[Road Test] MG HS X เอสยูวีที่มาพร้อมกับความพรีเมียม กว้างขวาง ออปชั่นครบ ขับดีที่สุดของแบรนด์ MG

          MG HS สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดเอสยูวีขนาดกลางได้ไม่น้อยจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมในวงกว้าง ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก GS ความพรีเมี่ยมของห้องโดยสารที่สามารถทลายกำแพงมาตรฐานเดิมๆ ของรถยนต์กลุ่ม C-SUV ที่มีขายในตลาดลงได้อย่างราบคาบ ออปชั่นที่เหนือกว่าคู่แข่งเจ้าตลาด รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาสุดช็อค ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยต่างพากันสลัดน้ำหมึกลงบนใบจองตั้งแต่ช่วงแรกของการเปิดตัว

            ปัจจุบันเราเห็น MG HS ถี่มากขึ้นบนท้องถนน นั่นแสดงให้เห็นว่าชื่อชั้นและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ MG กำลังไปได้สวย ผู้คนให้การยอมรับในวงกว้าง และรถเองก็มีประสิทธิภาพดี คุ้มค่าราคา ไม่แปลกเลยที่ HS กำลังคุกคามพื้นที่ตลาด C-SUV อย่างหนัก และผู้เล่นที่เป็นเจ้าตลาดก็ประมาทเจ้า HS ไม่ได้เช่นเดียวกัน

            วันนี้เราอยู่กับ MG HS รุ่น X ตัวท็อป ราคา 1,119,000 บาท หลังจากที่เคยลองมาแล้วทั้งในสนามและขับขี่ทางไกลจากกทม. ถึงเขาใหญ่ รอบนี้เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า HS ยาวๆ พร้อมกับขับใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทั้งขับขี่ในเมืองและขับออกต่างจังหวัด ไปดูกันว่าเจ้า MG HS จะทำหน้าที่เหล่านี้ได้ดีแค่ไหน

ขับสนุก อัตราเร่งว่องไว

            ใต้ฝากระโปรงของ MG HS เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 4,400 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตัวนี้มีการทำงานที่ราบรื่นและเงียบเมื่อขับในเมือง อัตราเร่งมาแบบนุ่มๆ เร่งออกตัวจากแยกไฟแดงโดยไม่รู้สึกอืด ระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ส่งกำลังนุ่มนวลทุกจังหวะ จะมีแอบสะดุดเล็กๆ ในขณะลดเกียร์ 2 ไป 1 ที่ความเร็วต่ำ

            นิสัยของรถขณะการขับขี่ในเมืองเป็นไปตามแบบที่เอสยูวีชั้นดีควรเป็น เราไม่มีข้อตำหนิใดๆ แต่ถ้าจะดูสมรรถนะที่แท้จริงต้องลองบนถนนนอกเมืองที่มีระยะทางโล่งๆ ยาวๆ ให้กด ซึ่งเจ้า HS ก็ตอบสนองได้อย่างฉับไว มันมีอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่รอบต่ำ แรงดึงมีพอให้รู้สึกสนุกในทุกจังหวะกดคันเร่ง การคิ๊กดาวน์มีดีเลย์เล็กน้อยก่อนเกียร์จะลดลง 1 จังหวะพร้อมกับรอบเครื่องดีดสูงขึ้น แรงดึงที่ได้ไม่หนักหน่วงมากนักแต่ก็เพียงพอกับการเร่งแซงได้แบบสบายๆ การซอกแซกเปลี่ยนเลนก็ทำได้อย่างกระฉับกระเฉง รถมีความนิ่งและเกาะถนน ให้ความมั่นใจได้ดีเมื่อขับเร็ว

            เราได้ลองกดคันเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งซึ่งเจ้า HS พุ่งทะยานสู่ความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่นาน ความรู้สึกคือมันว่องไวเทียบเท่ารถเอสยูวีจากค่ายญี่ปุ่นที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า และเราก็ได้ลองกดปุ่ม SUPER SPORT สีแดงที่พวงมาลัย สิ่งที่ได้คือการตอบสนองของเกียร์และคันเร่งที่ไวขึ้น เกียร์ลากรอบสูงขึ้นจากโหมดปกติ จังหวะยกคันเร่งรถจะมีอาการเย่อยึกยักเล็กน้อยซึ่งนี่เป็นลักษณะนิสัยของรถสปอร์ตกำลังสูง เราแปลกใจไม่น้อยเลยที่ HS มีอาการแบบนี้ด้วย ขณะเดียวกัน เข็มวัดรอบกับวัดความเร็วและสีไฟในห้องโดยสารเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อแสดงถึงอารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด

            เมื่อเจอทางลาดชัน กำลังของเครื่องยนต์มีมากพอที่จะให้ขับขึ้นไปได้แบบง่ายๆ เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำให้เองเมื่อรู้สึกว่ากำลังเริ่มตก แต่ถ้าคุณอยากควบคุมด้วยตัวเองก็ตบเกียร์ไปตำแหน่ง S แล้วควบคุมเกียร์ผ่านแป้นแพดเดิลชิฟท์จะทำให้ขับง่ายและสนุกขึ้น การตอบสนองของแพดเดิลชิฟท์มีความฉับไวดี จังหวะลงเนินก็ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อช่วยหน่วงความเร็วของรถและช่วยลดภาระของเบรก ข้อควรรู้คือแพดเดิลชิฟท์จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง S เท่านั้น

ช่วงล่างยอดเยี่ยม

            จุดเด่นของรถ MG หลายๆ รุ่นก็คือคุณภาพของช่วงล่างซึ่งเจ้า HS ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ที่ความเร็วต่ำมันดูดซับแรงสะเทือนจากอุปสรรคบนท้องถนนได้ดีในระดับต้นๆ ของคลาส สะเทือนน้อยเมื่อตกร่องและฝาท่อ จังหวะโดดคอสะพานก็ไม่กระเด้งกระดอนจนหน้าหวาดเสียว พอใช้ความเร็วสูงช่วงล่างก็ให้ความรู้สึกว่าเกาะถนน รถนิ่ง ไม่ส่าย ไม่โคลง หักเปลี่ยนเลนแล้วยังนิ่ง

            พวงมาลัยของ HS มีน้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำทำให้หมุนควงเพื่อจอดเข้าซองได้โดยไม่ต้องใช้แรงเยอะ ระยะฟรีมีเหมาะสมทำให้ควบคุมทิศทางได้ง่าย พวงมาลัยแบบนี้ถูกใจสาวๆ เป็นแน่แท้ เมื่อขับเร็วขึ้นจะรู้สึกได้ถึงความหนืดที่เพิ่มขึ้นตามความเร็ว ระยะฟรียังมีพอให้ลองโยกพวงมาลัยสั้นๆ ถี่ๆ ได้โดยรถไม่ออกอาการวอกแวก ถ้าเพิ่มน้ำหนักหน้ารถก็จะเปลี่ยนทิศทางไปตามที่สั่ง

            ช่วงล่างของ HS รองรับการเข้าโค้งหนักๆ ได้อย่างดีเยี่ยม อาการโยนของตัวถังมีไม่เยอะ มีอาการท้ายออกบ้างเล็กน้อยแก้ไขได้โดยแตะเบรกนิดนึงรถก็จะกลับเข้าร่องเข้ารอยได้อย่างรวดเร็ว การทรงตัวในโค้งทำได้ดี เข้าโค้งซ้าย-ขวาต่อเนื่องยังรู้สึกหนึบ ความหนืดของพวงมาลัยสัมพันธ์กับความเร็วขณะเข้าโค้งได้ดีทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่าย ระยะฟรีที่ไม่มากช่วยให้หน้ารถหันไปตามสั่งได้อย่างว่องไว

            ระบบเบรกของ HS ควบคุมง่ายและมีความนุ่มนวล แป้นเบรกมีระยะฟรีพอให้เหยียบแล้วไม่หัวทิ่ม การตอบสนองของแป้นเบรกมีความเป็นธรรมชาติ สามารถควบคุมน้ำหนักการเหยียบได้ง่าย เบรกหนักๆ จากความเร็วสูงก็เอาอยู่ทั้งหมดโดยที่รถไม่เสียอาการ

  ขับสบายจากตัวช่วยมากมาย

        ระบบช่วยขับขี่มากมายถูกประเคนใส่มาใน MG HS เริ่มตั้งแต่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC การใช้งานแรกๆ ต้องทำความเข้าใจสักหน่อยเพราะมันเป็นก้านปรับอยู่ที่คอพวงมาลัยด้านล่างฝั่งซ้าย จากการลองใช้งานระบบสามารถตรวจจับรถคันหน้าได้อย่างรวดเร็ว เร่งและเบรกตามรถข้างหน้าได้อย่างนุ่มนวล มีกราฟิกแสดงสถานะการทำงานอย่างชัดเจนบนชุดหน้าปัด ระบบนี้จะทำงานที่ความเร็ว 30-150 กม./ชม.

        ระบบควบคุมเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA ช่วยได้มากเมื่อต้องขับทำในเมืองที่รถวิ่งสลับหยุดนิ่งเพราะคุณเพียงประคองพวงมาลัยจากนั้นปล่อยให้รถมันขับเองได้เลย ต่อมาเป็นระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบควบคุมรถเมื่อจะออกนอกเลน LDP เจ้าสองตัวนี้ทำงานร่วมกันเพื่อประคองให้รถอยู่กึ่งกลางเลนเสมอ กรณีที่เจอทางโค้งพวงมาลัยก็หักองศาให้เลี้ยวตาม เรามีหน้าที่แค่จับประคองพวงมาลัยไว้เท่านั้น ความสามารถนี้เรียกว่าเกือบๆ เท่าระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติเลยก็ว่าได้ มีประโยชน์มากเมื่อขับขี่บนมอเตอร์เวย์ที่เส้นจราจรชัดๆ นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่จริงยังมีระบบความปลอดภัยอีกหลายรายการซึ่งเราขอคารวะเลยว่าเอ็มจีให้มาเต็มจริงๆ

            ในแง่ของเสียงรบกวนนั้น HS ก็เงียบเป็นลำดับต้นๆ ของคลาสเช่นกัน เสียงลมจะเริ่มได้ยินตามขอบกระจกหน้าต่างเมื่อขับเกิน 120 กม./ชม. ไปแล้ว เสียงดังจากยางจะมีมาให้ได้ยินเมื่อความเร็วแตะหลักร้อย ด้านความประหยัดอาจไม่ใช่จุดเด่นของรถรุ่นนี้ น้ำหนักตัวรถ 1,570 กก. นั้นดูเหมือนไม่เยอะแต่เมื่อต้องจับคู่กับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ มันจึงกินจุกว่ารถพิกัดเดียวกันแต่ใช้เครื่องยนต์ใหญ่กว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการขับขี่ของเราทั้งในเมืองและนอกเมือง ใช้ความเร็วสูงบ้างตามสภาพจราจร ตัวเลขบนหน้าปัดแสดงค่าออกมาราว 12-13 กม./ลิตร หากคุณเป็นคนขับรถไม่ดุ ขับด้วยความเร็วคงที ไม่กด ไม่เร่งแซงบ่อย ก็น่าจะพบกับตัวเลข 14 กม./ลิตร ได้ไม่ยาก

ห้องโดยสารสุดอลังการ

            สิ่งที่เราเชื่อว่าหลายๆ คนชอบในตัว MG HS น่าจะเป็นความพรีเมี่ยมของห้องโดยสาร เมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับ คุณจะพบกับความโปร่ง กว้างขวาง และพื้นที่บริเวณแดชบอร์ดจำนวนมาก และจะโปร่งมากขึ้นถ้าเปิดหลังคากระจก Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หลังคา การขึ้น-ลงรถค่อนข้างสะดวกจากประตูขนาดใหญ่และความสูงของรถที่กำลังดี ตำแหน่งนั่งขับที่สูงช่วยให้ทัศนวิสัยการมองรอบคันอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม เสา A-pillar หนาไปนิดแต่ยังไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการขับ มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหน้าต่างท้ายรถกว้างและเคลียร์ชัด กระจกมองข้างใหญ่ชัดเจน มีระบบเตือนมุมอับสายตามาช่วยเพิ่มความปลอดภัย

            เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังสังเคราะห์ผสม Alcantara แค่เห็นก็เร้าอารมณ์แล้ว ยิ่งห้องโดยสารเป็นสีแดงด้วยยิ่งดูพรีเมียมเข้าขั้นรถยุโรป แดชบอร์ด แผงประตู คอนโซลกลาง ทุกอย่างเป็นวัสดุซอฟต์ทัชทั้งหมด งานประกอบแน่นหนา รายละเอียดต่างๆ มีความประณีต และวัสดุที่ใช้ก็เป็นของเกรดสูงดูดีมีราคา เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ตัวเบาะมีความใหญ่ หนา นุ่ม รองรับกับสรีระได้ดี พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง-เข้า-ออก ที่น่าประทับใจคือไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Interactive Ambient Light ปรับเปลี่ยนได้ 64 สี และ ปรับตามโหมดการขับขี่

            หน้าปัดของ MG HS เป็นแบบเข็มวัดรอบและวัดความเร็ว มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้วอยู่ตรงกลาง จอนี้บอกข้อมูลครบ กราฟิกสวย อ่านค่าง่าย หน้าจอสัมผัสกลางแดชบอร์ดขนาด 10 นิ้วติดตั้งอยู่ในระดับสายตา จอมีความคมชัด หน้าตาเมนูสวย อ่านค่าง่าย และยังลื่นไหลมาก ฟังก์ชั่นใช้งานมีมาให้แบบครบๆ และรองรับการเชื่อมต่อครบครัน จุดที่อยากชมคือระบบนำทางของ Tom Tom แสดงผลเป็นภาษาไทย ซึ่งการใช้งานทำได้ง่ายไม่แพ้การค้นหาผ่านสมาร์ทโฟน

            เบาะแถวสองคือความสบายอย่างแท้จริง พื้นที่กว้างกวาง เข้า-ออกสะดวก ตัวเบาะนุ่ม นั่งสบายพนักพิงปรับองศาได้ เบาะตัวกลางดึงลงมาเป็นที่วางแก้วได้ อุโมงค์กลางไม่ใหญ่มาก นั่งตรงกลางยังสบายอยู่ มีช่องแอร์ตอนหลังเพื่อความเย็นสบายอย่างทั่วถึง และมีช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ตำแหน่ง

           ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่มาก พื้นห้องราบเสมอขอบกันชน เมื่อพับเบาะแถวสองลงจะเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ พนักพิงเบาะพับแยกได้แบบ 60/40 และยังมีช่องเก็บของใต้พื้นด้วย มาพร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

            MG HS เป็นสมาร์ทคาร์อย่างเต็มรูปแบบกับระบบ i-SMART รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยเพียงพูดว่า “ฮัลโล เอ็มจี” ตามด้วยคำสั่งอย่างเช่น เปิดซันรูฟ เพิ่ม-ลดแรงลมแอร์ ปรับอุณภูมิแอร์ เป็นต้น สะดวกมากขณะกำลังขับรถ ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์มากมาย อาทิ ฟังเพลงจาก True Music อ่านข่าวจากเว็บไซต์ sanook.com สะใจคนชอบเทคโนโลยีล้ำๆ อย่างแน่นอน

เป็นมากกว่าความคุ้มค่า

            เราได้ลองขับทั้งในสนามและบนถนนจริง สิ่งที่อยากบอกคือ MG HS มีดีมากกว่าความคุ้มค่าเพราะมันมาพร้อมกับคุณภาพคับแก้วที่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งจากแบรนด์ญี่ปุ่นได้อย่างสูสี รถเอสยูวีขนาดกลางกับเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ขับในเมืองสบาย ขับท่องเที่ยวทางไกลหรือจะพาไปขึ้นเขาลงห้วยก็ได้หมด

            นิสัยของรถคล้ายกับรถยุโรปคือนุ่ม เงียบ ช่วงล่างแน่น การบังคับควบคุมเฉียบคม ให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์ เมื่อคุณเลือกรถคันนี้ คุณจะได้ออปชั่นที่มากมาย ระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าคู่แข่ง เทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ ระบบช่วยขับขี่ที่ทำหน้าที่ได้ดี รวมถึงภายในที่พรีเมียมขั้นสุด ไล่ดูก็ว่าเยอะแล้ว แต่ทั้งหมดที่ได้มีราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ใครที่เป็นเจ้าของแล้วถือว่าคุณโชคดีมากเพราะราคาแนะนำช่วงเปิดตัวถูกกว่าปัจจุบันนี้หลายตังค์ แต่หากใครกำลังมองหารถเอสยูวีที่เป็นมากกว่าคุ้มค่า โปรดอย่ามองข้าม MG HS เพราะคุณอาจพลาดของดีในราคาสบายกระเป๋าไปก็ได้

ดูรายละเอียดสสเปกของ MG HS ได้ที่  http://bit.ly/2laAKfc

Gallery

Exit mobile version