Comparison : Ford Mustang Mach-E vs Volkswagen ID.4

Watts the difference?

ฝ่ายหนึ่งคือรถยนต์ SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่เจ้าของป้ายราคา NaN มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังและระยะที่เหมาะสม เช่นเดียวกับอีกฝ่าย เราจะต้องเลือกจากคู่แข่งที่เหมือนกัน


Ford Mustang Mach-E Standard Range RWD

ราคาขาย 40,350 ปอนด์ (ราว 2,017,500 บาท)

ราคาที่น่าลงทุน 40,350 ปอนด์ (ราว 2,017,500 บาท)

สปอร์ตคาร์ในตำนานเปิดตัวในทิศทางใหม่พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8s ในรุ่น SUV ไฟฟ้า


NEW Volkswagen ID.4 Pro Performance 77kWh 1st Edition

ราคาขาย 40,800 ปอนด์ (ราว 2,040,000 บาท)

ราคาที่น่าลงทุน 40,800 ปอนด์ (ราว 2,040,000 บาท)

All-new ID.4 เป็นเสมือน ID.3 แฮทช์แบ็ก ถูกยืดออกเป็น SUV ที่สูงกว่าและมีพื้นที่มากกว่าเดิม


        คุณรู้หรือไม่ว่า แม้ Mach 1 จะเคลื่อนที่เท่าความเร็วเสียงแต่มันกลับไม่คงที่ ซึ่งเป็นความเร็วที่แปรผันกับระดับความสูง ณ ความเร็วภาคพื้น Andy Green ผู้เป็นเจ้าของสถิติสามารถพุ่งทะยานด้วยความเร็วระดับซุปเปอร์โซนิกก่อนจะแตะ 1,228 กม./ชม. ในปี 1997 ผู้โดยสารบนเครื่องบินโดยสาร Concorde ที่อยู่บนความสูง 60,000 ฟุต อาจประสบกับปัญหาเสียงดังรบกวนขณะเครื่องกำลังลดระดับความเร็วซึ่งก็ยังถือว่าช้ากว่าสถิติของ Andy มาก

        คุณรู้สึกสับสนหรือ ? เดี๋ยวคุณก็จะชินเพราะโดยทั่วไปแล้ว Mustangs ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ Mustangs Mach-E ไม่ได้เป็นรถยนต์สปอร์ตทรงเตี้ยที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 แต่มันกลับเป็นรถยนต์ SUV สูงโปร่งที่มาพร้อมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า เห็นได้ชัดว่ามันแทบจะไม่ใช่ Ford แล้ว (ซึ่งก็ไม่ได้มีป้ายติดไว้ที่ไหน) และในด้านความเร็ว มันก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับ Mach 1 ได้ อีกทั้งมันยังมาพร้อมการขับเคลื่อนล้อหลัง หากคุณเลือกรุ่นเริ่มต้น Standard Range RWD ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่มันยังเหมือนกับ Mustang รุ่นเก่า ๆ อยู่

        คู่แข่งของมันในครั้งนี้คือ all-new Volkswagen ID.4 ที่ยังไม่เคยมีประวัติมาข่มกัน ID.4 เป็นรถยนต์ SUV ระบบไฟฟ้าล้วน อีกทั้งยังเป็นรุ่น Pro Performance รุ่นแรก ที่มีราคาไม่ต่างจาก Mach-E รุ่นเริ่มต้น มันยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังและมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า จึงดูคุ้มค่าน่าลอง


การขับขี่

สมรรถนะ, การขับขี่, เสถียรภาพ, ความประณีต

        พวกเราทราบกันดีว่ามันไม่ใช่ Mach 1 แต่ Mach-E ก็ยังไวกว่าคู่แข่ง รถยนต์ทั้งสองรุ่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถพาคุณพุ่งออกตัวจากไฟแดงได้อย่างรวดเร็วกว่ารถยนต์น้ำมันทั่วไป แต่ Mach-E สามารถแตะ 100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.6 วินาที โดยไวกว่า ID.4 ถึง 1.5 วินาที และสามารถแตะ 50-110 กม./ชม. ได้ไวกว่าคู่แข่งถึง 2 วินาที ซึ่งเราพบว่ามันสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาขุมพลังที่มากกว่ากัน 60 แรงม้า

FORD MUSTANG MACH-E

‘Mach-E ไม่นิ่งอย่างที่คิด คุณกระเด้งกระดอนไปมาเมื่อผ่านฝาท่อ และแทบจะไม่คงที่เมื่อวิ่งบนมอเตอร์เวย์และขอพูดตามตรง มันค่อนข้างน่ารำคาญ’

