ความกล้าเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักสู้ ในเมื่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนความกล้านี่แหละที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ เช่นเดียวกับ MG ค่ายรถอายุน้อยของเมืองไทยที่กล้าท้าชนกับตลาดรถกระบะที่มีผู้เล่นระดับแข็งโป้กด้วยการแนะนำ MG Extender เข้าสู่ตลาด แม้วิชาอาคมด้านรถกระบะยังไม่แก่กล้าแต่ MG ใช้ความกล้าและความมั่นใจเข้าสู้ผ่านการนำเสนอจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งและกลยุทธ์ด้านราคากับความคุ้มค่าที่ตัวเองช่ำชอง ทำให้ Extender สร้างกระแสตอบรับที่น่าพอใจขึ้นมาเล็กๆ ในวงการกระบะ
วันนี้เราอยู่กับยักษ์ใหญ่ตัวท็อป MG Extender DC GRAND 4WD X 6AT เกียร์ออโต้ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคาค่าตัว 1.029 ล้านบาท แม้จะเคยขับมาแล้วในสนามและออกทริปทางไกล แต่รอบนี้เราจะอยู่กับเจ้ายักษ์คันนี้แบบยาวๆ เน้นการขับขี่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันทั้งในเมืองและออกนอกเมืองเพื่อดูประสิทธิภาพโดยรวมของรถกันอีกครั้ง การขับขี่จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกัน
พลังไม่เด่นแต่เพียงพอต่อการใช้งาน
ใต้ฝากระโปรงของ MG Extender ประจำการด้วยขุมพลังดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ปั่นกำลังได้สูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด
ดูจากสเปกเครื่องยนต์ก็พอเดาได้ว่าเอ็มจีไม่ได้ทำรถรุ่นนี้มาเพื่อเน้นสมรรถนะ แต่เน้นขับสบายและเน้นความประหยัดมากกว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน รุ่นท็อปเหมือนกัน เรามองว่า Extender มีพลังน้อยไปนิด อย่าลืมว่าผู้ซื้อกระบะในยุคนี้ถ้าคิดจะเล่นตัวท็อป พละกำลังเป็นสำคัญ นั่นอาจทำให้พวกเขามองข้ามกระบะพันธุ์ยักษ์จากแดนมังกรนี้ไปก็เป็นได้
เครื่อง 2.0 ลิตรนี้มีความสมูธนุ่มนวล รอบเดินเบาเสียงไม่ดังและไม่สั่นสะเทือนมากนัก ทั้งยังมีเรี่ยวแรงที่ดีตั้งแต่รอบต่ำ ขับในเมืองสบาย เร่งแซงได้ไวพอตัว ประกอบกับชุดเกียร์ที่มีความต่อเนื่องลื่นไหลทำให้การขับความเร็วต่ำไม่เจอปัญหาแต่อย่างใด จะมีกระตุกบ้างเบาๆ ในจังหวะลดเกียร์
อัตราเร่งของ MG Extender จะว่าอืดก็ดูจะใจร้ายเกินไป เอาเป็นว่าเรียกแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า กดตันเร่งมิด รอบเครื่องตวัดขึ้นสูง แต่แรงดึงมาแบบช้าๆ หย่อนๆ เร่งออกตัวจากแยกไฟแดงกว่าจะถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลานานพอสมควร ทำให้รู้เลยว่า Extender ไม่ใช่รถที่มีสมรรถนะจัดจ้านแต่เป็นรถที่มีอัตราเร่งแบบสุภาพนุ่มนวล การเร่งแซงจากความเร็ว 80 กม./ชม. ไม่ฉับไวมากนัก คิ๊กดาวน์มีอาการดีเลย์เล็กน้อยก่อนเกียร์จะชิฟท์ลงต่ำ แรงดึงที่ได้มีพอสำหรับเร่งแซงบนถนนที่โล่งยาวๆ ขับบนถนนสองเลนยังพอไหว แต่ถ้าเป็นถนนเลนสวนต้องเผื่อระยะแซงมากหน่อย
