• About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact
What Car? Thailand
Mazda-CX-3-Banner-whatcar-728x90-102023
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
What Car? Thailand
No Result
View All Result
Home News PR

จิตวิญญาณอันเร้าใจของลัมโบร์กินี ย้อนอดีตของเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ก่อนก้าวสู่ยุคไฮบริด

February 7, 2023
in PR
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

        เครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ถือเป็นหัวใจสำคัญของลัมโบร์กินีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ซึ่งในความเป็นจริงนั้น จวบจนปัจจุบันมีการผลิตเครื่องยนต์ V12 เพียงแค่ 2 รุ่นที่ถูกวางอยู่ในรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ โดยรุ่นแรกเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานสำหรับรถแข่งที่ “ถูกปรับแต่ง” สำหรับใช้วิ่งบนท้องถนนซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของจิอ็อตโต้ บิซซารินี (Giotto Bizzarrini) และเปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินีรุ่นแรกอย่าง 350 GT ส่วนเครื่องรุ่นที่สองถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงยึดแนวคิดเชิงเทคนิคแบบเดิม ติดตั้งครั้งแรกในรถยนต์ตระกูล Aventador และเปิดตัวในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของบริษัท ตลอดจนการสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านกำลังเครื่องและประสิทธิภาพที่มั่นใจได้

         เครื่องยนต์รุ่นแรกได้ผ่านการปรับแต่งและการพัฒนาต่อยอดประสิทธิภาพมาโดยตลอด เพื่อเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น และต่อมายังคำนึงถึงเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยไอเสียร่วมด้วย ซึ่งช่วงเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1963-2010 เครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกวางในหลายตำแหน่งของตัวรถยนต์ โดยในครั้งแรกถูกวางบริเวณด้านหน้าของรถยนต์ในรุ่น 350 GT, 400 GT และ Espada โดยได้รับการพัฒนาให้ใช้วัสดุอะลูมิเนียมในส่วนฝาสูบ          ข้อเหวี่ยง และลูกสูบ เพื่อลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 232 กก. ต่อมาถูกวางหลังคนขับบริเวณกลางตัวรถโดยหมุนแกน 90 องศาตามแนวขวางในรถยนต์ตระกูล Miura และต่อมาถูกหมุนอีก 90 องศา โดยวางกลางตัวถังส่วนท้ายตามแนวยาว โดยเริ่มใช้ในรถยนต์ตระกูล Countach เพื่อเพิ่มสมดุลของการกระจายน้ำหนักให้ดียิ่งขึ้น

          เมื่อเครื่องยนต์ถูกพัฒนาให้มีความจุมากขึ้นจาก 3.5 ลิตรในรุ่น 350 GT เป็น 6.5 ลิตรในรุ่น Murciélago จึงยิ่งจำเป็นต้องลดน้ำหนักลง ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงริเริ่มใช้วัสดุและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อลดน้ำหนักของเครื่องยนต์บนโครงแชสซี จวบจนในวันนี้ เครื่องยนต์ V12 ยังคงเป็นหัวใจสำคัญทั้งในรถยนต์ Aventador, Sián และ Countach LPI 800-4 ของลัมโบร์กินี รวมถึง Essenza SCV12 รถสปอร์ตเจ้าสนามที่ให้กำลังเครื่องสูงถึง 830 แรงม้า

จุดกำเนิดของขุมพลังอันล้ำค่า

           นับตั้งแต่เริ่มต้น เครื่องยนต์ V12 ถูกยกย่องให้เป็นขุมพลังที่มีความประณีตและยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งได้รับกระแสตอบรับมากยิ่งขึ้นเมื่อนำมาวางในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของลัมโบร์กินี โดยบิซซารินีรังสรรค์เครื่องยนต์ V12 เพียงเพื่อสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถก้าวเข้าสู่โลกของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ทว่า เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กินี (Ferruccio Lamborghini) กลับนำมาทำเป็นเครื่องยนต์สำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ จนกลายเป็นเรื่องราวแห่งยนตรกรรมอันน่าหลงใหลที่สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

