มาสด้า ชวนสื่อมวลชนไปมอบความสุขที่จังหวัดนครสวรรค์ ระยะทางรวมกว่า 200 กม. ด้วย Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT กระบะสายหล่อ ขับง่ายสไตล์เอสยูวี ทั้งยังสมรรถนะเยี่ยม ตอบโจทย์การใช้งานทั้งนอกเมืองและในเมือง
กิจกรรมปันสุข
วันที่ 20-21 ก.ค. ที่ผ่านมาทางมาสด้าให้เราไปร่วมปันสุขให้น้องๆ และบุคลากรในโรงเรียนที่จังหวัดนครสวรรค์ รวมระยางกว่า 200 กม. โดยใน 2 วันนี้ นอกจากเราจะได้ไปปันสุขด้วยการมอบอุปกรณ์และทุนการศึกษาแล้ว เรายังได้ไปเที่ยวชมสถานที่ที่สวยงามของจังหวัดนครสวรรค์คือช่องเย็น ที่อุทยานเขาแม่วงก์ ในการเดินทางครั้งนี้ได้ออกเดินทางด้วย Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT ที่สามารถขนของได้จำนวนมากและทำให้การเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นเรื่องสะดวก เพราะการใช้งานที่ง่ายและรูปลักษณ์ที่สวยงามสไตล์เอสยูวี ส่วนในเรื่องของสมรรถนะจึทำได้ดี สามารถวางใจได้ ไม่ว่าจะของการขับขี่ การใช้งาน หรือความคุ้มค่ารวมไปถึงความทนทานด้วย
คาราวานแบ่งปันความสุข
วันพุธที่ 20 ก.ค. เป็นวันแรกที่เราจะไปร่วมกิจกรรม Mazda Caravan ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน โดยเราไปที่จุดนัดพบร้าน Starbucks Coffee The Crystal เลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา เพื่อพบปะพูดคุย ทานอาหารว่างและเตรียมตัวเพื่อออกเดินทาง และเมื่อถึงเวลาเราได้ออกเดินทางจางกรุงเทพ-นครสวรรค์ ซึ่งเราได้เดินทางไปกว่า 227 กม. ซึ่ง Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT ก็พาเราเดินทางไปได้อย่างราบรื่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ รองรับน้ำมันสูงสุด ดีเซล B20 Mazda BT-50 รุ่นนี้เป็นเจเนอเรชั่นล่าสุดของของปิกอัพสไตล์เอสยูวีได้รับการดีไซน์รูปลักษณ์ใหม่หมดทั้งคัน ซึ่งถ่ายทอดผ่านเส้นสายที่เรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ทั้งภายนอก และภายใน เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง และรถเอสยูวีของมาสด้า ผสานกับความทรงพลัง และความแข็งแกร่งที่พร้อมเผชิญหน้า ท้าทายกับทุกเส้นทางในสไตล์รถปิกอัพ มาสด้า ด้านหน้ารถจะดูคล้ายกับรถเอสยูวี CX Series แต่จะดูหรูหราน้อย ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้า และ Signature Wing ขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ LED และไฟส่องสว่าง สําหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature และผสานด้วยไฟท้ายทรงสปอร์ต เติมความสปอร์ตเพิ่มไปอีกด้วยราวหลังคาที่จะทำให้คุณขนของได้อย่างสะดวกมากขึ้น และล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว ในระหว่าง การเดินทางภายในห้องโดยสารก็ทำให้การเดินทางนี้สะดวกสบายเพราะภายในห้องโดยสารของ มาสด้า บีที-50 ใหม่ รุ่นนี้ ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบและจัดวางอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ใส่ใจในทุกรายละเอียดในสไตล์เอสยูวี สัมผัสได้ถึงความเรียบหรู กว้างขวางและครบครัน ห้องโดยสารโทนสีเข้มที่ความดุ ดิบ สไตล์กระบะ มาพร้อมคอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เและมีการเลือกใช้โทนสีดำเพื่อตัดกับเบาะหนังสีน้ำตาลที่ออกแบบมาเพื่อให้นั่งได้อย่างสบายและเบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง อีกทั้งแผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในรถเอสยูวี มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์สปอร์ต และจอดิจิตอล TFT แสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง นอกจากนี้มีหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ที่รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา แบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และเบาะผู้โดยสารด้านหลัง ระบบเสียงรอบทิศทาง พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท เพื่อมอบความสะดวกสบายและเพลิดเพลินได้ตลอดเส้นทาง
เมื่อเดินทางถึงโชว์รูมมาสด้า ส.อรุณ ที่นครสวรรค์ก็ได้แวะพักผ่อนรวมถึงทานอาหารว่าง หลังจากนั้นได้มีการสัมภาษณ์พิเศษคุณสมเกรียติ อรุณวรากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ส.อรุณ ออโต้กรุ๊ป จำกัด เมื่อจบการสัมภาษณ์เราได้ออกเดินทางไปโรงเรียนด้วยเจ้า Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT เช่นเดิมเพื่อร่วมกันมอบอุปกรณ์การเรียน กีฬา และทุนการศึกษาให้กับน้องๆ รวมไปถึงเลี้ยงอาหารกลางวันคณะครูและนักเรียนในโรงเรียนอีกด้วย เรียกได้ว่ากิจกรรมในครั้งนี้ได้ปันสุขกันจริงๆ หลังจากกิจกรรมปันสุขจบลงเราได้ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปโรงแรมที่พัก เนาวรัตน์ เฮอริเทจ ด้วยระยะทางกว่า 124 กม. ซึ่งทั้งวันนี้เราได้เดินทางกันหลายร้อยกิโลเมตรแต่รุ่น Mazda BT-50 DBL ก็ยังให้ความสะดวกสบายเราได้อย่างเต็มที่โดยในรุ่นแบบยกสูง Hi-Racer สามารถตอบโจทย์การขับขี่ได้ดีทั้งในเมืองและนอกเมืองเพราะเราในทางเรียบรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล แต่เมื่อเจอหลุมบ่อหรือทางไม่เรียบจะแอบแข็ง ๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในการเดินทางเราได้ใช้ทางเรียบเป็นหลักซึ่งถ้าเน้นขับสบาย ๆ ไม่เร่งรีบก็ให้ความสะดวกสบายดีเลยทีเดียว การควบคุมรถในเมืองช่วงความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะให้ความรู้สึกหนักมือบ้างตอนบังคับเลี้ยวไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางโค้ง แม้เราจะขนของหนักในรุ่นนี้ก้ยังให้การควบคุมที่ดี และสิ่งที่น่าประทับใจสำหรับการเดินทางไกลเลยคือมันอัตราประหยัดน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่การใช้งานจริงด้วย โดยส่วนมากเราวิ่งได้อย่างคล่องตัวไม่ได้เจอรถติดมากนัก และสามารถทำความเร็วลอยตัวได้ 90-120 กม./ชม. จึงทำได้ประมาณ 14-16 กม./ลิตร
เมื่อถึงที่พักเราได้ออกเดินทางต่ออีกประมาณ 1 กม. เพื่อทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารกิตติโภชนา ซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนชื่อดังของเมืองกำแพงเพชรที่เปิดมาไม่ต่ำกว่า 40-50 ปีเป็นร้านเก่าดั้งเดิมรสชาติสไตล์จีนๆ อาหารมีหลากหลายขนาด สามารถเลือกสั่งได้ตามความเหมาะสม อีกทั้งราคาไม่แพง อีกทั้งรสชาติอร่อยกลมกล่อมแบบอาหารจีนแท้ๆ ใครที่แวะมาแถวนี้ต้องแวะทานร้านนี้สักครั้ง และเมื่อมื้อเย็นสิ้นสุดลงก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อนสำหรับวันต่อไป วันที่ 21 ก.ค เป็นวันที่ 2 ของกิจกรรมในครั้งนี้ เมื่อรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยเราได้มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เพื่อเยี่ยมชมช่องเย็น ซึ่งเป็นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งบริเวณนี้อยู่ในพื้นที่บริเวณช่องเขาจึงเป็นจุดที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้มีสายลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องเย็น” เราได้นั่งพักชมวิวและรับลมเย็น ระยะทาง 103 กม. ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องประหยัดน้ำมัน Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT ยังคงทำได้ดีเช่นเดิม การเดินทางไปช่องเย็นมีการขับขึ้นเขาแต่รุ่นนี้สามารถคุมรถได้ดีทั้งทางตรงและการขับผ่านโค้งด้วยความเร็ว ซึ่งเกียร์ของรถคันนี้หากเปลี่ยนเกียรือย่างถูกต้องและถูกจังหวะถือว่าขับสนุกใช้ได้ กิจกรรมครั้งนี้ได้ก็ได้สิ้นสุดลงโดยกอ่นกลับกรุงเทพเราได้แวะทานอาหารกลางวันก่อนจะเดินทางเพื่อกลับกรุงเทพ โดยใช้ Mazda BT-50 DBL 1.9 Hi-RACER 6MT คันเดิมที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางของเราได้ตลอดทั้ง 2 วัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะหรือความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร หรือแม้แต่รูปลักษณ์ที่หล่อเหลา