หยุดยาวทั้งที อย่างนี้ต้องเข้าป่า! หนึ่งในกิจกรรมที่คนรักธรรมชาติต่างหลงใหลคือการบุกตะลุยฟันฝ่าอุปสรรค มุ่งหน้าเข้าไปในจุดที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ มันคือการเปิดประสบการณ์ กระชับความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว รวมถึงท้าทายความสามารถของตัวเอง การจะทำแบบนั้นได้ รถและคนต้องพร้อม
การขับขี่แบบออฟโรดนั้น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีทักษะและความชำนาญ และต้องมีความเข้าใจในลักษณะภูมิประเทศและสภาวะต่างๆ รวมถึงเข้าใจในสมรรถนะของรถยนต์ด้วย ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะมีทักษะและเข้าใจถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็ตาม การขับขี่แบบออฟโรดก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคุณได้
วันนี้ What Car? ขอแนะนำข้อควรระมัดระวังและการวางแผนในการขับขี่ ตลอดจนเคล็ดลับการขับออฟโรดเพื่อให้คุณบุกตะลุยไปในทุกที่อย่างมีความสุข
รู้จักโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ
ปกติแล้วรถอเนกประสงค์และรถกระบะมักจะขับเคลื่อน 2 ล้อหลังเป็นส่วนใหญ่ เมื่อต้องขับขี่แบบออฟโรดหรือเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆ เช่น ฝนตกหนัก ถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลนหรือพื้นผิวถนนที่ลื่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะระบบสามารถช่วยเพิ่มแรงฉุดลากด้วยการส่งถ่ายกำลังของเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 โดยทั่วไปแล้ว รถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะประกอบด้วยโหมดขับขี่ดังนี้
- ระบบขับเคลื่อนสองล้อด้วยความเร็วสูง หรือโหมดทูไฮ (2H – Two-Wheel Drive High) มักใช้สำหรับการขับขี่บนถนนทั่วไปและไฮเวย์
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยความเร็วสูง หรือโหมดโฟร์ไฮ (4H – Four-Wheel Drive High) ใช้เมื่อต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะบนผิวถนนลื่น
- ตำแหน่งเกียร์ว่าง หรือโหมด N (Neutral) ใช้เมื่อต้องลากจูง
- โหมดโฟร์โลว์ (4L- Four-Wheel Drive Low) ใช้เมื่อขับบนทรายหรือดินโคลน หรือเมื่อต้องขึ้น-ลงเนินที่มีความลาดชันสูง โหมดนี้จะให้แรงฉุดลากสูงสุดสำหรับปีนป่ายอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
ทำความรู้จักกับรถยนต์ของตัวเอง
การจะเป็นนักขับออฟโรดที่ดีนั้น ก่อนอื่นคุณต้องรู้จักม้างานของตัวเองให้ดีเสียก่อน ควรจะรู้ความกว้าง ความสูง แรงม้า แรงบิด ความสามารถและขีดจำกัดในการลุย และระบบช่วยเหลือทั้งหมดของรถ เพื่อจะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันท่วงทีในการใช้รถยนต์ให้เหมาะสมกับถนนที่มีสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย ควรทำความเข้าใจกับฟีเจอร์ระบบช่วยเหลือต่างๆ ในรถยนต์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อรู้จักรถของตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้ว คุณจะใช้งานมันได้อย่างเต็มที่และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ก่อนจะลุยอย่างลืมตรวจเช็คอุปกรณ์ที่จำเป็น เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ต่อไปนี้จะมีประโยชน์ในสภาวะคับขัน ไม่ว่าจะเป็นยาง All Terrain (AT) และยางอะไหล่ขนาดเท่ายางที่ใช้งาน (full-size), เครื่องวัดความดันลมยาง, ชุดอุปกรณ์เติมลมยาง, แม่แรง, ชุดรักษาความปลอดภัย, ชุดปฐมพยาบาล, เครื่องมือดับเพลิง, ชุดวินซ์/กว้าน ยึดหรือผูกกับสายรัด, เครื่องมืออเนกประสงค์, พลั่วและขวาน, วิทยุสื่อสารคลื่นความถี่ประชาชน (CB), เข็มทิศ และไฟฉาย ดูแล้วอาจจะเยอะแต่ถ้าเป็นคนออฟโรดตัวจริง อุปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งที่ขาดไม่ได้
นั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม
สิ่งแรกที่ผู้ขับขี่ควรทำคือการปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งให้เหมาะสมกับรูปร่างของตนเอง และคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะจะช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาตำแหน่งที่นั่งได้เมื่อต้องขับขึ้น-ลงเนินเขาที่สูงชัน
จับพวงมาลัยให้ถูกต้อง
วางมือของคุณบนพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา จับพวงมาลัยให้กระชับโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชี้ขึ้น ไม่ควรสอดนิ้วโป้งเข้าไปในพวงมาลัยเมื่อต้องขับขี่แบบออฟโรด เพราะเมื่อรถยนต์ชนกับหินหรืออุปสรรคอื่นๆ พวงมาลัยจะหมุนอย่างรวดเร็วและอาจจะทำให้นิ้วโป้งหรือข้อมือของคุณได้รับบาดเจ็บ
เทคนิคการขับฉบับมือโปร
เพิ่มแรงฉุดลากเมื่อต้องขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ไม่แน่น ลาดชัน หรือเปียกลื่น ใช้คันเร่งให้นุ่มนวล ไม่ควรเหยียบคันเร่งมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้รถเสียการทรงตัวบนถนนที่พื้นผิวไม่แน่น ทำให้ควบคุมรถได้ยาก
- หัวใจของการขับออฟโรดคือการขับช้าๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ใช้เกียร์ต่ำเข้าไว้
- หากเป็นไปได้ ให้ขับทั้งขึ้นและลงเขา
- ชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงยอดเขา
- ห้ามลงเขาด้วยเกียร์ N โดยเด็ดขาด
- เมื่อต้องขับรถลงเขา บังคับพวงมาลัยให้ตรง และใช้เกียร์ต่ำ เพราะกำลังเครื่องจะช่วยหน่วงชะลอความเร็ว ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย
ทำอย่างไรเมื่อเครื่องยนต์ดับ
- เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ ดันเกียร์ใมาที่ตำแหน่ง P จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
- หากรถดับขณะกำลังขับขึ้นเขา ให้เปลี่ยนเกียร์ไปที่ R ปล่อยเบรก และถอยตรงลงมา อย่าพยายามกลับรถ เพราะถ้าเนินชันมากจนทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ก็สามารถทำให้รถคว่ำได้เช่นกัน
- หากรถดับเมื่อกำลังขับลงเขา ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำ ปล่อยเบรก และขับตรงลงเขา
- หากไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งได้ ให้ดึงเบรกมือ เปลี่ยนเป็นเกียร์ P และดับเครื่อง ลงจากรถและขอความช่วยเหลือ
ขับขี่ผ่านน้ำลึก
- ถ้าน้ำไม่เชี่ยวและระดับน้ำไม่ลึก ให้ขับผ่านอย่างช้าๆ ถ้าขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป จะทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ และเครื่องยนต์อาจดับได้
- ก่อนที่จะขับลงไปในน้ำ ให้ปิดแอร์และเปิดกระจกทั้ง 4 บาน
- ค่อยๆ ขับลงน้ำด้วยความเร็วต่ำ และค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นมาอีกนิดเมื่ออยู่ในน้ำ
- เมื่อพ้นจากน้ำแล้วให้เหยียบเบรกหลายๆ ครั้งเพื่อรีดน้ำออกจากผ้าเบรค
และนี่คือคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการขับขี่ออฟโรด สำหรับมือใหม่แล้วไม่ยากและไม่ง่าย ที่สำคัญคือต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ เริ่มต้นขับจากเส้นทางง่ายๆ ไล่ระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ จนเชี่ยวชาญ แล้วคุณจะพบว่าการขับออฟโรดเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากการขับขี่แบบอื่นๆ สุดท้ายนี้ ขอให้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างสนุกและปลอดภัยครับ