Overview Of Car
ซีดานเรือธง มาพร้อมความหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย ระบบไฮบริดใหม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยชั้นนำ นี่คือความสมบูรณ์แบบที่ดีที่สุดของโตโยต้าที่พร้อมจะมอบให้กับผู้ซื้อ ราคา 1,799,000 บาท
หากพูดถึงซีดานขนาดกลาง D-Segment ตอนนี้เห็นจะมีเพียง Camry กับ Accord ที่คับเคี่ยวกันแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่ต่างมีรุ่นย่อยที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินปกติและรุ่นย่อยที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดที่วางตำแหน่งไว้เป็นรุ่นท็อปสุดของไลน์อัพเหมือนกัน Camry จะมาในภาพลักษณ์หรูหราภูมิฐาน ส่วน Accord จะมาในแนวสปอร์ต คาแร็กเตอร์ต่างกันชัดเจนแบบนี้ทำให้ทั้งคู่มีแฟนคลับที่เหนียวแน่นในแนวทางของตัวเองซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะผู้บริโภคจะได้ตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุด
ปัจจุบัน Camry วางขายในไทย 4 รุ่น แบ่งเป็นเครื่องเบนซินปกติ 2 รุ่นย่อยคือ 2.0G และ 2.5G และเครื่องยนต์ไฮบริดอีก 2 รุ่นย่อยคือ 2.5HV และรุ่นท็อป 2.5HV Premium ราคาค่าตัว 1,799 ล้านบาทที่เรานำมารีวิวกันในวันนี้ โตโยต้าเน้นย้ำว่า Camry Hybrid คือความภาคภูมิใจของแบรนด์ พวกเขาเลือกที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีสุด เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อให้รถคันนี้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ซึ่งจากที่ได้ลองแล้วต้องบอกว่าโตโยต้าไม่ได้โม้เกินจริง
Camry Hybrid มาพร้อมกับแพล็ตฟอร์มใหม่ TNGA ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบไดนามิกการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ผสานด้วยความยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดียิ่งขึ้น มันส่งผลต่อสมรรถนะของรถได้แบบชัดเจน พร้อมกันนี้ยังมอบความอุ่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense โดยรวมแล้วนี่จึงเป็นการปรับปรุงขนานใหญ่ที่น่าสนใจไม่น้อย
สเปครถยนต์
Body Style: | Sedan |
---|---|
Description: | ซีดานขนาดกลาง D-Segment เครื่องยนต์ไฮบริด |
Engine: | เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว |
Fuel Consumption: | 16.5 กม./ลิตร (ประมาณ) |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | Toyota |
Max Power: | 211 แรงม้า |
Max Torque: | 221 นิวตันเมตร |
Model: | Toyota Camry 2.5 HV Premium |
Price Guide: | 1,799,000 บาท |
Release Date: | สิงหาคม 2018 |
0-100 km/h: | 8.7 วินาที |
Transmission: | เกียร์อัตโนมัติ E-CVT |
การขับขี่
