รถกระบะและรถอเนกประสงค์เชฟโรเลตมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางและมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสามารถบรรทุกสัมภาระหนักได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การมีรถพ่วงอีกคันจะทำให้คุณสามารถแบ่งเบาการบรรทุกสัมภาระบนรถยนต์ได้ รถกระบะโคโลราโดรุ่นสูง และรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ที่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสม จะสามารถใช้ลากจูงเทรลเลอร์ ทั้งเพื่อการประกอบธุรกิจและการท่องเที่ยวพักผ่อนของคุณได้อย่างมั่นใจ
การลากจูงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการถ่ายเทน้ำหนักมากกว่าการบรรทุกสัมภาระจำนวนมากจนสูงและหนักเกินไปบนตัวรถ อย่างที่เราพบเห็นเป็นประจำในประเทศไทย การบรรทุกสัมภาระอย่างไม่เหมาะสมไม่เพียงแต่อันตรายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการควบคุมรถยนต์ สิ้นเปลืองอัตราน้ำมันเนื่องจากมีการต้านทานลมที่เพิ่มขึ้น และน้ำหนักที่มากเกินไปของสัมภาระจะกดทับช่วงล่างของรถยนต์ การลากจูงจึงเป็นทางออกที่ดีในการแก้ปัญหาเหล่านี้
จากพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกสำหรับประเทศไทย ผู้ขับขี่รถยนต์สามารถลากจูงได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตหากสัมภาระที่ลากจูงมีน้ำหนักน้อยกว่า 1,600 กิโลกรัม ซึ่งไม่รวมน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุกบนรถ แต่ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องมีใบอนุญาตหากลากจูงเทรลเลอร์ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1,600 กิโลกรัม เจ้าของรถควรนำเอกสารที่มีข้อมูลของเทรลเลอร์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เผื่อถูกเรียกเพื่อตรวจสอบ และเมื่อขึ้นทางด่วน เจ้าของรถอาจจะต้องจ่ายเงินมากกว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ เทรลเลอร์ต้องมีทะเบียนรถแยกต่างหาก
เคล็ดลับสำหรับการลากจูง
การลากจูงเทรลเลอร์เพื่อการประกอบธุรกิจหรือการท่องเที่ยวพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความชำนาญ ใส่ใจในรายละเอียด มีทักษะการขับรถที่ดี และรู้จักการคำนวณน้ำหนักเพื่อการบรรทุกที่เหมาะสม เชฟโรเลตจึงขอแนะนำเคล็ดลับในการลากจูงที่ถูกต้องเหมาะสม ดังนี้
เลือกรถให้ถูกต้องเหมาะสม
เมื่อได้รับการติดตั้งด้วยตะขอลากจูงและชุดลากหัวบอลที่เหมาะสม รถกระบะโคโลราโดสามารถลากจูงเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกได้ถึง 3,500 กิโลกรัม และรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์สามารถลากจูงได้ถึง 3,000 กิโลกรัม รถกระบะโคโลราโด ไฮ คันทรี, โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม, โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น, เทรลเบลเซอร์ แอลที, เทรลเบลเซอร์ แอลทีแซด และเทรลเบลเซอร์ ซี71 สามารถลากจูงได้เพราะเทคโนโลยีที่ช่วยในการลากจูง ดังนี้
- ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) จะทำงานเมื่อเทรลเลอร์มีอาการส่าย และช่วยเบรกรถและเทรลเลอร์ รวมถึงลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยในการทรงตัว
- ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) จะป้องกันการไหลถอยหลังของรถ โดยจะหยุดรถไว้ประมาณหนึ่งวินาทีเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดที่มีความชันมากกว่า 5 องศา
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) จะช่วยควบคุมความเร็วของรถในขณะลงทางลาดชันไม่ว่าจะอยู่ที่เกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Grade Braking) จะใช้ชุดเกียร์ในการควบคุมแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ (Engine Braking) ซึงจะช่วยลดแรงเสียดทานจากเบรกของล้อรถและเทรลเลอร์ในขณะที่ขับลงทางลาด
เลือกตะขอลากจูงให้เหมาะสม
การเลือกตะขอลากจูงและสายไฟเชื่อมต่อที่เหมาะสม มีผลต่อการควบคุมรถยนต์ การเข้าโค้ง และการเบรก รวมถึงทำให้คุณสามารถส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่คนอื่น เมื่อต้องเปลี่ยนช่องจราจรหรือเลี้ยวขณะลากจูงได้ ก่อนที่จะเลือกตะขอลากจูงหรือเทรลเลอร์ คุณควรจะเรียนรู้น้ำหนักที่รถของคุณสามารถบรรทุกหรือลากจูงได้ก่อน และปรึกษาผู้ที่มีความเชียวชาญในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม
คำนวณให้ดี
อัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถ (Gross combined weight rating – GCWR) คือ น้ำหนักรวมสูงสุดที่ได้รับอนุญาตสำหรับรถและเทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ผู้โดยสาร สัมภาระ อุปกรณ์ และชุดแต่ง ซึ่งน้ำหนักทั้งหมดไม่ควรเกินอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถคุณ อัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถสามารถดูได้จากคู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณ
สำหรับการตรวจสอบว่าน้ำหนักของรถยนต์และเทรลเลอร์อยู่ในอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถหรือไม่ ให้ปฏิบัติดังนี้
- เริ่มต้นจากน้ำหนักรถเปล่า (Curb weight)
- บวกน้ำหนักของเทรลเลอร์ซึ่งบรรทุกสัมภาระและพร้อมสำหรับการเดินทาง
- บวกน้ำหนักของผู้โดยสารทุกคนบนรถ
- บวกน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมด
- บวกน้ำหนักของชุดลากจูง เช่น เหล็กต่อพ่วงรถ (Drawbar), ชุดลากหัวบอล (Ball mount), บาร์คู่สำหรับรับน้ำหนัก (Load equalizer bars) หรือ บาร์ค้ำลากจูง (Sway bar)