Don’t look a thrift horse in the mouth
ด้วยอัตราประหยัดเชื้อเพลิงและค่าการปล่อย CO2 ที่เป็นที่ยอมรับ RAV4 ไฮบริดรุ่นใหม่ของ Toyota จะเป็นหนึ่งใน SUV ขนาดใหญ่ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณควรจะเลือกมันแทนคู่แข่งราคาประหยัดจาก Honda และ Mazda หรือไม่?
NEW Honda CR-V
2.0 i-MMD Hybrid 2WD SR
ราคาปกติ 33,445 ปอนด์
(ราว 1,672,250 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 32,966 ปอนด์
(ราว 1,648,300 บาท)
ไม่มีจำหน่ายในไทย
Mazda CX-5
Skyactiv-D 150 2WD Sport Nav+
ราคาปกติ 29,895 ปอนด์
(ราว 1,494,750 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 28,413 ปอนด์
(ราว 1,420,650 บาท)
ราคาจำหน่ายในไทย 1,560,000 บาท
NEW Toyota RAV4
2.5 Hybrid 2WD Excel
ราคาปกติ 33,610 ปอนด์
(ราว 1,68,500 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 33,610 ปอนด์
(ราว 1,68,500 บาท)
ไม่มีจำหน่ายในไทย
หากคุณกำลังอ่านเรื่องนี้อยู่และรู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์เกิดไปแล้ว ไม่ต้องกังวล เพราะเราเพิ่งจับ Honda CR-V รุ่นใหม่กับ Mazda CX-5 มาทดสอบเมื่อไม่นานมานี้ ในการแข่งขันครั้งนั้น CX-5 ชนะไปอย่างสบายๆ
แล้วทำไมต้องเอากลับมาแข่งใหม่อีกครั้งล่ะ? เพราะคราวนี้ CR-V ปรากฏตัวในรูปแบบไฮบริด มันเร็วขึ้นและประหยัดกว่ารุ่นเบนซินที่เราเคยทดสอบก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน CX-5 ก็มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม มันไม่มีเครื่องยนต์ไฮบริด เราจึงเลือกเครื่องยนต์ที่ประหยัดที่สุดนั่นก็คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 148 แรงม้า
แต่มันมีเหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นที่รถทั้งสองรุ่นถูกเรียกตัวกลับมาอีกครั้งนั่นก็คือ Toyota RAV4 รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งมีให้เฉพาะรูปแบบไฮบริดที่ขึ้นชื่อด้านการปล่อย CO2 น้อยกว่าคู่แข่งขันอย่างมาก และน่าจะพาคุณไปได้ไกลกว่าต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน คำถามคือ SUV ญี่ปุ่นที่กินเชื้อเพลิงเหล่านี้ คันไหนน่าซื้อที่สุด?
การขับขี่
สมรรถนะ, การขับขี่, เสถียรภาพ, รายละเอียด
เริ่มต้นที่รถไฮบริดทั้งสองคันก่อน พวกมันเป็นรถแบบที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กและชาร์จไฟ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นข่าวดีในด้านความสะดวก แต่นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ แม้จะเลือกโหมด EV คุณยังโชคดีที่มันวิ่งได้กว่า 2-300 เมตร ก่อนที่เครื่องยนต์เบนซินจะเริ่มเข้ามามีบทบาท
เมื่อสลับไปที่โหมดขับขี่ปกติ รถจะตัดสินใจด้วยตนเองว่าเวลาไหนดีที่สุดที่จะสลับใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งโดยทั่วไปมันหมายถึงการใช้พลังงานแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวในการจราจรที่ติดขัดและการใช้พลังงานทั้งสองแหล่งที่ความเร็วสูงขึ้น แน่นอนว่าจุดสำคัญของเทคโนโลยีไฮบริดคือการปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงซึ่งจะเกิดขึ้นในรถทั้งสองรุ่น (เราจะกล่าวถึงในภายหลัง) แต่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินที่ทำงานสอดคล้องกัน การเร่งเครื่องจึงไม่แย่เลย