        ข้อดีนี้กลับถูกผลักออกไปเมื่อเราพูดถึงขนาดของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ของ ID.4 สามารถจุได้ 77kWh ในขณะที่ของ Mach-Eจุได้ 68 kWh นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม ID.4 สามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตรในการชาร์จหนึ่งครั้ง ในขณะที่ Mach-Eสามารถไปได้ไกล 370 กิโลเมตร ทั้งสองคันไม่สามารถไปถึงระยะดังกล่าวได้ในการทดสอบของเรา ทั้งนี้ขึ้นกับอัตราการบริโภคพลังงานในเส้นทางที่เรากำหนด

        หากคุณชอบรถยนต์ที่มีความลื่นไหลดุจคุณจรดปากกาเขียนเส้นลงบนกระดาษ คุณจะประทับใจ ID.4 ในมิติต่าง ๆ มากกว่า เริ่มต้นด้วยการขับขี่ ระบบช่วงล่างปรับได้แบบมาตรฐานของ ID.4 ทำงานได้เป็นอย่างดีในการมอบความนุ่มนวลในการขับขี่ คุณอาจจะยังรู้สึกโคลงเคลงจากการเป็นรถยนต์ที่สูงหรือรู้สึกเทอะทะเล็กน้อยเมื่อวิ่งบนมอเตอร์เวย์มากกว่ารถยนต์ SUV รุ่นเบนซินที่มีความเบามากกว่า เช่น Volkswagen Tiguan แต่ก็ไม่ได้มากเท่า Mach-E

FORD MUSTANG MACH-E

        นั่นไม่ได้หมายความว่าระบบช่วงล่างแบบปรับไม่ได้ของ Mach-E จะเฟิร์มจนเกินไป มันตอบสนองต่อการเร่งของคุณได้ดีและว่องไวเท่ากับ ID.4 แต่การตอบสนองหลังจากนี้จะทำให้คุณประหลาดใจ มันทั้งส่ายและสะเทือน ช่วงล่างจะดึงให้ตัวรถยนต์กลับสู่ปกติราวกับเจ้านายขี้บ่นและลูกน้องที่ดื้อด้าน ดังนั้น Mach-E พาคุณกระเด้งกระดอนไปรอบเมือง และแทบจะไม่คงที่เมื่อวิ่งบนมอเตอร์เวย์และขอพูดตามตรง มันค่อนข้างน่ารำคาญ

        การตั้งค่าไม่ได้ช่วยเปลี่ยนความรู้สึกในการขับขี่ มันทำงานได้น่าพอใจเมื่อวิ่งด้วยความเร็วต่ำและแน่นอนว่า Mach-E จะพุ่งไปด้านข้างเมื่อคุณเร่งความเร็วขณะเลี้ยว แต่แบบนี้จะช่วยให้ขับขี่สนุกจริงหรือ? ไม่เลย เมื่อมันพุ่งตัวเหมือนตัวตุ่นที่กำลังโมโหขณะเลี้ยว คุณจะรู้สึกสูญเสียการควบคุมเล็กน้อยเมื่อบังคับรถยนต์ด้วยพวงมาลัยที่ไม่หนักและไม่แม่นยำ

VOLKSWAGEN ID.4

‘หากคุณชอบรถยนต์ที่มีความลื่นไหลดุจคุณจรดปากกาเขียนตัวเขียนบนกระดาษ คุณจะประทับใจ ID.4 ในมิติต่าง ๆ มากกว่า’

        นี่ไม่ได้หมายความว่า ID.4 จะขับสนุกกว่ากันมาก แต่พวงมาลัยที่ช้าและมีน้ำหนักเหมาะสมกว่าช่วยให้คุณควบคุมการเลี้ยวและเกาะถนนได้ดีกว่า มันมีน้ำหนักมากกว่าในการเลี้ยวแต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงในการควบคุมพวงมาลัยมากนักโดยเฉพาะในการจอด และ ID.4 มาพร้อมวงเลี้ยวที่แคบกว่าอีกด้วย มันยังมาพร้อมแรงยึดเกาะถนนที่มากกว่าและความสามารถในการควบคุมตัวรถที่ดีกว่า ID.4 จึงเป็นรถยนต์ที่สุขุมและเชื่อฟังคุณได้ดีกว่า