        “เรื่องราวของลัมโบร์กินีเริ่มต้นขึ้นจากเครื่องยนต์ V12 นี่เอง” เมาริซิโอ เรจจิอานี (Maurizio Reggiani) อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ลัมโบร์กินี กล่าว “เห็นได้ชัดว่าในช่วงทศวรรษ 1960 เครื่องยนต์ V12 ถือเป็นตัวแทนแห่งสุดยอดด้านเทคโนโลยี ความหรูหรา และคุณลักษณะของรถยนต์สปอร์ตที่แท้จริง”

          หลังจากใช้ในรถยนต์ 350 GT และรุ่นต่อยอดอื่น ๆ เครื่องยนต์ V12 จึงได้ถูกนำมาวางไว้ในรถยนต์ Miura ในปี 1966 และ Countach ในปี 1971 รวมถึง Diablo ในปี 1990 ก่อนที่จะถูกใช้ในรถยนต์รุ่นสุดท้ายคือ Murciélago เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะรอบด้านอย่างเด่นชัด เมื่อทีมวิศวกรได้ออกแบบเครื่องยนต์ในเวอร์ชันความจุ 5.2 ลิตรสำหรับใช้ในซูเปอร์เอสยูวีรุ่นแรกของลัมโบร์กินีอย่าง LM 002 ในปี 1986 และต่อมามีการผลิต LM 002 เวอร์ชั่นพิเศษซึ่งเป็นเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.2 ลิตร ที่ให้กำลังเครื่องถึง 700 แรงม้า ซึ่งโดยปกติจะใช้ใน   เรือยนต์สำหรับการแข่งขันนอกชายฝั่งเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงแนวคิดครั้งสำคัญ

          ด้วยการคิดค้นเพลาลูกเบี้ยวคู่ ซึ่งเป็นการออกแบบเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์เป็นครั้งแรก ช่วยเพิ่มมุมองศารูปตัว “V” ของเครื่องและทำให้ได้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง โดยเลือกติดตั้งเครื่องยนต์แนวขวางบริเวณกลางส่วนท้ายของรถยนต์ Miura เพื่อให้มีการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้นและทำให้ระยะช่วงล้อสั้นลง โครงของกระปุกเกียร์และเฟืองท้ายยังถูกผสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบส่งกำลัง เพื่อช่วยให้การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยรวมของซูเปอร์สปอร์ตคาร์ระดับตำนานนี้มีความกะทัดรัดและมั่นคงยิ่งขึ้น

การกระจายน้ำหนักคือหัวใจสำคัญ

          ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนักในรถยนต์รุ่น Countach ทำให้ทีมนักออกแบบเลือกใช้เครื่องยนต์แบบเดิมแต่เปลี่ยนตำแหน่งติดตั้งมาเป็นบริเวณกลางท้ายตัวถังและหมุนมุมเพิ่มอีก 90 องศา ซึ่งถือว่าเป็นการปรับมุมจากครั้งแรกในรุ่น 350 GT ไปถึง 180 องศาเลยทีเดียว โดยพวกเขาได้ติดตั้งกระปุกเกียร์ที่ด้านหน้าเครื่องยนต์ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือ “อยู่ในห้องโดยสาร” นั่นเอง โดยในเวอร์ชั่นสุดท้าย เครื่องยนต์ของ Countach สามารถเพิ่มความจุได้ถึง 5.2 ลิตร และต่อมาเครื่องยนต์ V12 ใน Countach รุ่นปี 1986 ก็ได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้สำเร็จได้ด้วยการใช้ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำมาทดแทนการใช้คาร์บูเรเตอร์เพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดเรื่องการลดมลพิษที่เข้มงวดมากกว่าของตลาดแห่งนี้

