Porsche Taycan เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่งานมอเตอร์โชว์ 2020 นี่คือรถสปอร์ตคันแรกจากปอร์เช่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สมบูรณ์แบบด้วยตัวถัง 4 ประตูซีดานที่ยังคงเอกลักษณ์งานออกแบบของปอร์เช่เอาไว้อย่างครบถ้วนสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
Taycan เข้าสู่ตลาดเมืองไทยด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
- Taycan 4S ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7,100,000 บาท
- Taycan Turbo ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 9,900,000 บาท
- Taycan Turbo S ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 11,700,000 บาท
สมรรรถนะเกินต้านทาน
รุ่นเรือธง Taycan Turbo S พกพาพละกำลัง 625 แรงม้า และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 761 แรงม้า ด้วยฟังก์ชัน Overboost พร้อมแรงบิดมากว่า 1,050 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control จะทำให้เร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 260 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุดทำได้ที่ 412 กม. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ
Taycan Turbo มาพร้อมพละกำลัง 625 แรงม้า และจะเพิ่มเป็น 680 แรงม้า ด้วยฟังก์ชัน Overboost พร้อมแรงบิดมากว่า 850 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control รถจะให้อัตราเร่งจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กม./ชม. เดินทางได้สูงสุดด้วยระยะทางกว่า 450 กม. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ
รุ่นล่างสุด Taycan 4S มีพละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า และจะเพิ่มเป็น 530 แรงม้า ด้วยฟังก์ชัน Overboost แรงบิด 640 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control รถจะเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงระดับความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 4.0 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด 407 กม. เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ ทั้งนี้ ผู้ซื้อยังสามารถสั่งติดตั้งชุดกักเก็บพลังงาน Performance Battery Plus เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมได้โดยจะเพิ่มความจุแบตเตอรี่เป็น 93.4 kWh ผลที่ได้คือพละกำลังเพิ่มเป็น 571 แรงม้าพร้อมระยะทางขับขี่เพิ่มขึ้นเป็น 463 กม.
Taycan ทั้ง 3 รุ่น ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงถึง 2 ชุด โดยชุดแรกรับหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า ส่วนอีกชุดส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง กล่าวได้ว่ารถคันนี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ all-wheel drive เต็มรูปแบบ นวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นขึ้นโดยปอร์เช่ได้รับการติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลังอัตราทดที่ยาวกว่าและการถ่ายทอด พละกำลังที่ต่อเนื่องคือคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมที่ได้จากมอเตอร์ซิงโครนัส ชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด
รูปแบบการทำงานของโหมดการขับขี่ใน Taycan เป็นไปตามหลักปรัชญาในการออกแบบเช่นเดียวกันกับรถสปอร์ตปอร์เช่รุ่นอื่น สามารถปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆได้ตามความเหมาะสมของทั้งระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ โหมด Sport Plus และ Individual รวมอยู่ในชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นมาตรฐานใน Taycan Turbo S
นวัตกรรมการชาร์จพลังงาน
Taycan รองรับอุปกรณ์การชาร์จที่หลากหลาย รวมทั้งแอพพลิเคชัน Porsche Mobile Charger Connect, Porsche Charging Dock and Charging Pedestal และ Porsche Home Energy Manager มันคือรถยนต์จากสายการผลิตปกติคันแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบเดิมซึ่งมีแรงดัน 400 โวลต์ ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป สถาปัตยกรรมดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จพลังงานได้อย่างมากเมื่อใช้งานสถานีชาร์จแรงดันสูง รวมทั้งสามารถลดปริมาณการใช้สายไฟซึ่งเป็นทั้งการลดน้ำหนักและเพิ่มพื้นที่ใช้งานภายในรถไปพร้อมๆ กัน
ชุดกักเก็บพลังงาน Performance Battery Plus ถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานใน Taycan Turbo S และ Taycan Turbo ด้วยขนาดของแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นทำให้รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงขึ้น ช่วยให้การชาร์จพลังงานเป็นไปอย่างรวดเร็วภายใต้สภาวะที่เหมาะสม เมื่อใช้งานสถานีชาร์จแบบ 800 โวลต์ ซึ่งมี maximum charging capacity (สูงสุด) ที่ 270 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จสำหรับวิ่งเป็นระยะทาง 100 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) ภายในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชาร์จพลังงาน จาก 5 – 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge) ด้วยการใช้เวลาเพียง 22.5 นาที
ในส่วนของการใช้งานผ่านสถานีชาร์จขนาด 400 โวลต์ หากเป็นอุปกรณ์ on-board DC charger ที่มีกำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานในประเทศไทย หรืออุปกรณ์ on-board alternating current (AC) charger ที่มีกำลังไฟฟ้า 11 กิโลวัตต์ เพื่อชาร์จพลังงานผ่านระบบไฟฟ้ากระแสสลับ จะต้องใช้ระยะเวลาชาร์จจนเต็มความจุแบตเตอรี่ ประมาณ 9 ชั่วโมง
อุปกรณ์ภายนอกเหนือระดับ
Taycan Turbo S มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานขั้นสูง เริ่มตั้งแต่ระบบไฟหน้า LED Matrix พร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus), ระบบแอโรไดนามิก Porsche Active Aerodynamics (PAA) พร้อมด้วย Air Intake Flaps และ สปอยเลอร์หลังปรับระดับอัตโนมัติ, ระบบเบรกเซรามิกน้ำหนักเบา Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) พร้อมด้วยคาลิเปอร์สีเหลือง และชิ้นงานตัวถังที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอน อาทิ แผ่นปิดธรณีประตู สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต และดิฟฟิวเซอร์หลังทรงลู่ลม
Taycan Turbo จะได้อุปกรณ์มาตรฐานลดหลั่นลงมาจากรุ่นท็อป มีไฟหน้า LED Matrix พร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) ในส่วนของ Taycan 4S จะได้ออปชั่นน้อยที่สุด ไฟหน้าเป็น LED มาตรฐานพร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) และจะไม่มีชิ้นงานตัวถังที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอน
Taycan ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับสเปกล้อและยางที่มีขนาดลดหลั่นกันลงไป รุ่นท็อป Taycan Turbo S ติดตั้งล้อลาย Mission E Design ขนาด 21 นิ้ว ยางหน้า 265/35 ZR21 ยางหลัง 305/30 ZR21 สำหรับ Taycan Turbo ติดตั้งล้อลาย Taycan Turbo Aero ขนาด 20 นิ้ว ยางหน้า 245/45 R20 ยางหลัง 285/40 R20 และ Taycan 4S ติดตั้งล้อลาย Taycan S Aero ขนาด 19 นิ้ว ยางหน้า 225/55 R19 ยางหลัง 275/45 R19 ทั้งนี้ Taycan ทุกรุ่นมีระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPM) มาเป็นมาตรฐาน
เทคโนโลยีขับเคลื่อน
ในฐานะที่เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่ปอร์เช่ภาคภูมิใจ Taycan จึงต้องมอบประสบการณ์การขับขี่อันสมบูรณ์แบบที่สุด และมันจะทำไม่ได้เลยหากปราศจากเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศ รุ่นท็อปอย่าง Taycan Turbo S ใส่เทคโนโลยีทุกอย่างของปอร์เช่มาเป็นมาตรฐาน ได้แก่ Porsche Traction Management (PTM), Porsche Stability Management (PSM), Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport), Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus), ระบบช่วงล่างถุงลมพร้อม Porsche Active Suspension Management (PASM), ระบบเลี้ยวสี่ล้อ พร้อม Power Steering Plus และ Porsche Recuperation Management (PRM)
รุ่นรองลงมาอย่าง Taycan Turbo และ Taycan 4S ก็จะถูกตัดออปชั่นบางออกไปตามระดับราคา แต่ไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะเป็นรถสปอร์ตไร้เสียงเพราะ Taycan ทุกรุ่นได้ติดตั้งอุปกรณ์ Porsche Electric Sport Sound จำลองเสียงจากการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับเสริมอารมณ์ดุดันสไตล์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารเปี่ยมเอกลักษณ์
ห้องโดยสารของ Taycan มาในสไตล์เรียบหรูสะอาดตาและเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ ติดตั้งหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 16.9 นิ้ว วางตัวตามแนวโค้งบริเวณส่วนบนของแดชบอร์ด ถัดมาด้านล่างคือหน้าจอระบบสาระบันเทิงขนาดใหญ่ 10.9 นิ้ว มีหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับเลือกติดตั้งเพิ่มเติมซึ่งจะวางตัวต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยกลายเป็นแผ่นกระจกแนวยาวสไตล์ black-panel โดดเด่นด้วยการดีไซน์พื้นห้องโดยสารแบบ “Foot garages” คำนึงถึงตำแหน่งการวางชุดแบตเตอรี่บริเวณพื้นที่ วางเท้าของผู้โดยสารตอนหลังเพื่อให้มั่นใจในความสะดวกสบายขณะเดินทางและเบาะนั่งจะวางตัวในระดับต่ำตาม ลักษณะเฉพาะตัวของรถสปอร์ตพันธุ์แท้
Taycan Turbo S และ Taycan Turbo นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิลทั่วทั้งห้องโดยสาร ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ชิ้นส่วนเหล่านี้สามารถสั่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์พิเศษได้ในรุ่น Taycan 4S
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น GT Sports, เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Adaptive Sports Seats ปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชั่นจดจำตำแหน่ง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน และไฟสร้างบรรยากาศรอบห้องโดยสาร
Taycan ทุกรุ่นมาพร้อมระบบสาระบันเทิง Porsche Communication Management (PCM) ที่มีฟังก์ชั่นระบบนำทางด้วยดาวเทียม รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และระบบเสียงรอบทิศทาง Bose Surround Sound System
Taycan ทั้ง 3 รุ่น พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ ลูกค้าที่ซื้อจะได้รับบริการเสริมพิเศษรวมทั้งแพคเกจบำรุงรักษาและการรับประกัน 2 ปีจากโรงงานปอร์เช่ และมั่นใจยิ่งขึ้นการรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี เมื่อซื้อรถกับ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.porsche.com/pap/_thailand_/ หรือ www.facebook.com/porsche.thailand.aas/
- Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
- Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
- Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
- Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911
Gallery