HONDA CR-V
ในที่สุด CR-V ก็สามารถพาคุณไปถึงที่หมายได้เร็วกว่า RAV4 เล็กน้อย แม้ว่ารถอีกสองรุ่นจะช้ากว่าเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะประเภทของเกียร์อัตโนมัติที่พวกมันมี กดเท้าของคุณลงแล้วเครื่องยนต์เบนซินก็จะเร่งการทำงานทันทีราวกับว่าคุณกำลังติดอยู่ในเกียร์แรก รถจะยังคงรักษาความเร็วและความเร่งจะเริ่มลดลงเมื่อคุณยกเท้าขวาออก
มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายโดยเฉพาะใน RAV4 เพราะเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรดูสั่นสะเทือนที่ใต้ฝ่าเท้าของคุณ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรของ CR-V นั้นได้รับการปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คุณจะได้ยินเสียงมันเร่งเครื่องโดยเฉพาะในทางโค้ง ทว่ามันอาจจะเป็นเพียงเสียงใครบางคนกำลังเล็มหญ้าในสวนใกล้ๆ มันจึงแทบไม่เป็นปัญหา
CX-5 เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ดีเซลที่นุ่มนวลที่สุดแต่มันก็ยังเป็นรถที่วิ่งได้แย่ที่สุดที่ความเร็วต่ำเมื่อเทียบกับไฮบริดอีกสองคัน เกียร์ธรรมดา 6 สปีดที่เป็นมาตรฐานทำให้การวิ่งฝืดขึ้นอีกเล็กน้อย และแม้ว่าระบบ Stop-Start จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็วเมื่อคุณหยุดรถ คุณต้องเหยียบคลัทช์จนสุดเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานอีกครั้ง มันมีเกียร์อัตโนมัติเป็นออปชั่นเสริมมาล่อเงินในกระเป๋า แต่มันทำให้ CX-5 เสียเปรียบไฮบริดในด้านการปล่อย CO2
MAZDA CX-5
เมื่อออกสู่ถนนโล่ง เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตรเสียงเงียบดี CX-5 นั้นเงียบกว่ารถไฮบริดมากในขณะที่คุณกำลังเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะช่วยขับเคลื่อนรถ มันจึงสร้างความเร็วได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นหากจะแซง คนขับจะต้องมีการวางแผนมากขึ้นแต่การวิ่งของมันก็ไม่ได้เชื่องช้า
รถทั้งสามรุ่นมีเสียงยางบนทางด่วนที่ชัดเจน มันยังดังกว่า SUV ขนาดใหญ่ที่ดีที่สุดอีกด้วย แม้ว่า RAV4 จะแย่ที่สุดในแง่นี้ ขณะเดียวกัน CX-5 นั้นแย่ที่สุดในเรื่องเสียงลม ดังนั้น CR-V จึงเป็นรถที่มีเสียงรบกวนเบาที่สุด
คำตอบที่ชัดเจนปรากฏขึ้นเมื่อพูดถึงการขับที่สะดวกสบาย CX-5 นั้นมั่นคงที่สุด ส่วน CR-V นั้นน่าประทับใจที่สุด วิธีที่ CX-5 พาคุณวิ่งไปไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าไหร่จะดูน่าเบื่อในไม่ช้า หากคุณชอบความนุ่มสบาย มันเป็นรถที่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุด ขณะเดียวกันแม้ว่า CR-V จะไม่ใช่ Limousine สุดหรูแต่คุณจะไม่ถูกรบกวนจากการขับขี่บนขรุขระและยังวิ่งไปตามถนนได้เร็วกว่า
TOYOTA RAV4
RAV4 อยู่กึ่งกลางระหว่างอีกสองรุ่น แน่นอนว่ามันขับบนทางด่วนได้นุ่มนวลกว่า CX-5 แต่ในเมืองมันค่อนข้างจะสั่นคลอน หลุมและพื้นผิวถนนที่แตกหักมักจะส่งผ่านการสั่นสะเทือนไปทั่วตัวรถ มันน่าผิดหวังเนื่องจาก RAV4 นั้นดูน่าประทับใจที่สุด มันมีการยึดเกาะและให้ความรู้สึกมั่นคงน้อยที่สุดระหว่างการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