        “ด้วยความจุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ยาวขึ้น ซึ่งหมายความว่าเราต้องย้ายจุดศูนย์ถ่วงไปที่ส่วนท้ายของตัวรถ” เรจจิอานี กล่าว “การทำเช่นนี้ทำให้เกิดความลำบากในการขับขี่และคุณต้องประสบกับอาการท้ายปัดมากขึ้น เราจึงต้องปรับรูปแบบการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด โดยใช้เครื่องยนต์เป็นตัวเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงของรถและทำให้เครื่องยนต์ V12 ใน Countach ยังคงอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน”

ตอบโจทย์การขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างตรงจุด

         การพัฒนาต่อยอดเครื่องยนต์ V12 เริ่มขึ้นในปี 1985 เพื่อเตรียมนำไปติดตั้งกับซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่อย่าง Diablo ซึ่งเปิดตัวในปี 1990 ด้วยความจุเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นไปที่ 5.7 ลิตรและให้กำลังเครื่องถึง 492 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที โดย Diablo เวอร์ชั่น VT ซึ่งเผยโฉมในปี 1993 กลายเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นแรกของลัมโบร์กินีที่นำเสนอเวอร์ชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ในขณะเดียวกัน Diablo SV-R ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้แข่งขันในรายการ Super Sport Trophy โดยเปิดตัวครั้งแรกในฐานะรถแข่งของรายการ 24 Hours of Le Mans ปี 1996 ซึ่งมีกองทัพรถยนต์ Diablo SV-R กว่า 32 คันเข้าร่วมแข่งขัน ถือเป็นโปรแกรมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ลัมโบร์กินีเคยเข้าร่วม ก่อนที่จะกลายเป็นรายการ Super Trofeo Championship ซึ่งเริ่มจัดครั้งแรกในปี 2009

       Diablo GT รุ่นปี 1998 ซึ่งโดยพื้นฐานเป็น Diablo รุ่นแรกก่อนรุ่นที่สอง ซึ่งจะเปิดตัวในปี 1999 มีการอัปเกรดทางเทคนิคครั้งสำคัญของเครื่องยนต์ โดยส่วนสำคัญคือการใช้ลิ้นปีกผีเสื้อ (Throttle Body) สำหรับแต่ละกระบอกสูบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องสำคัญราวกับการก้าวสู่อนาคตเลยทีเดียว หากมองว่าเทคโนโลยีรูปแบบคล้ายกันนี้ยังได้ถูกนำมาติดตั้งใน Huracán GT3 รุ่นใหม่ที่กำลังจะลงแข่งในปี 2023 เช่นกัน

ความท้าทายครั้งใหม่ด้วยความล้ำหน้าของ Murciélago

          เมื่ออาวดี้ (Audi) ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในลัมโบร์กินี ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเจ้าของรายใหม่ตระหนักดีว่าลัมโบร์กินีต้องการรักษาอัตลักษณ์และความโดดเด่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟเอาไว้ “เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาวดี้และลัมโบร์กินีที่ชัดเจนและยังคงเคารพความต้องการของกันและกัน” เรจจิอานี กล่าว “นับตั้งแต่วันแรก อาวดี้เข้าใจดีว่าสิ่งใดที่สามารถร้องขอจากลัมโบร์กินีได้และสิ่งใดที่ขอไม่ได้ ซึ่งช่วยสร้างสมดุลให้ทั้งสองบริษัทสามารถพัฒนาผ่านการส่งเสริมจุดเด่นที่แตกต่างกันของทั้งคู่ เพราะความมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างของลัมโบร์กินีซึ่งทั้งผู้ถือหุ้นและแบรนด์อื่น ๆ ในเครือต่างตระหนักดี ถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จของเรา สิ่งที่เรานำเสนอผ่านการพัฒนาเครื่องยนต์ V12 ทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับประสิทธิภาพเครื่องยนต์ V10 ซึ่งใช้งานครั้งแรกในรุ่น Gallardo รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเราต่อไป บนแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับลัมโบร์กินี”