        สำหรับการควบคุมด้านอื่น ๆ ของ Mach-E ก็ไม่ต่างกัน มันมักจะพุ่งออกจากการขับขี่ปกติหากคุณประหม่าในการควบคุมรถยนต์และยังไม่คุ้นชินกับระบบเบรก เพราะรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมโหมดควบคุมด้วยแป้นเดียว นั่นหมายความว่าคุณเพียงเหยียบและยกเท้าเพื่อเร่งหรือหยุดด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว

VOLKSWAGEN ID.4

        ระบบเบรกของ ID.4 อาจจะยังไม่ล้ำหน้าไปขนาดนั้น แต่มันสามารถเลียนแบบความละเอียดของเบรกรถยนต์น้ำมันทั่วไปได้ แรงของเบรกยังคงคาดการณ์ได้ยากเมื่อคุณเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งคำถามกับระบบการจอดแบบอัลติเมทของมัน รถยนต์ทั้งสองรุ่นสามารถหยุดที่ความเร็ว 100 กม./ชม. โดยใช้ระยะทาง 45 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไม่เลวทีเดียว

        ในการวิ่งบนมอเตอร์เวย์ ทั้งคู่เคลื่อนที่ด้วยความเงียบ คุณจะได้ยินเสียงลมผ่านทางกระจก Mach-E มีเสียงรบกวนจากถนนเบากว่าเล็กน้อย แต่มันกลับมีเสียงรบกวนจากช่วงล่างมากกว่า


หลังพวงมาลัย

ตำแหน่งคนขับ, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต

        คันไหนจะมาพร้อมตำแหน่งคนขับที่ดีกว่า หากเราพูดถึงความสบายของเบาะนั่งและตำแหน่งของแป้นเหยียบและพวงมาลัย เราต้องขอยกให้ ID.4 ซึ่งมาพร้อมเบาะนั่งที่รองรับสรีระของคุณมากกว่า โดยเฉพาะตอนเลี้ยว อีกทั้งยังมีล้อหมุนสำหรับปรับองศาของพนักพิง ของ Mach-E จะเป็นแบบก้าน รถยนต์ทั้งสองรุ่นไม่มีส่วนซัพพอร์ทหลังส่วนล่าง แต่เราก็ไม่พบอาการปวดหลังขณะขับขี่

        พวงมาลัยของ ID.4 ถูกติดตั้งห่างออกมาจากแผงหน้าจอแสดงผลกว่าของ Mach-E และส่วนแสดงผลยังเคลื่อนที่ตามพวงมาลัยอีกด้วย นั่นหมายความว่าคุณจะมองเห็นค่าต่าง ๆ ตลอดเวลาอย่างง่ายดาย ต่างจาก Mach-E ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แท่นวางแขนขนาดใหญ่ตรงกลางของ Mach-E ช่วยให้คุณนั่งสบายกว่าที่วางแขนแบบแยกของ ID.4 

FORD MUSTANG MACH-E

1 ฟีเจอร์ต่าง ๆ ถูกควบคุมด้วยระบบสัมผัส และปุ่มควบคุมแบบกดบนพวงมาลัยที่ใช้งานง่าย

2 มุมของหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลอาจถูกพวงมาลัยบดบัง แต่คุณสามารถอ่านข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

3 มีส่วนประกอบของพลาสติกแบบแข็ง แต่บางส่วนกลับดูไม่แข็งแรง เบาะที่หนังเป็นแบบหนังสังเคราะห์ในขณะที่เบาะของ ID.4 เป็นหนังของ Alcantara

. . ระบบสาระบันเทิง . .

หน้าจอสาระบันเทิงมีขนาดใหญ่อยู่ในตำแหน่งที่คุณสามารถเอื้อมถึงได้อย่างง่ายดาย และเราชอบดีไซน์หน้าจอปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่ใช้งานง่ายขณะขับขี่ เช่น ไอคอนขนาดใหญ่ เมนูมีความเรียบง่าย และซอฟต์แวร์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่า Apple CarPlay จะหลุดระหว่างการใช้งานครั้งหนึ่ง เครื่องเสียงชัดเจนแต่เบสอาจจะเสียงเบาไปเช่นเดียวกับ ID.4 คุณสามารถเสริมแพ็กเกจพรีเมี่ยมในรถยนต์ทั้งสองแบรนด์ (ในรุ่นนี้)

        เมื่อพูดถึงการใช้งานจริง Mach-E ตอบโจทย์กว่า มันมาพร้อมปุ่มกดบนพวงมาลัยที่ใช้งานง่ายกว่า ID.4 เราก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม Volkswagen เลือกที่จะใช้งานปุ่มกดแบบนั้นซึ่งเราเห็นว่าใช้งานยากและทำให้เสียสมาธิในการขับขี่

        รวมถึงทำไมแบรนด์ถึงเลือกที่จะใช้ touch-sensitive แทนปุ่มหมุนธรรมดาในการควบคุมระบบปรับอากาศ ซึ่งผู้ขับขี่จะต้องละสายตาจากถนนเพื่อใช้งานผนวกกับการตอบสนองช้าและยังมองเห็นได้ยากตอนกลางคืนอีกด้วย

        ระบบปรับอากาศของ Mach-E ถูกใส่ไว้ในหน้าจอระบบสัมผัส คุณจะต้องละสายตาจากถนนเพื่อมองหามัน แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีขนาดใหญ่และชัดเจนในความมืดมากกว่า

VOLKSWAGEN ID.4

พวงมาลัยสามารถปรับได้มากกว่าและช่องของหน้าจอแสดงผลเคลื่อนที่ไปพร้อมกับมัน ทำให้คุณสามารถมองเห็นหน้าจอตลอดเวลา

2 ปุ่มกดแบบ touch-sensitive บนพวงมาลัยใช้งานและควบคุมง่ายแม้ไม่ตั้งใจและระบบควบคุมอุณหภูมิมองไม่เห็นได้ยากในตอนกลางคืน

3 รถยนต์ทั้งสองคันไม่มีระบบซัพพอร์ทหลังส่วนล่างซึ่งเราไม่พบปัญหาปวดหลังเลย แต่เบาะนั่งของ ID.4 มีส่วนรองรับด้านข้างที่ดีกว่า

. . ระบบสาระบันเทิง . .

หน้าจอของ ID.4 อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แต่มีขนาดเล็กกว่าของ Mach-E ข้อจำกัดขนาดใหญ่ที่เราเจอคือระบบซอฟตแวร์ เริ่มที่เมนูดูซับซ้อนใช้งานยาก มันตอบสนองช้าเมื่อคุณป้อนคำสั่ง ไอคอนมีขนาดเล็กกว่าของ Mach-E และไม่มีปุ่มควบคุมแบบกดหรือหมุน แม้แต่ปุ่มปรับเสียง

        Mach-E มาพร้อมทัศนวิสัยที่ดีมองเห็นชัด ID.4 มาพร้อมขอบด้านหน้าและด้านหลังที่หนาแถมอยู่ในตำแหน่งที่บดบังทัศนวิสัยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รถยนต์ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเซนเซอร์ช่วยจอด อีกทั้งยังมีกล้องหลังและไฟหน้าแบบ LED อีกด้วย

        คุณภาพการผลิตของทั้งสองสูสีกันมากที่สุด แต่ ID.4 ทำผลงานได้ดีกว่ามันถูกแต่งด้วยวัสดุแวววาวสีดำและเงิน รวมถึงวัสดุที่มีสัมผัสนุ่ม แต่ Mach-E กลับมีคุณภาพการประกอบที่น่าผิดหวัง เช่น ขอบประตูใช้วัสดุที่ดูไม่แข็งแรง และเบาะนั่งหนังสังเคราะห์


พื้นที่และความอเนกประสงค์

พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นของเบาะนั่ง, พื้นที่ท้ายรถ

        พื้นที่ด้านหน้าของทั้งสองรุ่นกว้างขวางเพียงพอ ผู้โดยสารสูง 180 ซม.สามารถนั่งเหยียดได้อย่างสบาย Mach-E มีพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า ID.4 ที่ดูค่อนข้างแน่น

        ทั้งคู่มาพร้อมพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์มากมายระหว่างเบาะนั่งด้านหน้ากล่องเก็บของข้างประตูของ Mach-E ตื้นแต่ใหญ่กว่าของ ID.4ที่มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของคู่แข่ง

FORD MUSTANG MACH-E

        ณ ห้องโดยสารด้านหลังของเจ้า รถยนต์สุดร้อนแรงทั้งสองสามารถจุผู้โดยสารได้ 2 คน Mach-E มีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือพอเหมาะพอดี แม้ว่าผู้โดยสารตัวสูงอาจชนเพดานได้เมื่อเอนเบาะลง ID.4 มาพร้อมพื้นที่เหนือศีรษะที่มากกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์หากคุณจำเป็นต้องนั่งตรงกลางและต้องการบรรทุกผู้โดยสาร 3 คน อาจพบว่าทั้งสามต้องนั่งเบียดกันสักหน่อย แต่ทั้งสองรุ่นมีพื้นแบบเรียบจึงมีพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ

VOLKSWAGEN ID.4

        Mach-E มีพื้นที่เก็บสัมภาระทั้งด้านหน้าด้านหลัง แต่ ID.4 มีแค่ด้านหลังเท่านั้นซึ่งมันก็ใหญ่จนสามารถกลืนกระเป๋าเดินทางแบบ carry-on ได้ถึง 9 ใบใต้ชั้นกั้น Mach-E จุได้ 7 ใบเท่านั้น และคุณยังสามารถปรับความสูงของพื้นท้ายรถเพื่อให้ขอบท้ายรถต่ำลงได้อีกด้วย นอกจากนั้นคุณยังสามารถพับเบาะด้านหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนย้ายสิ่งของ Mach-E สามารถพับเบาะลงให้พื้นเรียบเสมอกันได้แต่ ID.4 จะมีการต่างระดับเล็กน้อยคุณสามารถเก็บสายต่าง ๆ ไว้ที่ใต้พื้นของ ID.4 แต่สำหรับ Mach-E คุณจะต้องเก็บสายเหล่านั้นไว้ที่พื้นที่เก็บของด้านหน้า


การซื้อและการเป็นเจ้าของ

ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย

        ในตอนนี้คุณอาจจะยังไม่ได้รับส่วนลดและทั้งคู่ไม่ได้รับเงินช่วยจากรัฐบาล ดังนั้นหากคุณซื้อด้วยเงินสดราคาของรถยนต์ทั้งสองแทบจะไม่ต่างกันตลอดสามปี หากคุณซื้อด้วยระบบผ่อนแบบ PCP Mach-E จะมีราคาต่ำกว่าประมาณ 400 บาท ดังนั้นทั้งคู่แทบจะมีราคาไม่ต่างกัน

        สำหรับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ทั้งคู่มาพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ,ระบบรักษาเลน, และระบบจดจำสัญญาณไฟจราจร



. . WHATCAR? SAY . .

หากผู้ชนะคือรถยนต์ที่น่าดึงดูดที่สุดในการทดสอบของเรา เราคงจะต้องเลือก Mach-E ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่ชัดเจน เช่น ระบบสาระบันเทิงที่ดีกว่าและสมรรถนะที่แข็งแรงกว่า ซึ่งมันสามารถแลกหมัดกับ ID.4 ในด้านคุณภาพภายใน, วัสดุอุปกรณ์, ความอเนกประสงค์ และราคา น่าเสียดายที่ Mach-E กลับมีการขับขี่ที่น่ารำคาญและความรู้สึกในการขับขี่ที่หลอกให้คุณดีใจ

เราคิดว่าการขับขี่อาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ซื้อส่วนใหญ่ และมันยังคงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันพ่ายกับ ID.4 ซึ่งมาพร้อมการขับขี่ที่เหมาะสมกับการเป็น SUV ขนาดใหญ่มากกว่า รวมถึงการมีท้ายรถขนาดใหญ่และระยะวิ่งที่มากกว่าระหว่างการชาร์จ ซึ่งสิ่งที่น่าผิดหวังมีเพียงระบบสาระบันเทิงและการใช้งานบางจุดเท่านั้น


ข้อดี ระยะการขับขี่ดี, ขับขี่สบาย, พื้นที่ท้ายรถกว้างขวาง, ราคาและต้นทุนการใช้งานถูกกว่า, อุปกรณ์เพียบพร้อม

ข้อเสีย ระบบสาระบันเทิงแย่, แผงควบคุมแย่, ทัศนวิสัยด้านหน้าเฉย ๆ , ช้าเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน

ออปชั่นเสริมที่แนะนำ สายชาร์จแบบสามหัว (180 ปอนด์ ราว 9,000 บาท)

ข้อดี เร็วกว่า, ระบบสาระบันเทิงทำงานได้ดี, พื้นที่วางขามาก, อุปกรณ์ครบครัน, ราคาและต้นทุนในการใช้งานต่ำ

ข้อเสีย การขับขี่ไม่นิ่ง, พื้นที่เหนือศีรษะน้อยกว่า, จุกระเป๋าเดินทางได้น้อยกว่า

ออปชั่นเสริมที่แนะนำ สายชาร์จ Type 2 (168 ปอนด์ ราว 8,400 บาท)

Exit mobile version