จากขุมพลัง 211 แรงม้า ไม่ต้องห่วงเลยว่าไฮบริดลำยักษ์คันนี้จะอืดอาดชืดช้าจนทำให้เสียอารมณ์ มันตอบสนองได้ดีไม่ว่าจะขับคลานช้าๆ ในเมือง หรืออัดหนักบนทางด่วน การสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้าแทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ หากขับเคลื่อนที่ช้าๆ มอเตอร์จะรับหน้าผลิตกำลังขับเคลื่อน รถจะเงียบกริบพร้อมกับเคลื่อนที่อย่างสุขุมนุ่มนวล ซึ่งในกรณีนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อขับขี่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไปได้มากโขเลยทีเดียว
ในจังหวะเติมคันเร่งเครื่องยนต์จะเข้ามาทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเรียกกำลังแรงบิดให้รถทะยานไปข้างหน้า หากกดคันเร่งแบบนุ่มๆ รถก็จะทะยานไปแบบสุภาพผู้ดี แต่ถ้ากดมิดแป้นคุณจะได้สัมผัสกับพละกำลังเต็มๆ ของรถ แรงดึงของมันทำให้คุณหุบยิ้มที่มุมปากไม่ได้เลยล่ะ ก่อนที่เข็มวัดความเร็วจะดีดขึ้นจนถึงระดับความเร็วที่กฎหมายกำหนดในเวลาไม่นาน เราไม่ได้ลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อย่างจริงจัง แต่จากความรู้สึก เจ้า Camry Hybrid ทำได้ต่ำกว่า 9 วินาทีแน่ๆ
เกียร์ E-CVT ของ Camry Hybrid ทำหน้าที่อย่างไร้ที่ติ มันนุ่มนวลทุกจังหวะไม่ว่าจะเร่งหรือชะลอความเร็ว การคิ๊กดาวน์ตอบสนองได้เร็วพร้อมกับเรี่ยวแรงที่เพียงพอต่อการเร่งแซง เราดีใจที่เกียร์ลูกนี้มีโหมดแมนวล +/- มาให้เล่น พร้อมกับมีแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย ต่างจากคู่แข่งที่เป็นแป้นหน่วงความเร็วที่ชวนงง พร้อมกันนี้ยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกทั้ง ECO, NORMAL, SPORT และ EV MODE ใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ
ช่วงล่างของ Camry Hybrid ดีงามขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าแบบลิบลับ มันทั้งเกาะถนน นุ่มนวล ดูดซับแรงสะเทือนจากอุปสรรคบนผิวทางได้ดี นี่คือผลลัพธ์ของแพล็ตฟอร์ม TNGA ใหม่ที่ช่วยให้คุณภาพกาขับขี่ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด ที่ความเร็วต่ำไม่ว่าคุณจะขับผ่านเส้นประถนน รอยต่อถนน ฝาท่อ คุณจะไม่รู้สึกว่ามันสะเทือนมากเท่า Camry ตัวเก่า เสียงตึงตังของช่วงล่างก็เบาลงด้วย หากเจอคอสะพาน หลุม ร่อง เนิน ลูกระนาด จะรู้ได้ทันทีเลยว่ารถนุ่มนวล ตัวคุณจะโยกเยกน้อยลง ความนุ่มนวลนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากล้อมาตรฐานขนาด 17 นิ้วกับยางแก้มหนา แม้ดีไซน์ของล้อจะดูธรรมดามาก แต่มันก็ช่วยในเรื่องความนุ่มสบายได้ในระดับนึงเลย
เราลองหวดเจ้า Camry Hybrid บนทางด่วนเพื่อดูว่าช่วงล่างจะเป็นอย่างไร ผลปรากฏว่าที่ความเร็วสูงรถนิ่งสนิท ไม่โคลง ไม่ส่าย สาดเข้าโค้งได้แบบนิ่มๆ สบายๆ รถเกาะถนนดีมาก แทบไม่มีอาการโอเวอร์หรืออันเดอร์ให้เห็นเลย อาการโยนก็น้อยมาก ขับเร็วแล้วมั่นใจหายห่วง
ระบบบังคับเลี้ยวของ Camry Hybrid ก็ดีงามเช่นกัน ที่ความเร็วต่ำมันทั้งเบา แม่น มีระยะฟรีเหมาะสม ควบคุมง่ายสบายมือ พอเพิ่มความเร็วพวงมาลัยก็จะหนืดขึ้น แต่ความหนืดนี้ยังมีความแม่นยำ คม และระยะฟรีไม่เปลี่ยนจากตอนความเร็วต่ำ ทำให้ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าไรคุณก็จะควบคุมเจ้าซีดานน้ำหนักเกือบ 1.7 ตันนี้ได้อย่างง่ายดาย รถมันเชื่อง สั่งทางไหนก็ไปตามนั้น การเข้าโค้งความเร็วสูง การหักเปลี่ยนเลน ตอบสนองได้ดั่งใจ
ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อเอาอยู่ทุกสภาวะการขับขี่ เราอัดความเร็วสูงมาบนทางด่วนแล้วต้องเบรกหนักเพื่อต่อคิวเข้าด่านเก็บเงิน แต่เจ้า Camry Hybrid ก็ไม่มีออกอาการน่าหวาดเสียวเลยสักนิด หน้ารถยุบตัวลงไปเยอะแต่ท้ายนิ่งไม่มีส่ายหรือสะบัด ขณะที่การตอบสนองของแป้นเบรกก็เซ็ตมาเน้นความนุ่มนวล มีระยะฟรีพอประมาณ พอเหยียบลึกลงไปถึงจุดที่เริ่มหน่วงน้ำหนักความหน่วงถือว่าสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าที่เหยียบแป้น ทำให้กะระยะเบรกได้ง่ายโดยไม่ต้องสร้างความคุ้นเคยอะไรกันมาก บอกลาอาการเบรกกึกๆ แล้วหัวทึ่มไปได้เลย
การป้องกันเสียงรบกวนของ Camry Hybrid ทำได้ดีสมกับการเป็นเรือธงของโตโยต้า รถสามารถป้องกันเสียงสภาพการจราจรแวดล้อมได้ดีเมื่อขับในเมือง พอขับบนทางด่วนเสียงลมจะเริ่มเล็ดลอดเข้ามาที่ 110 กม./ชม. ขณะที่เสียงยางบดถนนนั้นก็ไม่ดังหนวกหูจนเกินไป
สำหรับเรื่องอัตราสิ้นเปลือง จากการที่เราได้ลองขับทั้ง Camry Hybrid และ Accord Hybrid มาแล้ว เราบอกตรงนี้เลยว่า Camry Hybrid ประหยัดกว่า คุณคิดว่ารถยนต์เซกเมนต์นี้ตัวเลขควรจะอยู่ที่เท่าไร? เราทำได้ 16.5 กม./ลิตร อย่าเพิ่งตกใจทำไมตัวเลขน้อยจัง เราขออธิบายตรงนี้ว่าการขับขี่ของเราไม่เน้นประหยัด เน้นดูสมรรถนะของรถ ขับในสภาพการจราจรจริง ใส่หนักบ้างตามจังหวะ สลับโหมด SPORT บ้างเป็นบางครั้ง คิ๊กดาวน์ เล่นเกียร์ลากรอบ และเราก็ทำแบบนี้กับ Accord Hybrid เหมือนกันซึ่งตัวเลขที่ออกมาก็ราวๆ 15 กม./ลิตร ทั้งนี้ตัวเลขที่ได้อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ของแต่ละคน
Camry Hybrid ของเรามาพร้อมกับเทคโนโลยีปลอดภัย Toyota Safety Sense หนึ่งในฟังก์ชั่นที่ช่วยได้มากเมื่อต้องขับไกลๆ ก็คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control จากการลองใช้พบว่ามันทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร จังหวะเร่งและเบรกตามรถคันหน้าทำได้นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ แต่หากจู่ๆ มีรถเข้ามาแทรกระบบจะมีการดีเลย์นิดๆ เหมือนกำลังประมวลผลอยู่ ซึ่งผู้ขับก็ควรมีสมาธิจดจ่อกับการขับอยู่ตลอด เพราะระบบพวกนี้แค่ช่วยไม่ใช่ทำหน้าที่ขับแทนเรา อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าจะได้ใช้บ่อยๆ คือระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Keeping Assist มันจะส่งเสียงและไฟสัญลักษณ์เตือนเมื่อตรวจเจอว่าคุณกำลังขับรถเบี่ยงออกนอกเลนพร้อมกับหน่วงรั้งพวงมาลัยไว้ให้ด้วย สามารถปิดการทำงานได้หากไม่ต้องการใช้
ออกแบบมาเพื่อความสบาย