         เมื่ออยู่ภายใต้เจ้าของรายใหม่ จึงมีการใช้แนวทางที่แตกต่างเพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องยนต์ V12 ซึ่งจากการพยายามเพิ่มกำลังเครื่องให้ได้สูงสุด ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญในด้านประสิทธิภาพเชิงปริมาณเพื่อให้สอดคล้องตามกฎข้อบังคับที่เริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรถยนต์ Murciélago ซึ่งเผยโฉมในปี 2001 ด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.2 ลิตร ที่ให้กำลังเครื่อง 580 แรงม้า และต่อมาได้รับการอัปเดตในปี 2007 เป็นเครื่องยนต์ความจุ 6.5 ลิตร และมอบกำลังเครื่องได้อย่างน่าประทับใจถึง 670 แรงม้าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ตัวรถเบางลงได้ถึง 100 กก. รวมถึงมีการอัปเกรดเครื่องยนต์ในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ดรายปั๊ม ซึ่งช่วยให้ลัมโบร์กินีสามารถลดระยะระหว่างเพลาข้อเหวี่ยงและด้านล่างของตัวรถ จึงช่วยปรับปรุงการบังคับรถให้ดียิ่งขึ้น

         การพัฒนาเครื่องยนต์ V12 ในรถยนต์ Murciélago ทำให้ลัมโบร์กินีค้นพบตำแหน่งที่ชัดเจนของตัวเองภายในอาณาจักรของอาวดี้ และยิ่งไปกว่านั้นการตัดสินใจออกแบบเครื่อง V12 ใหม่ทั้งหมด ทำให้ทีมนักออกแบบของลัมโบร์กินีสามารถตั้งเป้าหมายใหม่และสร้างประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในช่วงเวลา 45 ปีที่ผ่านมา 

งานออกแบบใหม่ทุกรายละเอียดของ Aventador

          “เมื่อคุณเริ่มออกแบบเครื่องยนต์ใหม่หมดตั้งแต่ต้น สิ่งที่คุณต้องพิจารณาตั้งแต่เริ่มแรกคือเงื่อนไขขอบเขตที่คุณต้องรักษาสภาพการใช้งานในทุกรูปแบบและจากทุกมุมมอง” เรจจิอานี กล่าว “สำหรับลัมโบร์กินี รถยนต์ Aventador เปรียบเสมือนการพิสูจน์ว่าเราสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งในด้านกำลังเครื่อง น้ำหนัก และประสิทธิภาพ รวมถึงความทนทานที่ทางกลุ่มบริษัทต้องการจากเรา ซึ่งผลลัพธ์ก็เห็นได้ชัด เพราะเราสามารถจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ได้มากเป็นสองเท่าจากที่คาดการณ์ในช่วงแรก และสิ่งนี้ถือเป็นตัวชี้วัดที่ดีถึงความสำเร็จของ Aventador แม้มีการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเวลานานหลายปี แต่จากมุมมองทางวิศวกรรมแล้ว เครื่องยนต์ยังคงดีเยี่ยมเหมือนเดิมทุกประการ”

        “ในช่วงที่เราเริ่มทำงานกับรถยนต์ Murciélago เรามีเครื่องยนต์ 6.2 ลิตรและกำลังเครื่องเฉลี่ย 620-640 แรงม้า แต่กับ Aventador เราเริ่มต้นด้วยเครื่อง 6.5 ลิตรและกำลังเครื่องถึง 700 แรงม้า ซึ่งเราตระหนักได้ว่าตลอดอายุของรถยนต์รุ่นนี้ จำเป็นต้องเพิ่มกำลังเครื่องยนต์อย่างน้อย 10% ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่มาก เนื่องจากเราผ่านตามมาตรฐานการปล่อยไอเสียตามมาตรฐาน Euro 5 และอย่าลืมว่านี่เป็นโครงการผลิตเครื่องยนต์        ลัมโบร์กินีรูปแบบใหม่โครงการแรกภายใต้ร่มเงาของอาวดี้ ทำให้เราต้องเจอกับข้อกำหนดต่าง ๆ ที่บัญญัติขึ้นโดยกลุ่มบริษัทอีกมากมาย”

