จุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง
Fuji Heavy Industries (FHI) บริษัทผู้ผลิตอากาศยานได้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรกออกจำหน่ายในปี 1958 คือ Subaru 360 ที่มีชื่อเล่นว่า “Ladybird” ตามรูปร่างของรถได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วด้วยความสะดวกสบายและเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
แม้ว่า Subaru 360 จะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในขณะนั้นแต่ FHI ได้มองเห็นโอกาสในการทำตลาดรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก และพัฒนารถรุ่น Sambar ขึ้นมาในปี 1961 รถบรรทุกขนาดเล็กที่ทันสมัยรุ่นนี้สามารถขับลัดเลาะไปตามมุมถนนแคบ ๆ ได้ ทั้งยังมีโครงพื้นรถที่สูงจากพื้นดินเป็นระยะตํ่าสุดและพื้นที่กระบะบรรทุกที่กว้างขวางที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับรถบรรทุกขนาดเล็กแบบขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นอื่น ๆ ในช่วงเวลานั้น Sambar Light Van ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานทั้งในด้านอุตสาหกรรม และเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวได้รับการเปิดตัวหลังจากนั้นไม่นาน และช่วยเน้นยํ้าถึงสถานะของซูบารุในฐานะผู้ผลิตรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก
เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามยุคสมัย
ในปี 1966 FHI เปิดตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรกที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Boxer ในปัจจุบันเครื่องยนต์รุ่นนี้ยังคงเป็นหัวใจสำคัญให้กับรถยนต์ซูบารุทุกรุ่น Subaru 1000 มอบเสถียรภาพการขับขี่ควบคู่ไปกับส่วนภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบาย รวมไปถึงคุณสมบัติทางเทคนิค เช่น ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ลูกสูบนอน และระบบพวงมาลัยแบบจุดหมุนกลาง
หลังจากนั้นไม่กี่ปี ซูบารุได้เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นแรก นั่นก็คือ Leone 4WD Station Wagon เนื่องจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในสมัยนั้นจำกัดอยู่เฉพาะในรถยนต์ออฟโรด Leone จึงเหมาะกับผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับพื้นที่ที่เป็นหิมะ ภูเขา ตลอดจนผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬากลางแจ้ง ไม่นานนัก Leone 4WD Station Wagon ก็กลายเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ รุ่นขายดีติดอันดับโลกตามที่คาดไว้ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ All-Wheel Drive (AWD) ของซูบารุ
เพื่อให้เทคโนโลยีที่มีอยู่สมบูรณ์พร้อมมากยิ่งขึ้น ซูบารุจึงได้พัฒนาเกียร์แปรผันอัตราทดต่อเนื่องที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (ECVT) รุ่นแรกของโลกขึ้นในปี 1984 ระบบที่ทันสมัยนี้อาศัยสายพานโลหะแบบพิเศษและพูลเลย์คู่เพื่อช่วยให้รถยนต์สามารถเปลี่ยนระดับความเร็วได้โดยอัตโนมัติตามอัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน Subaru Justy ที่ติดตั้งระบบเกียร์ ECVT ของซูบารุก็ได้รับการเปิดตัวออกสู่ตลาด
วิศวกรรมเพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ
หลังจากสร้างชื่อเสียงด้านความปลอดภัยและระบบขับขี่ที่เป็นเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง ซูบารุเริ่มต้องการที่จะพัฒนารถยนต์ที่ขับสนุกเร้าใจควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอยมาตรฐาน Rex รุ่นแรกเปิดตัวในปี 1972 เป็นรุ่นต่อจาก Subaru R-2 ซึ่งเป็นรถซีดานขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ใน “ยุคแห่งทางหลวง” ทศวรรษปี 1970 โดย Rex ได้รับความนิยมกว้างขวางในหมู่ผู้ใช้งานทั่วไปด้วยคุณสมบัติรถคันเล็กตามแบบฉบับของซูบารุ เช่น ระบบบังคับควบคุมที่เหนือระดับเสถียรภาพการทรงตัว ความสะดวกสบายในการขับขี่ไปจนถึงการประหยัดนํ้ามัน ซึ่งรวมอยู่ในโครงสร้างตัวถังที่มีความสดใหม่และคล่องตัว
ในปี 1989 ซูบารุได้เปิดตัว Legacy ซึ่งผสานรวมเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับสมรรถนะการขับขี่ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ปัจจุบัน Legacy ยังคงความโดดเด่นเช่นเดิมในหมู่รถรุ่นที่ซูบารุออกวางจำหน่าย และได้รับรางวัลภาคอุตสาหกรรมมาแล้วมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สู่อีกรุ่นของวงการรถยนต์
ช่วงปี 1990 เป็นทศวรรษแห่งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นยอดนิยมบางรุ่นจากซูบารุ เช่น Impreza, Legacy Grand Wagon (หรือรุ่น Outback) และ Forester รุ่น Impreza เปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 ในสองรูปแบบ ได้แก่ แบบรถซีดาน 4 ประตูและแบบสปอร์ตแวกอน แม้ว่าเครื่องยนต์ระบบกันสะเทือน และระบบ AWD จะคล้ายคลึงกับในรุ่น Legacy แต่ Impreza นั้นมาพร้อมโครงสร้างตัวถังขนาดกะทัดรัดและมีความเป็นสปอร์ตมากกว่า นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เทอร์โบที่ช่วยเพิ่มสัมผัสสมรรถนะการขับขี่สูงตามแบบของสปอร์ตแวกอน จึงทำให้ Impreza แตกต่างไปจากรถสเตชันแวกอนแบรนด์อื่นๆ ในตลาด
หลังจากนั้นหนึ่งปี Legacy Grand Wagon หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ Outback ในตลาดต่างประเทศก็ได้รับการเปิดตัวในปี 1993 รถรุ่นพรีเมียมรุ่นนี้ผสานสมรรถนะเข้ากับประโยชน์ใช้งานจริงไว้ในหนึ่งเดียวจากคุณสมบัติที่มีความสมดุลลงตัวระหว่างความสามารถในการขับขี่ ประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ และพื้นที่ใช้สอยภายในรถ
ต่อมาในปี 1997 ซูบารุได้เปิดตัวรุ่น Forester เพื่อตอบสนองต่อตลาดรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง Forester รวมคุณสมบัติที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ทั้งสองด้านให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งได้แก่สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับในสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวย โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายและเสถียรภาพการทรงตัว
ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัย
โลกต้อนรับสหัสวรรษใหม่ เช่นเดียวกับซูบารุที่ยังคงพัฒนาเพื่อยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยและมาตรฐานทางอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเปิดตัว Impreza รุ่นที่สอง ซูบารุได้แนะนำโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบวงแหวน ซึ่งสามารถให้การปกป้องได้มากขึ้นในกรณีที่เกิดการชน SI-DRIVE (SUBARU Intelligent Drive) เปิดตัวในอีกไม่กี่ปีถัดมาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ ระบบที่ได้รับการติดตั้งครั้งแรกในรถยนต์รุ่น Legacy และ Outback ปี 2007 และทำงานด้วยเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ระบบนี้รองรับการทำงานที่ต่างกัน 3 โหมดที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมตามลักษณะการขับขี่
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ได้รับการเปิดตัวในเวลาต่อมาเป็นอีกส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีหลักจากซูบารุ ซูบารุเริ่มค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ตั้งแต่ปี 1989 และพัฒนาขึ้นเป็น EyeSight รุ่นเริ่มต้น ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือแรกสุดที่ใช้ควบคุมการทำงานของกล้องสเตอริโอ กล้องที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้สามารถประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกันเป็นมุมมองกว้างได้ในลักษณะเดียวกับดวงตาของคน
ตลอดสองทศวรรษต่อมา ซูบารุได้ปรับแต่งเทคโนโลยีของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มระบบควบคุมความเร็วแบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยตรวจจับคนเดินเท้าและระบบจัดการกำลังเครื่องยนต์ก่อนชน ปัจจุบัน EyeSight พัฒนาไปสู่ระบบขั้นสูงที่สามารถประมวลผลหลายล้านข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องทุกวินาที เพื่อแจ้งเตือนคุณทันทีที่พบสัญญาณของอันตรายเพราะความปลอดภัยยังคงเป็นหัวใจสำคัญตามหลักปรัชญาของแบรนด์ ซูบารุจึงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและดียิ่งขึ้น
การออกแบบเพื่ออนาคต
ซูบารุเผยโฉมรุ่น XV ในปี 2011 โดยเป็นแนวคิดการออกแบบใหม่ที่ผสานรวมประโยชน์ใช้สอยในแบบของ SUV เข้ากับสไตล์ที่ก้าวลํ้าด้วยนวัตกรรมรถยนต์รุ่นนี้จึงตอบโจทย์ผู้ขับขี่ในเมืองซึ่งมองหารถยนต์ที่มีความลงตัวด้านสมรรถนะและการประหยัดเชื้อเพลิง บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นทันสมัย ซึ่งถือเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน XV ยังคงเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ประเภทนี้ และได้รับรางวัลมาแล้วมากมายทั้งในด้านการออกแบบและความปลอดภัย
ในปี 2016 ซูบารุได้เปิดตัว Subaru Global Platform ที่จะนำมาใช้เป็นระบบโครงสร้างสำหรับรถยนต์ ทุกรุ่น ในอนาคต โดยมีแนวคิดด้านวิศวกรรมที่ก้าวล้ำในการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของตัวถังและแชสซี เพื่อวางแนวทางให้กับรถยนต์รุ่นต่อๆ ไปของซูบารุ ในขณะที่มุ่งมั่นสู่ก้าวสำคัญในอนาคต ซูบารุยังคงรักษาความเป็นที่หนึ่งในการสร้าง “ความเชื่อมั่นที่ไม่หยุดนิ่ง” ต่อไปตามหลักคิดของแบรนด์ เพื่อสร้างรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพเชื่อถือได้ รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอย่างสมํ่าเสมอเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด