Overview Of Car
อีโคคาร์ตัวชูโรงของซูซูกิที่มาพร้อมความยอดเยี่ยมในทุกด้าน เครื่องยนต์และแพล็ตฟอร์มใหม่ช่วยให้การขับขี่สนุกสนานขึ้น เหมาะสำหรับขับขี่ทุกวันในเมือง คล่องตัว ว่องไว และประหยัด ราคาเริ่มต้น 499,000 บาท
หลายๆ คนที่ซื้อรถคันแรกมักจะเริ่มต้นจากรถขนาดเล็กราคาย่อมเยาก่อน พร้อมกับให้ฟังก์ชันอุปกรณ์มาครบถ้วนตามความจำเป็น และมีเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องสมรรถนะต่างๆ อาจเป็นประเด็นรอง ขอแค่ขับง่ายขับสบายก็เป็นอันใช้ได้ เพราะฉะนั้นอีโคคาร์คือตัวเลือกแรกๆ ของใครหลายๆ คน
ในตลาดปัจจุบันค่ายรถทุกค่ายต่างนำเสนออีโคคาร์ที่มีจุดเด่นตามที่กล่าวให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมาขับขี่ ซูซูกิก็คือค่ายหนึ่งที่เป็นเหมือนผู้บุกเบิกวงการอีโคคาร์ในบ้านเราเป็นเจ้าแรกๆ โดยมี Swift เป็นตัวชูโรงซึ่งมันก็ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนที่มากมายบนท้องถนนมองไปทางไหนก็เจอ เมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยนรถยนต์ก็ย่อมเปลี่ยนผันตาม ดังนั้นจึงถึงเวลาของ Swift เจนเนอเรชันที่ 3 ที่จะมาสานต่อความสำเร็จเดิมให้เดินหน้าต่อไป
แน่นอนว่ากลุ่มรถอีโคคาร์หรือแฮทช์แบ็กขนาดเล็กในบ้านเราเป็นตลาดใหญ่ที่มีตัวเลือกให้เล่นมากมาย เพื่อเอาชนะใจผู้ซื้อ ราคาและอุปกรณ์ที่ได้จะต้องคุ้มค่าเงินที่สุด ขณะเดียวกันคุณภาพและการขับขี่ รวมถึงข้อเสนอทางการเงินและบริการหลังการขายที่ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน Swift กำลังแหวกว่ายท่ามกลางปัจจัยเหล่านี้พร้อมทั้งโชว์จุดเด่นของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
เราเคยได้ทดลองขับ Swift ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นการขับตามเส้นทางที่ซูซูกิกำหนด บางอย่างไม่สามารถทดสอบได้ เราจึงอยากทำความรู้จักกับเจ้าอีโคคาร์หน้าตาน่ารักคันนี้ให้มากขึ้นด้วยการทดสอบในสไตล์ของเรา รัดเข็มขัด สตาร์ทเครื่อง เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งไปพร้อมกันเลย…
สเปครถยนต์
Body Style: | Hatchback |
---|---|
Description: | 5 ประตู 4 ที่นั่ง |
Engine: | เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร เทคโนโลยี Dualjet |
Fuel Consumption: | 17 กม./ลิตร |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | Suzuki |
Max Power: | 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที |
Max Torque: | 108 นิวตันเมตร 1,400 รอบต่อนาที |
Model: | Suzuki Swift 1.2 GLX Navi |
Price Guide: | 629,000 บาท |
Release Date: | กุมภาพันธ์ 2018 |
0-100 km/h: | 12.9 วินาที |
Transmission: | อัตโนมัติ CVT |
ขับดีไม่มีงอแง
นิสัยของ Swift มีความสุภาพเรียบร้อย การขับขี่ในเมืองที่ความเร็วต่ำหรือคลานตามรถติดมีความราบรื่นและนุ่มนวล เราสังเกตว่าเกียร์ CVT ของ Swift แอบกระตุกนิดหน่อยช่วงจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลดเกียร์ลงในเฉพาะเกียร์ต่ำ แต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญจนเกินรับได้ ด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังเหมาะสมทำให้การลัดเลาะเปลี่ยนเลนมุดไปมุดมาทำได้อย่างคล่องแคล่ว เครื่องยนต์เดินเรียบขับง่ายขับสบาย
เมื่อขับความความเร็วเดินทางที่ 80-110 กม./ชม. รถยังคงนุ่มนวลและขับสบาย เครื่องยนต์ Dualjet 4 สูบ 1.2 ลิตร 88 แรงม้า ให้กำลังเหลือๆ เราไม่รู้สึกว่ามันทำงานหนักแต่อย่างใด การขับขี่บนทางด่วนหรือขับขี่ต่างจังหวัดไม่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยมาก
อัตราเร่งของ Swift ใหม่ดีขึ้นจาก Swift รุ่นก่อนหน้าพอตัว แม้ว่าแรงม้าจะลดลงแต่ด้วยน้ำหนักตัวรถที่ไม่ถึง 1 ตัน ทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องรับภาระหนักในการพารถทั้งคันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า มันจึงมอบพละกำลังออกมาให้ใช้ตั้งแต่เริ่มแตะคันเร่งที่รอบต่ำ รถดึงดีขึ้น สนุกยิ่งขึ้น แต่เมื่อคิ๊กดาวน์เพื่อเร่งแซงกลับทำได้ช้าและไม่ได้เพิ่มแรงดึงมากนัก
Swift มาพร้อมกับโหมด Sport เป็นปุ่มเล็กๆ ข้างคันเกียร์ จากที่ลองใช้เราพบว่าโหมดนี้จะให้การตอบสนองที่เร็วยิ่งขึ้นและเหยียบติดเท้ายิ่งขึ้นในช่วงความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ถ้าเกินจากนี้ไปรอบเครื่องจะตีสูงขึ้นแต่กำลังไม่มาตาม พูดง่ายๆ คือเหมือนกับปุ่ม O/D ในรถรุ่นเก่าที่เหมาะจะใช้ชั่วคราวเพื่อการเร่งแซงหรือต้องการอัตราเร่งที่ฉับไวในช่วงต้น ความเร็วสูงสุดของเจ้าจิ๋วคันนี้สามารถไหลไปได้ถึง 170 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ราว 13 วินาที
สมรรถนะของ Swift น่าปรบมือให้จริงๆ ใครว่าอีโคคาร์จะเน้นประหยัดและอืดอาดเฉื่อยชา คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ถ้าได้มาขับรถรุ่นนี้ เราคิดว่า Swift สามารถฟัดกับรถ B-Segment เครื่อง 1.5 ลิตรได้สบายๆ อัตราเร่งที่จัดจ้านจากแรงม้าที่ลดลงฟังดูเหมือนตลก แต่ Swift พิสูจน์แล้วว่ามันเจ๋งกว่าอีโคคาร์หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน
เราขับขี่บนสภาพการจราจรจริงมุ่งหน้าสู่ จ. อยุธยา ความเร็วที่ใช้แปรผันตามสภาพการจราจร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามหน้าปัดอยู่ที่ราว 17 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าน่าพอใจมากๆ นอกจากนี้ซูซูกิยังใส่ฟังก์ชัน Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ รอบเครื่องก็จะถูกล็อกให้นิ่งอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งมันให้ทั้งความสบายและความประหยัดระหว่างที่เดินทางไกล บวกกับฟังก์ชัน IDLING STOP กะให้ลืมเข้าปั๊มน้ำมันกันเลยทีเดียว
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือการป้องกันเสียงรบกวน Swift ใหม่เงียบกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เราเคยลองขับ ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เสียงลมและเสียงยางบดถนนเล็ดลอดเข้ามาน้อย ขณะที่การขับขี่ในเมืองก็ป้องกันเสียงเอะอะภายนอกรอบๆ รถได้อย่างน่าพอใจ นอกจากนี้เสียงเครื่องยนต์ก็เงียบและไม่ส่งแรงสั่นสะเทือนใดๆ เข้ามาในห้องโดยสารเลย
หนึบแน่นได้อารมณ์
ช่วงล่างของ Swift ใหม่ปรับเซตมากลางๆ ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน รอยปะ คอสะพาน และหลุมบ่อได้ได้น่าพอใจ บางจังหวะมีกระเด้งบ้างเล็กน้อยเป็นสีสันตามสไตล์รถเล็ก การขับขี่ความเร็งสูงทำให้เรามั่นใจเพราะความหนึบแน่นของช่วงล่างที่ไว้ใจได้
Swift ใหม่มีการทรงตัวที่ดีในขณะเข้าโค้ง เกาะถนนดีในระดับต้นๆ ของกลุ่มอีโคคาร์ อาการโยนมีบ้างแต่ไม่น่าเกลียด ขณะเดียวกันเมื่อขับความเร็วสูงรถก็ยังนิ่งและมั่นคงดีมาก โดยรวมแล้วระบบช่วงล่างได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นทุกด้านเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังคงรัษาฟีลลิ่งแบบสปอร์ตแฮทช์แบ็กไว้