อย่างน้อย CX-5 ก็ให้รางวัลคุณด้วยการขับที่สนุกตามมาตรฐาน SUV ขนาดใหญ่ มันวิ่งบนทางโค้งได้อย่างมั่นคงจนน่าประหลาดใจและให้ความรู้สึกเบากว่าคู่แข่งที่เป็นไฮบริด (มันคือเรื่องจริง) มันมีการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำที่สุดจากทั้งสามคัน ในขณะเดียวกัน CR-V นั้นทั้งมั่นคง, เสถียร และมีการยึดเกาะที่ดี มันอาจจะส่ายไปมามากกว่า CX-5 แต่การบังคับเลี้ยวของมันนั้นมีน้ำหนักมากกว่า RAV4 ในทุกระดับความเร็ว
หลังพวงมาลัย
ตำแหน่งการขับขี่, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต
CX-5 และ RAV4 มีเบาะคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่นจดจำตำแหน่ง มันไม่เพียงสร้างความสะดวกสบายตั้งแต่เริ่มต้น แต่ยังช่วยให้คุณจำการตั้งค่าที่นั่งที่คุณเลือกได้ทันทีหลังจากที่คนอื่นมาขับ
ใน CR-V คุณต้องตั้งค่าทุกอย่างด้วยตัวเองแม้ว่ารถทั้งสามคันจะมีตัวดันหลังแบบปรับได้เป็นมาตรฐานเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังส่วนล่างในการเดินทางที่ยาวนาน เบาะของ CX-5 ช่วยยึดคุณไว้กับที่นั่งได้อย่างปลอดภัยที่สุดเมื่อผ่านโค้ง ขณะที่เบาะของ CR-V รองรับแผ่นหลังส่วนบนของคุณมากที่สุด แม้ว่าฐานของมันจะทำให้คุณล้าหลังจากผ่านไปราว 1 ชม.
HONDA CR-V
1 วัสดุดูทนทานและเข้ากัน แต่ลายไม้วีเนียร์ปลอมและพลาสติกแข็งนั้นไม่ได้หรูหรามากนัก
2 ตำแหน่งการขับเหมาะสม แต่ปุ่มบนพวงมาลัยไม่ค่อยดีนักและการใช้งานของสวิตช์ทำให้มันดูแย่ลง
3 เบาะคนขับไม่ได้ปรับไฟฟ้าทั้งหมด แต่คุณยังมีดันหลังที่ปรับได้เป็นมาตรฐาน
ทั้งสามคันมาพร้อมกับเซ็นเซอร์จอดด้านหลังและกล้องมองหลังเพื่อช่วยคุณในบริเวณที่แคบ CR-V และ RAV4 นั้นมองเห็นภายนอกได้ง่ายกว่าใน CX-5 เล็กน้อย เนื่องจากพวกมันมีเสาหน้าที่บางกว่า และมีหน้าต่างด้านหลังที่ใหญ่กว่า รถทุกคันมีไฟหน้า LED ที่ทรงพลังเพื่อช่วยให้คุณมองเห็นได้ดีกว่าในเวลากลางคืน
CX-5 และ RAV4 มีการจัดวางแดชบอร์ดที่เหมาะสม ปุ่มและสวิตช์บนพวงมาลัยก็ชัดเจน แต่ไม่เป็นเช่นนั้นใน CR-V ปุ่มควบคุมของระบบ Trip Computer และ Adaptive Cruise Control นั้นไม่ได้ใช้งานง่ายเลย เราพนันได้ว่าหากคุณไม่ดูคู่มือ คุณจะไม่มีทางใช้มันได้
MAZDA CX-5
1 ทุกอย่างดูหรูหรากว่าคู่แข่ง เนื่องจากมีพลาสติกซอฟท์ทัชจำนวนมากและคุณภาพการผลิตที่ยอดเยี่ยม
2 หน้าปัดอนาล็อกสว่างและชัดเจน ข้อมูลบางอย่างเช่นความเร็วสามารถฉายขึ้นบนกระจกหน้าได้
3 เบาะหน้าของ CX-5 ช่วยยึดคุณให้อยู่บนจุดที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อผ่านโค้ง มันเป็นรถคันเดียวที่เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า
สำหรับคุณภาพการตกแต่งภายใน CR-V รุ่นล่าสุดนั้นคือก้าวที่ยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แดชบอร์ดและอุปกรณ์ที่ติดตั้งทั้งหมดให้ความรู้สึกมั่นคงและมีวัสดุซอฟท์ทัชมากมาย น่าเศร้าที่ไม้วีเนียร์ปลอมและแถบพลาสติกประกายเงางามทำให้มันดูมีค่าลดลงเล็กน้อย