          เครื่องยนต์ของ Aventador เปิดตัวในปี 2011 มอบกำลังเครื่องยนต์ 690 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาทีด้วยความจุ 6.5 ลิตร ซึ่งต่อมาได้ถูกปรับแต่งสำหรับใช้กับรถยนต์รุ่น LP 700-4 ในปี 2013 รุ่น LP 750-4 ในปี 2015 และรุ่น Superveloce ในปี 2016 และรุ่น SVJ ในปี 2019 ซึ่งกำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 759 แรงม้า และต่อมาในปี 2021 กับรุ่น Ultimae รถยนต์สำหรับท้องถนนรุ่นสุดท้ายในตระกูล Aventador ซึ่งมีกำลังเครื่องถึง 780 แรงม้า เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันนี้ยังถูกติดตั้งใน Essenza ซึ่งใช้วิ่งในสนามแข่งเท่านั้นจึงไม่ได้ถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดการวิ่งบนท้องถนน ซึ่งในการปรับแต่งครั้งนี้สามารถเพิ่มกำลังเครื่องเป็น 830 แรงม้า จึงนับเป็นความประทับใจใน  แวดวงวิศวกรรมยุคใหม่อย่างแท้จริง “การนำเสนอเครื่องยนต์ V12 รุ่นสูงสุดของเราอยู่ในรถยนต์ Essenza V12 นี่เอง ด้วยเครื่องยนต์แบบเดียวกันแต่สามารถมอบกำลังถึง 830 แรงม้า” เรจจิอานี กล่าว “เครื่องยนต์ยังเหมือนเดิม แต่แรงดันย้อนกลับของท่อไอเสียต่ำลง เนื่องจากไม่ต้องติดฟิลเตอร์และอุปกรณ์ฉนวนกันเสียง ส่วนฟิลเตอร์อากาศเข้าก็มีอัตราการลดความดันที่น้อยลง ทำให้คุณได้ประสิทธิภาพเชิงปริมาณที่สูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากมุมมองด้านการผลิต เครื่องยนต์ V12 คือข้อพิสูจน์ว่าการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งแง่สุนทรียศาสตร์และกำลังเครื่องยนต์ได้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม”

           Aventador เป็นรถยนต์รุ่นสุดท้ายของลัมโบร์กินีที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ก่อนที่แบรนด์จะก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2023 นี้

ดูรูปและวิดีโอที่ media.lamborghini.com

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.lamborghini.com

Related Posts

News

สรยท. ประกาศชื่อรถ-รถจักรยานยนต์เข้ารอบสุดท้าย THAILAND CAR OF THE YEAR 2024

October 30, 2024
News

ประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศ การประกวดแต่งรถกระบะไฮลักซ์ รีโว่-ดี แซดอิดิชั่น ภายใต้กิจกรรม “อาชีวะ ท้าแต่งแซด กับ ไฮลักซ์ รีโว่-ดี แซดอิดิชั่น ปี 2”

October 30, 2024
News

มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นบุกเบิกต้นกำเนิดเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ครองใจลูกค้าทั่วโลก

October 29, 2024
News

สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่าจากเอเอเอสฯ“AAS Roadshow at One Bangkok” พบยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่และอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ณแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางกรุง“วันแบงค๊อก”

October 27, 2024
News

เลกซัส ประเทศไทย จับมือ EM DISTRICT แจกรถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ 450e Luxury ให้กับสุดยอดนักช้อป Top Spender

September 29, 2024
News

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม ยังคงฟื้นตัวช้า  ยอดขาย 45,190 คัน ลดลง 25%

September 27, 2024
Leave Comment

What Car? Thailand

 

นิตยสารและเว็บไซต์ whatcar.co.th เนื้อหาลิขสิทธิ์รถยนต์ที่แรกที่เดียวในไทย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ จาก What Car? whatcar.com ประเทศอังกฤษซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกมายาวนานกว่า 45 ปี.