เราแนะนำว่าถ้าคุณอยากเพิ่มความหนึบให้กับรถอาจต้องเพิ่มขนาดหน้ายางเพราะของเดิมติดรถเป็นขนาด185/55R16 หากเพิ่มเป็น 195 หรือ 205 มันส่งผลต่อการยึดเกาะที่ดีกว่าแน่นอนและยังเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถด้วยอีกจุดหนึ่งที่น่าชื่นชมคือระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว Traction Control ที่ติดตั้งมาในทุกรุ่นย่อย ช่วยให้ Swift ครบเครื่องกว่าอีโคคาร์คู่แข่งในปัจจุบัน และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกพอสมควร
พวงมาลัยของ Swift มีน้ำหนักกำลังดีทำให้ควบคุมง่ายทุกช่วงความเร็ว เมื่อขับเร็วขึ้นพวงมาลัยจะเริ่มหนืด มีความเฉียบคม แม่นยำ และเป็นธรรมชาติ ระยะฟรีเหมาะสมไม่มากไม่น้อยจนเกินไป การหักพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนทิศทางกะทันหันทำได้รวดเร็ว แต่เราคิดว่าพวงมาลัยน่าจะหนืดขึ้นอีกนิดที่ช่วงความเร็วสูงเพื่อความมั่นใจ
ระบบเบรกของ Swift ใหม่คือสิ่งที่ควรปรบมือให้เพราะเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ขณะที่คู่แข่งบางค่ายยังเป็นดิสก์แค่ล้อหน้า เพราะฉะนั้นมันจึงให้ความมั่นใจได้มากกว่า อีกทั้งยังมี ABS และ EBD เป็นตัวช่วยอีกแรง แป้นเบรกมีความนุ่มนวลและแน่นกำลังดี ตอบสนองการเหยียบตามน้ำหนักเท้าที่กด ให้ความหนึบที่ไว้ใจได้ไม่มีอาการเฟด
สไตล์เด่นบนเส้นทางที่แตกต่าง
คุณคิดเหมือนเรามั้ยว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ตัวอย่างเช่นเราเห็นคนหน้าตาสวยหล่อก็มักจะชอบมองแล้วก็คิดไปไกลเพราะหน้าตาเป็นซึ่งแรกที่ดึงดูดใจเราเสมอ รถยนต์ก็เช่นกัน Swift ใหม่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามทันสมัยสไตล์ยุโรป มิติตัวรถสั้นและเตี้ยลงแต่กว้างและมีฐานล้อยาวขึ้นเล็กน้อย ผลที่ได้คือลุคที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่าและได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น
ตัวรถสร้างบนแพล็ตฟอร์มใหม่ชื่อว่า HEARTECT ที่มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน จุดนี้ย่อมทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันกว่าเดิม
ออปชันภายนอกในรุ่นท็อปไฟหน้าจะเป็นโคมโปรเจคเตอร์พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์เป็นเส้น LED สวยงาม กระจังหน้ารังผึ้งคาดด้วยเส้นสีแดงสื่ออารมณ์สปอร์ตตั้งแต่แรกเห็น กันชนหน้ารูปทรงเหมือนกำลังยิ้มให้พร้อมกับไฟตัดหมอกสวยงามลงตัว เส้นสายหลังคาดูคล้ายๆ กับรุ่นก่อนหน้า เติมลูกเล่นเล็กน้อยด้วยเสา A สีดำและย้ายมือจับประตูหลังมาอยู่ด้านบนเป็นชิ้นเดียวกับเสา C ด้านท้ายก็มาพร้อมกับไฟท้าย LED เป็นเส้นเรียวรูปตัว C โดดเด่นมาแต่ไกล ใส่ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วมาให้แต่ลวดลายดูธรรมดาไปหน่อย
ภายในของ Swift ใหม่ยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าขึ้นมาหลายเท่าตัว ในรุ่นท็อป GLX NAVI ที่เราได้ลองมาพร้อมกับระบบ Suzuki Smart Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay จากที่ลองจิ้มๆ ปัดๆ พบว่าใช้งานได้ลื่นไหลดี กราฟิกสีสันสวยงามดูแล้วเข้าใจง่าย มาพร้อมกับระบบนำทาง วิทยุ โทรศัพท์ และเครื่องเล่นเพลง คุณภาพเสียงจากลำโพงติดรถถือว่าอยู่ในระดับดี
การออกแบบภายในเน้นให้อารมณ์ความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านแบบฐานตัด และหน้าปัดแบบเข็มดีไซน์สปอร์ตสีแดงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID บอกค่าต่างๆ ทั้งอุณหภูมิ นาฬิกา อัตราสิ้นเปลือง จับทริป ตำแหน่งเกียร์ และความเร็วเฉลี่ย อีกทั้งคอนโซลยังเยื้องเข้าหาผู้ขับขี่ทำให้กดปุ่มต่างๆ สะดวกมากขึ้น น่าเสียดายที่ไม่มีแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัยมาให้สับเกียร์
เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทาง เรารูสึกว่าภายในโปร่งเหมือนกับ Swift ตัวเก่า ทัศนะวิสัยรอบคันดี มุมมองผ่านไหล่กว้างและเห็นชัด พื้นที่ด้านหน้ากว้างขวางไม่รู้สึกว่าเข่าติดหรืออึดอัดอะไร เบานั่งออกแบบให้โอบกระชับ ข้อดีอีกอย่างคือพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
พื้นที่ภายในโดยรวมกวางขวางกว่า Swift รุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย เพราะความโปร่งและแนวหลังคาที่สูงทำให้ผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบายศีรษะไม่ชนเพดาน ที่ว่างช่วงขาก็มีพอสมควรไม่อึดอัดจนเกินไป ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดเพิ่มขึ้นจาก Swift ตัวเก่าเป็น 265 ลิตร เพียงพอสำหรับใส่ของจุกจิกของคุณผู้หญิง เบาะหลังปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใส่ของ น่าเสียดายที่เมื่อพับเบาะแล้วพื้นห้องไม่เรียบเสมอกัน เพราะฉะนั้นการใส่ของขึ้นใหญ่อาจะลำบากหน่อย
สรุปความน่าใช้
ถ้าถามว่า Swift น่าใช้มั้ย? ตอบง่ายๆ ว่าน่าใช้มาก อีโคคาร์รุ่นนี้สามารถสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับคุณได้ไม่ยากด้วยสมรรถนะที่ต้องบอกว่าเป็นผู้นำในกลุ่มอีโคคาร์จริงๆ ทั้งขับสนุก อัตราเร่งดี การควบคุมดี และประหยัดน้ำมัน ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย เบรก ทุกอย่างสมบูรณ์แบบหมด แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่าคู่แข่ง อีกทั้งดีไซน์ภายนอกและภายในก็น่าดึงดูดใจเป็นไหนๆ มีสีสันให้เลือกหลากหลาย ขายความสปอร์ตเอาใจวัยรุ่นโดยตรง และที่สำคัญคือแต่งขึ้นสุดๆ
ทีนี้มาดูที่ออปชันในแต่ละรุ่นย่อยว่ามันจะตอบโจทย์คุณมากแค่ไหน รุ่นท็อป GLX NAVI ให้ออปชันเต็มครบทุกอย่างในราคา 629,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับอีโคคาร์ตัวท็อปของค่ายอื่นๆ จัดว่าสูสีกันอย่างมาก เรามองว่ารุ่นที่คุ้มค่าที่สุดเป็นรุ่น GLX ที่ให้ออปชันมาเกือบเท่า GLX NAVI ต่างแค่ชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และระบบนำทาง Navigator ที่ไม่มีให้ กับราคาค่าตัวที่ถูกกว่า 20,000 บาท และน่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดด้วย คราวนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะเอาอย่างไร ถ้าคุณสนใจไปลองเลยครับ ลองให้คุ้ม แล้วจะรู้ว่า Suzuki Swift จะทำให้คุณยิ้มไม่หุบไปหลายวัน
The Review
Suzuki Swift
Swift สามารถสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับคุณได้ไม่ยากด้วยสมรรถนะที่เป็นผู้นำในกลุ่มอีโคคาร์ทั้งขับสนุก อัตราเร่งดี การควบคุมดี และประหยัดน้ำมัน ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย เบรก ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่าคู่แข่ง อีกทั้งดีไซน์ภายนอกและภายในก็น่าดึงดูดใจเป็นไหนๆ และมีสีสันให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้วัยรุ่น
PROS
- สมรรถนะยอดเยี่ยม อัตราเร่งดีเป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มอีโคคาร์
- เครื่องยนต์ประหยัด
- ช่วงล่างหนึบแน่น เกาะถนนดี
- ห้องโดยสารโปร่ง กว้างขวาง นั่งสบายทั้งตอนหน้าและตอนหลัง
- ห้องเก็บสัมภาระใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า
CONS
- เกียร์ CVT มีอาการกระตุกเล็กน้อยที่เกียร์ต่ำ
- รุ่นเริ่มต้นตัดอุปกรณ์ออกไปเยอะพอสมควร
- ไฟในห้องโดยสารมีเฉพาะแค่ด้านหน้า
- ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ลวดลายดูไม่ค่อยสปอร์ต
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey