แม้จะมีปัจจัยทั้งหมดที่อาจทำให้ยอดขายรถยนต์ชะลอตัว รวมถึงการขาดแคลนชิ้นส่วน อัตราเงินเฟ้อ และปัจจัยอื่นๆ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น รถยนต์ระดับหรูในกลุ่มหนึ่งก็ปรับตัวเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เทสลาไม่เคยประสบกับภาวะขาลงแบบเดียวกันนี้มาก่อนแต่กลับเข้ายึดครองตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยที่เหลือด้วยการผลิตที่แข็งแกร่งที่โรงงานในฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
ด้วยเหตุผลหลายประการที่ Elon Musk ซีอีโอของแบรนด์ได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่าโรงงานในเยอรมนีและเท็กซัสของแบรนด์เป็น“เตาหลอมเงิน”เพราะยังไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ นอกจากนี้ การปิดโรงงานหลายสัปดาห์เนื่องจากโควิด-19 ที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับจำนวนการผลิตทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เทสลากล่าวว่า “มิถุนายน 2565 เป็นเดือนที่ผลิตรถยนต์สูงสุดในประวัติศาสตร์ของเทสลา” ในช่วง 5 เดือนแรกของปี ยอดจดทะเบียนรถยนต์เทสลาใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 66 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 179,574 คัน พูดง่ายๆ ก็คือ ยักษ์ใหญ่ EV กำลังหนีจากการแข่งขัน
BMW มาเป็นอันดับสอง โดยบริษัทสัญชาติเยอรมันจดทะเบียนใหม่ 133,209 ราย ลดลง 11% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อันดับที่ 3 Lexus ลดลง 19% สู่การจดทะเบียน 112,296 ราย และ Mercedes-Benz ลดลงตามหลัง 110,584 ราย ซึ่งลดลง 17%
Audi เห็นการลดลงอย่างชัดเจนเพราะในปีที่แล้วมีการลงทะเบียนเพียง 67,986 รายซึ่งลดลง35 % จากปีที่แล้ว ในปีนี้ Audi มาเป็นอันดับสองในบรรดาแบรนด์หรู รองจาก Tesla โดยมีการลงทะเบียน EV ใหม่ 6,617 คัน
Porsche ตามมาด้วย 3,627 และ Mercedes ตามมาด้วยอันดับที่ 4 ด้วย 3,250 อีกครั้ง แบรนด์ระดับพรีเมียม ของ Volvo และ Polestar ทำผลงานได้ดีด้วยการจดทะเบียน 3,330 และ 4,118 ตามลำดับ ซึ่งก็ชัดเจนว่าเทสลาเป็นผู้นำในด้านธุรกิจที่หรูหราและดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ในเร็วๆ
ที่มา : Carscoops