Follow us

Categories

  • Awards
  • Big Bike
  • Comparison
  • CSR
  • Feature
  • First Drive
  • Insights
  • Inter News
  • New Car
  • News
  • PR
  • Promotion
  • Reviews
  • Road Test
  • Road Trips
  • Tip Technic
  • Uncategorized
  • Your Cars

Instagram

  • ลาก่อน EQS สวัสดี S-Class รถยนต์ไฟฟ้า : Mercedes จะรวมทั้งสองรุ่นเข้าด้วยกันในปี 2030 ⚡
  • พักเบรกกับค่ายจีน 🇨🇳ที่กำลังลงมาเล่นตลาด ⚡🔋
รถยนต์ไฮบริด (Hybird) นั่งกันไม่ติดและ ญี่ปุ่น 🇯🇵
.
ไม่รู้ว่านุดมีแมว...หรือแมวมีนุดกันแน่ 😆
 "ประกาศิต" ก็เป็นทาสจ๊ะ 555
.
แม่น้ำตาลเป็นแมวที่อายุใกล้ 20 ปี ก็จะดูวัยรุ่นหน่อย 😸
โลกนี้ให้ความสำคัญกับแมวอยู่นะ.... “วันแมวโลก”  International Cat Day 
8 สิงหาคมของทุกปี
.
#InternationalCatDay 
#แม่น้ำตาลหวานเจียบ
  • เดินทางด้วยรถ Benz E 220 d AMG Line 😆🌊🌴
จากเส้นทางภูเก็ต - พังงา ถึง รร.เยาววิทย์ 
ทริป /CSR เมอร์เซเดสเบนซ์ ประเทศไทย
.
ขนาดตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,935 x 1,852 x 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,939 มิลลิเมตร
.
เครื่องยนต์
.
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
.
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed 238 km/h
.
ภายนอก
- ชุดตกแต่งภายนอก AMG Body Styling
- ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
- ไฟหน้า LED High Performance
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
- ระบบกุญแจ Keyless-GO
- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate
- ระบบช่วยปิดประตู Power Closing Doors (ประตูดูด)
.
ภายใน และระบบอำนวยความสะดวก
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 2-Zones
- ระบบปรับสมดุลอากาศ - ฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL (HEPA)
- ม่านบังแดดประตูคู่หลัง
- ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง
- หน้าจอ MBUX Multimedia HyperScreen และ หน้าจอมาตรวัดแบบ 3D
- Passenger Screen หน้าจอแยก สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ที่แยกควบคุมกับจอกลางได้ โดยไม่รบกวนการควบคุมของส่วนกลางภายในรถ
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูลงจากรถ Exit Warning
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Active Distance Assist DISTRONIC with Stop&Go
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Lane Tracing Package
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Active Lane Keeping Assist
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Collision Warning
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driving Assistance System
.
.
#MercedesBenz #EClass #E220d #E220dAMGLine
  • สีดำ....หล่อแบบเข้ม เข้ม 😆
เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด
ด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วย ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ 
.
เครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้กำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น 
.
เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) 
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) 
-ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) 
-ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) 
-ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) 
-ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) 
-กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) 
-พร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) 
.
ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ละเอียด แม่นยำ พร้อมปกป้องคุณให้ปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปในแบบ 360 องศา
.
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay ที่พร้อมเชื่อมต่อแบบไร้สาย และ Android Auto 
.
#WHATCARThailand
#MitsubishiMotorsThailand #mitsubishitritonblackedition
#triton #blackedition
  • A5 Sedan ใหม่ ตัวแทน Audi A4 Sedan คู่แข่งใหม่ BMW 3 Series และ Mercedes C-Class
.
ภายนอกออกแบบใหม่ด้วยกระจังหน้าเพรียวขึ้น ไฟหน้าแบบ LED daytime running และไฟท้ายแบบ OLED ที่สามารถปรับการแสดงผลได้สูงสุด 8 รูปแบบ ที่นอกจากจะแสดงความแตกต่างเพื่อความสวยงามแล้ว สำหรับไฟท้ายยังสามารถใช้เป็นการสื่อสารกับรถคันหลังได้อีกด้วย
.
ภายในออกแบบหน้าจอ  3 ชิ้น โดยเลือกใช้แนวคิดการยึดหลักผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ virtual Cockpit ใช้เทคโนโลยีหลอดไฟแบบ OLED ขนาด 11.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว เป็นระบบสัมผัส ทั้งยังมีออฟชั่นหน้าจอสำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 10.9 นิ้ว
ความพิเศษยังอยู่ที่ A5 Sedan ที่ติดตั้งฝากระโปรงท้ายแบบยกเปิด เสมือนเป็นรุ่น Sportback จากโรงงาน
.
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง เบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
2.0 TDI
เครื่องยนต์ดีเซล TDI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร  สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
2.0 TFSI
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อคู่หน้าเท่านั้น และรุ่นอัพเกรด 204 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
รุ่น S5
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48-volt เพื่อลดมลพิษสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
.
#WHATCARThailand
#AUDI #A5Sedan
  • #Promotion #Toyota ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถในงาน #MOTORSHOW2024
#PR #promote #whatcar #whatcarthailnd 🥳👍🫰
  • #Tesla #Cybertruck ลองกระสุนเบอร์ไหนเข้า...? คุ้มนะถ้า 2.5m Baht คนไทยพร้อมซื้อ (รวย)😆🥳😃🧐🤓
#whatcar #whatcarthailand
  • พาชม #Porsche ในงาน Motor Show 2024
#whtacarthailand #whatcar
  • พาชม #Mitsubishi ในงาน Motor Show 2024
#whatcar #whatcarthailnd

Newsletter

© 2022 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.

  • About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้นโยบายคุกกี้ กด “ยอมรับ”
Cookie settingsยอมรับ
Manage consent

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.
Necessary
Always Enabled
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. These cookies ensure basic functionalities and security features of the website, anonymously.
CookieDurationDescription
cookielawinfo-checkbox-advertisement1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Advertisement" category .
cookielawinfo-checkbox-analytics1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Analytics" category .
cookielawinfo-checkbox-functional1 yearThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Necessary" category .
cookielawinfo-checkbox-others1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Others".
cookielawinfo-checkbox-performance1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Performance".
CookieLawInfoConsent1 yearRecords the default button state of the corresponding category & the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie.
Functional
Functional cookies help to perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collect feedbacks, and other third-party features.
Performance
Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.
CookieDurationDescription
_lscache_vary2 daysNo description available.
Analytics
Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.
CookieDurationDescription
_ga2 yearsThe _ga cookie, installed by Google Analytics, calculates visitor, session and campaign data and also keeps track of site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognize unique visitors.
_gat_gtag_UA_51917967_11 minuteSet by Google to distinguish users.
_gid1 dayInstalled by Google Analytics, _gid cookie stores information on how visitors use a website, while also creating an analytics report of the website's performance. Some of the data that are collected include the number of visitors, their source, and the pages they visit anonymously.
Advertisement
Advertisement cookies are used to provide visitors with relevant ads and marketing campaigns. These cookies track visitors across websites and collect information to provide customized ads.
CookieDurationDescription
_fbpsessionThis cookie is set by Facebook to display advertisements when either on Facebook or on a digital platform powered by Facebook advertising, after visiting the website.
advanced_ads_browser_width1 monthThis cookie is set by Advanced ads plugin.This cookie is used to measure and store the user browser width for adverts.
personalization_id2 yearsTwitter sets this cookie to integrate and share features for social media and also store information about how the user uses the website, for tracking and targeting.
Others
Other uncategorized cookies are those that are being analyzed and have not been classified into a category as yet.
CookieDurationDescription
jnews_view_counter_visits[0]2 months 2 days 15 hoursNo description
muc_ads2 yearsNo description
pvc_visits[0]1 dayThis cookie is created by post-views-counter. This cookie is used to count the number of visits to a post. It also helps in preventing repeat views of a post by a visitor.
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact

© 2021 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.