ห้องโดยสารของ Camry Hybrid ใกล้เคียงกับ Leuxs ขึ้นไปอีกขั้น รถที่เราทดสอบมาในสีเบจ ให้ความสว่าง โปร่ง สบายตา วัสดุและคุณภาพการประกอบโดยรวมดูดีสมกับราคาเกือบ 1.8 ล้านบาท แดชบอร์ดหน้า แผงประตูเป็นวัสดุซอฟต์ทัช ตกแต่งด้วยพลาสติกเนื้อดีเป็นลายไม้สีอ่อนตัดกับสีเปียโนแบล็กอย่างลงตัว มีพลาสติกแข็งแทรกอยู่บ้างบางส่วนตามซอกตามมุมแต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมดูราคาถูกแต่อย่างใด
เบาะนั่งหุ้มหนัง Smooth Leather ให้ความรู้สึกเหมือนหนังแท้ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมตัวดันหลัง ฝั่งคนขับมีฟังก์ชั่นบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง มีฟังก์ชั่นเป่าลมที่เบาะเป็นสวิตช์ให้กดที่คอนโซลกลาง มีประโยชน์มากเมื่อจอดตากแดดนานๆ เบาะจะเย็นเร็วขึ้น
Camry Hybrid เป็นรถสำหรับผู้บริหารอย่างแท้จริงเพราะพื้นที่เบาะหลังกว้างและนั่งสบายมาก ที่ว่างเหนือศีรษะและช่วงขามีมากพอกับคนทุกขนาดตัว ประตูบานหลังกว้างเข้า-ออกรถสะดวก อุโมงค์เพลากลางก็ไม่ใหญ่จนเกินไป ไฮไลท์ที่เหนือกว่าคู่แข่งคือพนักพิงเบาะหลังสามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า โดยสามารถปรับได้จากแผงควบคุมที่ต้องดึงลงมาจากเบาะนั่งตัวกลาง แผงควบคุมอันนี้ยังสามารถปรับอุณหภูมิแอร์ตอนหลังได้ ควบคุมเครื่องเสียงได้ เปิด/ปิดม่านบังแดดกระจกหลังได้ และยังมีช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง หน้าตามันดูทันสมัยมาก ทุกปุ่มเป็นระบบสัมผัส เป็นลูกเล่นที่โตโยต้าคิดมาดีมากๆ หากที่เราบอกไปยังไม่สาแก่ใจล่ะก็ ที่สันเบาะผู้โดยสารตัวหน้าก็ยังมีปุ่มปรับเลื่อนและปรับพนักพิง แถมหมอนรองศีรษะก็พับได้อีก เรียกได้ว่าเอาให้สุดในด้านพื้นที่และความสบาย ให้คุณได้นั่งยืดขาที่เบาะหลังด้านซ้าย แล้วให้คนขับรถขับพาไปไหนต่อไหนได้อย่างสบายใจ
หากคุณขับรถเองก็สามารถหาตำแหน่งนั่งขับที่เหมาะสมได้ง่ายเพราะพวงมาลัยเป็นระบบปรับไฟฟ้า ทัศนวิสัยก็ดีเยี่ยมรอบทิศทาง คุณจะรู้สึกถึงความโปร่งสบายแต่ยังเข้าถึงการควบคุมส่วนต่างๆ บนแดชบอร์ดได้ง่าย หน้าปัดเป็นแบบเข็มเรืองแสง Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล MID แบบสีขนาด 7 นิ้ว กราฟิกคมชัดสวยงาม อ่านค่าได้ง่าย บอกข้อมูลครบถ้วนตั้งแต่ระบบความบันเทิงไปจนถึงระบบตรวจเช็คความดันลมยาง มีจอ Head-up display ทำให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน
Camry Hybrid ยังอัดแน่นด้วยออปชั่นหรูๆ ที่พร้อมจะเสิร์ฟความสะดวกสบายให้กับชีวิต อาทิ แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน, ระบบกรองอากาศ nanoe, ม่านบังแดดประตูคู่หลังซ้าย-ขวา, ระบบกุญแจ Keyless Entry, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button รวมถึงหลังคาซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ด้านระบบความบันเทิงเป็นสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วของ Camry Hybrid รองรับทุกการเชื่อมต่อแบบที่รถสมัยใหม่ควรจะเป็นทั้งวิทยุ AM/FM เครื่องเล่น CD, DVD, MP3 ช่องเชื่อมต่อ AUX, USB ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบนำทาง Navigation รวมถึง T-Connect TELEMATICS
