รถยนต์ไฮบริด (Hybird) นั่งกันไม่ติดและ ญี่ปุ่น 🇯🇵
.
ไม่รู้ว่านุดมีแมว...หรือแมวมีนุดกันแน่ 😆
 "ประกาศิต" ก็เป็นทาสจ๊ะ 555
.
แม่น้ำตาลเป็นแมวที่อายุใกล้ 20 ปี ก็จะดูวัยรุ่นหน่อย 😸
โลกนี้ให้ความสำคัญกับแมวอยู่นะ.... “วันแมวโลก”  International Cat Day 
8 สิงหาคมของทุกปี
.
#InternationalCatDay 
#แม่น้ำตาลหวานเจียบ
  • เดินทางด้วยรถ Benz E 220 d AMG Line 😆🌊🌴
จากเส้นทางภูเก็ต - พังงา ถึง รร.เยาววิทย์ 
ทริป /CSR เมอร์เซเดสเบนซ์ ประเทศไทย
.
ขนาดตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,935 x 1,852 x 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,939 มิลลิเมตร
.
เครื่องยนต์
.
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
.
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed 238 km/h
.
ภายนอก
- ชุดตกแต่งภายนอก AMG Body Styling
- ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
- ไฟหน้า LED High Performance
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
- ระบบกุญแจ Keyless-GO
- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate
- ระบบช่วยปิดประตู Power Closing Doors (ประตูดูด)
.
ภายใน และระบบอำนวยความสะดวก
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 2-Zones
- ระบบปรับสมดุลอากาศ - ฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL (HEPA)
- ม่านบังแดดประตูคู่หลัง
- ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง
- หน้าจอ MBUX Multimedia HyperScreen และ หน้าจอมาตรวัดแบบ 3D
- Passenger Screen หน้าจอแยก สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ที่แยกควบคุมกับจอกลางได้ โดยไม่รบกวนการควบคุมของส่วนกลางภายในรถ
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูลงจากรถ Exit Warning
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Active Distance Assist DISTRONIC with Stop&Go
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Lane Tracing Package
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Active Lane Keeping Assist
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Collision Warning
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driving Assistance System
.
.
#MercedesBenz #EClass #E220d #E220dAMGLine
  • สีดำ....หล่อแบบเข้ม เข้ม 😆
เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด
ด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วย ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ 
.
เครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้กำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น 
.
เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) 
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) 
-ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) 
-ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) 
-ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) 
-ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) 
-กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) 
-พร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) 
.
ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ละเอียด แม่นยำ พร้อมปกป้องคุณให้ปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปในแบบ 360 องศา
.
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay ที่พร้อมเชื่อมต่อแบบไร้สาย และ Android Auto 
.
#WHATCARThailand
#MitsubishiMotorsThailand #mitsubishitritonblackedition
#triton #blackedition
  • A5 Sedan ใหม่ ตัวแทน Audi A4 Sedan คู่แข่งใหม่ BMW 3 Series และ Mercedes C-Class
.
ภายนอกออกแบบใหม่ด้วยกระจังหน้าเพรียวขึ้น ไฟหน้าแบบ LED daytime running และไฟท้ายแบบ OLED ที่สามารถปรับการแสดงผลได้สูงสุด 8 รูปแบบ ที่นอกจากจะแสดงความแตกต่างเพื่อความสวยงามแล้ว สำหรับไฟท้ายยังสามารถใช้เป็นการสื่อสารกับรถคันหลังได้อีกด้วย
.
ภายในออกแบบหน้าจอ  3 ชิ้น โดยเลือกใช้แนวคิดการยึดหลักผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ virtual Cockpit ใช้เทคโนโลยีหลอดไฟแบบ OLED ขนาด 11.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว เป็นระบบสัมผัส ทั้งยังมีออฟชั่นหน้าจอสำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 10.9 นิ้ว
ความพิเศษยังอยู่ที่ A5 Sedan ที่ติดตั้งฝากระโปรงท้ายแบบยกเปิด เสมือนเป็นรุ่น Sportback จากโรงงาน
.
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง เบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
2.0 TDI
เครื่องยนต์ดีเซล TDI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร  สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
2.0 TFSI
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อคู่หน้าเท่านั้น และรุ่นอัพเกรด 204 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
รุ่น S5
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48-volt เพื่อลดมลพิษสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
.
#WHATCARThailand
#AUDI #A5Sedan
  • #Promotion #Toyota ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถในงาน #MOTORSHOW2024
#PR #promote #whatcar #whatcarthailnd 🥳👍🫰
  • #Tesla #Cybertruck ลองกระสุนเบอร์ไหนเข้า...? คุ้มนะถ้า 2.5m Baht คนไทยพร้อมซื้อ (รวย)😆🥳😃🧐🤓
#whatcar #whatcarthailand
  • พาชม #Porsche ในงาน Motor Show 2024
#whtacarthailand #whatcar
  • พาชม #Mitsubishi ในงาน Motor Show 2024
#whatcar #whatcarthailnd

Newsletter

© 2022 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.

  • About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้นโยบายคุกกี้ กด “ยอมรับ”
Cookie settingsยอมรับ
Manage consent

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.
Necessary
Always Enabled
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. These cookies ensure basic functionalities and security features of the website, anonymously.
CookieDurationDescription
cookielawinfo-checkbox-advertisement1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Advertisement" category .
cookielawinfo-checkbox-analytics1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Analytics" category .
cookielawinfo-checkbox-functional1 yearThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Necessary" category .
cookielawinfo-checkbox-others1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Others".
cookielawinfo-checkbox-performance1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Performance".
CookieLawInfoConsent1 yearRecords the default button state of the corresponding category & the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie.
Functional
Functional cookies help to perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collect feedbacks, and other third-party features.
Performance
Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.
CookieDurationDescription
_lscache_vary2 daysNo description available.
Analytics
Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.
CookieDurationDescription
_ga2 yearsThe _ga cookie, installed by Google Analytics, calculates visitor, session and campaign data and also keeps track of site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognize unique visitors.
_gat_gtag_UA_51917967_11 minuteSet by Google to distinguish users.
_gid1 dayInstalled by Google Analytics, _gid cookie stores information on how visitors use a website, while also creating an analytics report of the website's performance. Some of the data that are collected include the number of visitors, their source, and the pages they visit anonymously.
Advertisement
Advertisement cookies are used to provide visitors with relevant ads and marketing campaigns. These cookies track visitors across websites and collect information to provide customized ads.
CookieDurationDescription
_fbpsessionThis cookie is set by Facebook to display advertisements when either on Facebook or on a digital platform powered by Facebook advertising, after visiting the website.
advanced_ads_browser_width1 monthThis cookie is set by Advanced ads plugin.This cookie is used to measure and store the user browser width for adverts.
personalization_id2 yearsTwitter sets this cookie to integrate and share features for social media and also store information about how the user uses the website, for tracking and targeting.
Others
Other uncategorized cookies are those that are being analyzed and have not been classified into a category as yet.
CookieDurationDescription
jnews_view_counter_visits[0]2 months 2 days 15 hoursNo description
muc_ads2 yearsNo description
pvc_visits[0]1 dayThis cookie is created by post-views-counter. This cookie is used to count the number of visits to a post. It also helps in preventing repeat views of a post by a visitor.
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact

© 2021 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.