มีพลาสติกแข็งบางส่วนใน RAV4 เช่นกัน แต่แดชบอร์ดของมันดูมีราคาแพงกว่าด้วยปุ่มและหน้าปัดที่ดูมีคุณภาพสูง ยังไม่มีไฮบริดคันไหนเทียบ CX-5 ได้ คุณภาพการตกแต่งภายในของ Mazda ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และนอกจากความพรีเมี่ยมของพวกมันแล้ว สิ่งอื่นๆ ในคลาสนี้ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก
TOYOTA RAV4
1 RAV4 มีวัสดุคุณภาพสูงมากมาย แต่บางชิ้นก็ดูบอบบาง เครื่องปรับอากาศที่เป็นปุ่มปรับที่ใช่งานง่าย
2 ช่องวางแก้วด้านหน้าอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกและช่องเก็บของตรงประตูก็มีขนาดใหญ่พอที่จะใส่ขวดน้ำได้
3 การมองเห็นรอบด้านดี คุณจะพบเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลังและกล้องมองหลัง
โพลสำรวจความพอใจ
ผู้อ่าน Whatcar.com และผู้ติดตาม Twitter ของเราถูกขอให้ลงคะแนนว่ารถคันไหนในการทดสอบนี้น่าพึงพอใจที่สุด…
n Honda CR-V
n Mazda CX-5
n Toyota RAV4
อุปกรณ์อเนกประสงค์
ติดตั้งเป็นมาตรฐาน ไม่มีติดตั้ง
Honda CR-V | Mazda CX-5 | Toyota RAV4 | |
ประตูหลังระบบไฟฟ้า | |||
เบาะหลังปรับเอนได้ | |||
เบาะหลังปรับเลื่อนได้ | |||
เบาะหลังพับแยก | 60/40 | 60/20/40 | 60/40 |
คันโยกลดเบาะหลัง |
พื้นที่และการใช้งานได้จริง
พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นในการปรับเบาะ, ห้องเก็บสัมภาระ
ทั้งสามคันคือรถขนาดใหญ่ที่ทำให้สัดส่วนของ Nissan Qashqai และ Seat Ateca ดูเล็กลงไป ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกคันไหน คุณจะไม่ถูกหลอก จากเสียงบ่นของผู้โดยสารที่นั่งไม่สบายหรือพบว่าตัวเองกำลังสาปส่งขนาดของห้องเก็บสัมภาระ
HONDA CR-V
อย่างไรก็ตาม พวกมันมีความแตกต่างที่น่าทึ่งโดยเฉพาะเมื่อพูดถึงพื้นที่วางเท้าด้านหลัง คู่รักสูง 6 ฟุตจะพอดีกับด้านหลังของ CX-5 ช่องว่างระหว่างหัวเข่าและที่นั่งด้านหน้าอาจไม่มากนัก RAV4 นั้นค่อนข้างกว้างในเรื่องนี้มากกว่า แต่ CR-V ที่เหมือน Limousine นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้โดยสารที่ตัวสูง
CR-V นั้นดีที่สุดในการบรรทุกคนตัวใหญ่ 3 คนที่ด้านหลัง แม้ว่าที่นั่งตรงกลางจะดูไม่สะดวกสบาย พื้นที่ช่วงไหล่ที่ค่อนข้างแคบทำให้ CX-5 เป็นตัวเลือกที่น่าพอใจน้อยที่สุดเมื่อคุณโดยสารคนสามคนไว้ด้านหลัง รถทั้งสามคันมีจุดยึดที่นั่งเด็ก Isofix 2 จุด หนึ่งจุดที่แต่ละข้างของเบาะหลัง
MAZDA CX-5
คุณไม่สามารถเลื่อนที่นั่งด้านหลังไปมาได้ในรถทั้งสามคันของเราเหมือนที่คุณทำใน SUV ขนาดใหญ่อย่าง Citroën C5 Aircross อย่างไรก็ตามเบาะด้านหลังทุกที่สามารถปรับเอนนอนเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความผ่อนคลายยิ่งขึ้น
อย่างที่คุณคาดหวังไว้ รถทั้งสามคันมีเบาะหลังซึ่งสามารถพับลงได้เมื่อคุณต้องการพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระเพิ่ม ที่นั่งแยกได้ 60/40 ใน CR-V และ RAV4 ขณะที่ CX-5 มีการจัดเรียงแบบ 40/20/40 ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อพับลง เบาะด้านหลังจะแบนราบใน CX-5 และ CR-V ขณะที่คุณจะเหลือพื้นที่ลาดเอียงเล็กน้อยใน RAV4
TOYOTA RAV4
เมื่อดันเบาะหลังขึ้น RAV4 มีห้องเก็บสัมภาระที่ใหญ่ที่สุดและสามารถจุกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่ได้ถึง 10 ใบ ห้องเก็บสัมภาระของ CR-V นั้นไม่ได้ยาวนักแต่จะสูงกว่าเล็กน้อย ขณะที่ CX-5 สามารถจุได้เพียง 8 ใบเท่านั้น
การซื้อและการเป็นเจ้าของ
ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย
เมื่อพูดถึงว่ารถคันไหนจะช่วยให้คุณเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการซื้อและเป็นเจ้าของ สิ่งต่างๆ ก็เริ่มซับซ้อนมากขึ้น คุณไม่ต้องสงสัยเลยที่ได้เห็นราคาแนะนำที่น่าดึงดูดของ CX-5 และหลังจากได้รับส่วนลด มันจะกลายเป็นรถที่ราคาถูกที่สุดในทั้งสามคัน อย่างไรก็ตามนั่นจะเป็นเรื่องสำคัญก็ต่อเมื่อคุณซื้อเงินสด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อน้อยคนจะทำ และแม้ว่าคุณจะทำเช่นนั้น การเสื่อมราคาที่ค่อนข้างมากของ CX-5 บอกได้ว่าหากคุณซื้อรถตอนนี้และขายออกไปหลังจาก 3 ปี มันจะเสื่อมมูลค่ามากกว่าคู่แข่งไฮบริดพอสมควรเลย
หากคุณวางแผนซื้อเงินผ่อน CX-5 จะเป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดอีกครั้ง รถไฮบริดจะมีความน่าสนใจมากกว่าในฐานะรถบริษัท ด้วยค่าการปล่อย CO2 เพียง 105 กรัม/กม. RAV4 จึงมีค่าภาษี Benefit-in-kind ต่ำที่สุด
CR-V ยังคงมีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลทั่วไป คุณจะต้องเสียภาษี BIK 15,500 บาทต่อเดือน ทว่ากับ CX-5 นั้นคุณต้องเสียต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 16,300 บาท เพราะดีเซลจะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่า
แทบไม่มีความแตกต่างในทั้งสามคันเมื่อพูดถึงการประหยัดเชื้อเพลิงในการขับขี่จริง ในการทดสอบของเรา CR-V ทำได้เฉลี่ย 15.3 กม./ลิตร, RAV4 14.9 กม./ลิตร และ CX-5 14.5 กม./ลิตร ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าไฮบริดประหยัดกว่าดีเซล ทั้งนี้ ไฮบริดนั้นประหยัดสำหรับการขับในเมือง แต่ CX-5 ประหยัดกว่าบนทางด่วน
รถทั้งสามคันนั้นมีอุปกรณ์ที่ครบครัน พวกมันมาพร้อมกับระบบปรับอากาศ, เบาะหนัง (เบาะหน้าทำความร้อน), ระบบเปิดประตูโดยไม่ใช้กุญแจ, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, ระบบเบรกฉุกเฉินในเมือง, ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบช่วยให้อยู่ในเลน และระบบจดจำสัญญาณไฟจราจร CX-5 และ RAV4 ก้าวไปอีกขั้นด้วยฟังก์ชั่นอุ่นพวงมาลัย
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ Euro NCAP ไม่ได้ทำการทดสอบ RAV4 ในเวลาที่เราทดสอบ แต่พวกเขาได้รับเครื่องหมายที่ดีสำหรับการป้องกันการชนในทั้ง CR-V และ CX-5 ซึ่ง CX-5 นั้นดีกว่าเล็กน้อยในการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะการป้องกันที่เหนือกว่าสำหรับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ในขณะที่ CR-V ได้คะแนนสูงกว่าสำหรับการปกป้องเด็กจากอันตราย
Toyota เป็นแบรนด์ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดเป็นอันดับสามใน 2018 What Car? Reliability Survey ตามหลังแค่เฉพาะ Suzuki และ Lexus ตามประวัติ Honda มีชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือที่ดีเช่นกัน ทว่าได้อันดับที่ 15 (จากผู้ผลิต 31 ราย) ในการสำรวจเดียวกัน Mazda ได้อันดับที่น่าประทับใจกว่าเล็กน้อยคือ 12
. . WHATCAR? SAY . .