จากการใช้งาน ทุกฟังก์ชั่นทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จอมีความคมชัด กราฟิกสวยงาม หน้าตาเมนูใช้งานง่าย ตอบสนองเร็วพอสมควร รอบๆ จอเป็นปุ่มทางลัดเข้าสู้ฟังก์ชั่นต่างๆ มีปุ่มวอลลุ่มแบบหมุนที่ใช้งานสะดวกแม้ตามองถนนอยู่ ทีเด็ดที่ซ่อนไว้ก็คือระบบเสียงรอบทิศทางของ JBL ลำโพง 9 ตำแหน่ง คุณภาพเสียงดีมาก ฟังสนุกทุกแนวเพลง มีตัวนี้จบเลยไม่ต้องไปอัพเกรดเพิ่ม
หน้าจอนี้ยังแสดงสถานะต่างๆ ของรถยนต์ด้วย อย่างเช่นข้อมูลการเดินทาง อัตราสิ้นเปลือง ระดับแบตเตอรี่ สถิติการใช้พลังงานและการขับขี่ เป็นต้น และยังแสดงภาพจากกล้องมองหลังพร้อมเส้นบอกระยะด้วย
สรุปความน่าใช้
Camry Hybrid บ่งบอกว่ารถยนต์เรือธงที่แท้จริงต้องเป็นอย่างไร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความอนุรักษ์นิยมแต่ถูกยกระดับให้มีความหรูหราภูมิฐาน ดูมีคลาส ทำให้รถคันนี้น่ามองยิ่งขึ้นไม่ว่าจะขับเคลื่อนไปแห่งหนตำบลไหน ประเด็นเรื่องการขับขี่คือหัวใจหลักที่โตโยต้าให้ความสำคัญและพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างน่าชื่นชม คาแร็กเตอร์ของรถก็ชัดเจนคือนุ่มนวล ขับสบาย พละกำลังเหลือๆ เดินทางไกลระหว่างจังหวัดสบายหายห่วง น่าจะถูกอกถูกใจคนที่ชอบรถคันใหญ่ แรง และขับสบาย
รุ่นท็อป 2.5 HV Premium ราคา 1.799 ล้านบาท มาพร้อมกับอุปกรณ์หรูหรามากมายที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารทุกคน โดยเฉพาะถ้าคุณคือผู้บริหารมีคนขับรถให้ ฟังก์ชั่นที่รถคันนี้มีจะทำให้คุณลืมเรื่องงานเครียดๆ ไปจนหมดสิ้น เพราะความสบายคือสิ่งที่รถคันนี้จะมอบให้เป็นอันดับหนึ่ง
สำหรับเราแล้ว Camry เป็นรถที่น่าสนใจมากๆ อีกรุ่นหนึ่ง ผู้คนไม่กังขาในเรื่องคุณภาพของตัวรถ ความทนทาน อะไหล่ บริการหลังการขาย ราคาขายต่อ รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านระบบไฮบริดของโตโยต้า ดังนั้น หากทั้งหมดนี้มันตอบโจทย์คุณล่ะก็ การลงทุน 1.8 ล้านบาทนั้นคุ้มค่าทุกสตางค์
The Review
Toyota Camry Hybrid
Toyota Camry Hybrid เป็นซีดานที่เอาใจคนชอบความสบาย ชอบรถนุ่ม ความความหรูหรา อุปกรณ์ครบๆ การขับขี่ดี มีระบบไฮบริดช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง
PROS
- ระบบไฮบริดช่วยเพิ่มอัตราเร่งและเพิ่มความประหยัด
- ห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งหรูหรา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเยอะ
- เบาะหลังนั่งสบายมาก ปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบความบันเทิงดีเยี่ยม
- ขับดี แรง นุ่ม เกาะถนนทั้งความเร็วต่ำและความเร็วสูง
CONS
- ล้ออัลลอยไม่เหมาะสมกับรถราคาเกือบ 1.8 ล้านบาท
- รูปลักษณ์ภายนอกอาจไม่ถูกใจคนชอบความสปอร์ต
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
Toyota Camry Hybrid DEALS
We collect information from many stores for best price available