ที่สุดแล้วนั้น SUV ไฮบริดที่เหมาะสมจะไม่ทำให้โลกร้อน CR-V เป็นตัวเลือกที่ตรงใจผู้ที่ต้องการรถที่สะดวกสบายกว้างขวาง ปลอดภัย และมีอุปกรณ์ครบครันที่ทั้งประหยัดและไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพลังดีเซล ในความเป็นจริงหาก CR-V ไม่มีระบบสื่อสาระบันเทิงที่แย่นัก มันน่าจะได้คะแนน 5 ดาว
แต่ CX-5 ได้พิสูจน์แล้วว่าดีเซลนำลิ่ว มันเป็นรถที่ประหยัดที่สุดหากคุณใช้ทางด่วนเป็นประจำและการจ่ายเงินสำหรับเครื่องยนต์แทนที่จะเป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยอธิบายว่าทำไมมันเป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดสำหรับผู้ซื้อเงินสดและใครก็ตามที่ผ่อนแบบ PCP
ในการขับขี่ RAV4 นั้นดูไม่มีอะไรโดดเด่น นอกจากนี้มันยังเสียงดังที่สุดและมีระบบสื่อสาระบันเทิงที่เลวร้ายที่สุด ทว่าปัจจัยในต้นทุนที่ต่ำโดยเฉพาะสำหรับผู้ขับรถบริษัท รวมถึงอุปกรณ์ที่น่าประทับใจ และสถิติความน่าเชื่อถือที่เป็นตัวชูโรงของ Toyota ทำให้โดยรวมแล้วมันตามหลัง CX-5 อยู่ไม่ไกลนัก
ข้อดี การขับสะดวกสบายที่สุด, เงียบที่ความเร็วต่ำ, พื้นที่เบาะหลังมากที่สุด, วิสัยทัศน์ดี, ประหยัดที่สุดในการขับขี่จริง
ข้อเสีย ค่าผ่อน PCP สูง, ระบบสาระบันเทิงแย่, ระบบควบคุมบางตัวน่าสับสน
อุปกรณ์เสริมแนะนำ สีเมทัลลิก
ข้อดี ค่าผ่อน PCP ถูกที่สุด, การตกแต่งภายในอัจฉริยะที่สุด, ระบบสื่อสาระบันเทิงดีที่สุด, ขับสนุกที่สุด, อุปกรณ์ช่วยเหลือมากมาย
ข้อเสีย พวงมาลัยแข็ง, พื้นที่ด้านหลังน้อยที่สุด, เสื่อมราคามากที่สุด
อุปกรณ์เสริมแนะนำ สีเมทัลลิค
ข้อดี รถบริษัทถูกที่สุด, ความน่าเชื่อถือของ Toyota ยอดเยี่ยม, อุปกรณ์ช่วยเหลือมากมาย, ห้องเก็บสัมภาระใหญ่ที่สุด
ข้อเสีย ระบบสาระบันเทิงแย่ที่สุด, การควบคุมแย่, เครื่องยนต์เบนซินเสียงดังและธรรมดา
อุปกรณ์เสริมแนะนำ สีเมทัลลิค