เกียร์มีโหมดแมนวล +/- มาให้เล่นรวมถึงแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัยด้วย จุดนี้ถือว่าดี สามารถใช้แพดเดิลชิฟท์ได้ทันทีโดยไม่ต้องตบเกียร์มาที่โหมดแมนวลก่อน การตอบสนองของเกียร์เมื่อใช้แพดเดิลชิฟท์ฉับไวดี อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตและน้ำหนักตัว 2 ตันกว่าๆ อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ Extender ไม่กระฉับกระเฉงเท่าคู่แข่งระดับเดียวกัน
ช่วงล่าง Euro Tuning Suspension ที่ความเร็วต่ำมักมีปัญหาคือดูดซับแรงสะเทือนได้ไม่ดี โดยเฉพาะถนนคอนกรีตที่รถจะสะเทือนมากเกินไปหน่อย ขับแล้วรู้สึกแข็งๆ กระด้างๆ แต่พอเพิ่มความเร็วอาการก็ดีขึ้น ถ้าขับบนทางลาดยางก็นุ่มนวลไม่มีปัญหานี้ รอยปะ รอยต่อถนน เส้นจราจร จัดการได้ดี จังหวะลงคอสะพานช่วงล่างยุบและคืนตัวได้ไว ที่ความเร็วสูงรถนิ่งและเกาะถนน ไม่โคลง ไม่ส่าย เมื่อเข้าโค้งตัวถังไม่โยนมากเกินไป ทั้งหมดส่งผลต่อความมั่นใจในการขับขี่ได้ดี
พวงมาลัยของ Extender เป็นแบบไฮดรอลิค การตอบสนองอยู่ในระดับกลางๆ มีการปรับเซ็ตอัตราทดมาเหมาะสม มีระยะฟรีพอประมาณเพื่อความสมูธ พวงมาลัยคมและแม่นยำตามมาตรฐานรถกระบะ ที่ความเร็วต่ำจะค่อนข้างหนักพอขับเร็วกลับรู้สึกเบาขึ้น ข้อดีคือคุณจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อต้องจับพวงมาลัยนานๆ แต่มันก็วอกแวกได้ง่ายเช่นเดียวกัน
ระบบเบรกของ Extender เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ แป้นเบรกปรับเซ็ตมาแบบนุ่มนวล มีระยะฟรีในตอนแรกก่อนจะค่อยๆ เริ่มหน่วงเมื่อเหยียบลึกลงไปนิดนึง มีแรงต้านการเหยียบเป็นธรรมชาติ โดยรวมสามารถควบคุมน้ำหนักการเบรกได้ง่าย ทำให้กะระยะเบรกได้ง่ายตามไปด้วย
การป้องกันเสียงรบกวนถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Extender เลยก็ว่าได้เพราะมีการเสริมวัสดุซับเสียงหลายจุดรอบห้องโดยสาร ป้องกันเสียงสภาพแวดล้อมได้ดีในขณะขับขี่ความเร็วต่ำ พอใช้ความเร็วสูงก็ค่อนข้างเงียบกว่าคู่แข่งหลายๆ คัน เสียงลมเริ่มเล็กลอดเข้ามาตามขอบหน้าต่างที่ความเร็ว 90 กม./ชม. เสียงยางดังในระดับที่ไม่หนวกหู เสียงช่วงล่างมาแบบแน่นๆ
ด้านความประหยัดเรามองอยู่ในมาตรฐานรถกระบะตัวใหญ่และขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ด้วย การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เจอรถติดในเมืองบ้าง ได้เร่งในช่วงสั้นๆ ก็ถือว่าค่อนข้างทำตัวเลขได้ดีประมาณ 12 – 13 กม./ลิตร ถือว่าน่าพอใจสำหรับกระบะ 4 ประตูยกสูง น้ำหนัก 2 ตันกว่าๆ
ภายในกว้าง เบาะหลังหลับสบาย
จุดเด่นของ MG Extender ก็คือมิติตัวรถที่ใหญ่โต ผลที่ตามมาก็คือพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางและโอ่อ่า บันไดข้างขนาดใหญ่ช่วยให้เข้า-ออกรถได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะนั่งตำแหน่งไหน พื้นที่ตอนหน้าและตอนหลังกว้างขวาง ไม่ว่าตัวคุณจะเล็กหรือใหญ่ก็ใช้ชีวิตไปกับ Extender ได้อย่างมีความสุข เบาะคู่หน้าหุ้มหนัง ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พวงมาลัยปรับได้แค่สูง-ต่ำ ตัวเบาะนุ่ม ใหญ่ นั่งสบาย โอบกระชับลำตัวดี ตำแหน่งนั่งขับที่สูงทำให้ทัศนวิสัยการมองรอบคันดีมาก กระจกข้างขนาดใหญ่มองชัดเจน เสา A-pillar ก็ไม่บังสายตาจนเกินไป
สำหรับคนที่ชอบความสบายน่าจะถูกใจกับเบาะหลังของ Extender เพราะมันกว้างมาก นั่ง3 คนได้โดยไม่เบียดกัน คนตัวสูง 180 ซม. มานั่งยังมีที่ว่างเหนือศีรษะและหัวเข่าเหลืออยู่ พนักพิงเอนได้องศาที่กำลังสบาย ตัวเบาะหนา นุ่ม นั่งสบาย หมอนรองศีรษะไม่ดันหัวมากเกินไป เบาะตัวกลางดึงลงมาเป็นที่วางแขนได้ อุโมงค์เพลากลางไม่ใหญ่มากดังนั้นดังนั้นจึงตรงกลางได้อย่างไม่มีปัญหา โดยรวมแล้วเบาะหลังของ Extender ให้ความสบายในระดับต้นๆ ของคลาสได้เลย นั่งทางไกลหลับอย่างเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าปรบมือให้คือการตกแต่งภายในห้องโดยสาร มีการใช้วัสดุซอฟท์ทัชเป็นจำนวนมากทำให้รถดูพรีเมี่ยมขึ้นเป็นกอง การใช้ตะเข็บสีแดงและวัสดุสีเงินตัดกับสีดำทำให้ห้องโดยสารดูไม่จืดชืดไร้รสชาติ แดชบอร์ดดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูแข็งแรง จัดวางปุ่มควมคุมและสวิตช์ต่างๆ ให้เข้าถึงได้ง่าย คุณภาพการประกอบโดยรวมไม่ขี้เหร่ ชุดหน้าปัดเป็นแบบอนาล็อกเข็มวัดรอบและวัดความเร็ว อ่านค่าง่าย ไม่ซับซ้อน มาพร้อมจอแสดงข้อมูลขับขี่สีขาว-ดำ บอกรายละเอียดต่างๆ ครบครัน
ไฮไลท์ของ MG Extender ก็คือระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART แสดงผลผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ใหญ่โต คมชัด หน้าตาเมนูสวยงาม แถมยังใช้งานได้อย่างลื่นไหล ให้ความบันเทิงได้เต็มตา มาพร้อมฟังก์ชั่นสุดล้ำมากมาย อาทิ ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ บริการออนไลน์ ฟังเพลงจาก True Music ดูข่าวสารบนเว็บไซต์ sanook.com รวมถึงแนะนำร้านอาหารและที่พัก เมื่อเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนแล้วจะทำให้ MG Extender กลายเป็น Connected Car อย่างสมบูรณ์แบบ
หน้าจอกลางยังแสดงภาพจากรอบคัน 360 องศาด้วยเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง และยังมีปุ่มลัดเข้าเมนูต่างๆ ได้ในคลิกเดียว ใช้งานสะดวกมากขณะกำลังขับรถอยู่ ด้านระบบเสียงที่ให้มาถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ลำโพง 6 ตัว คุณภาพเสียงพอฟังได้
ปุ่มปรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะอยู่บริเวณใกล้กับคันเกียร์ สามารถเลือกได้ 3 โหมด คือ 2H 4H และ 4L นอกจากนี้ยังมีระบบล็อกเฟืองท้ายมาด้วย ช่วยให้ตะกุยทางโหดได้ดีขึ้น จุดที่เราชอบคือหัวเกียร์ที่ให้อารมณ์คล้ายรถ Audi
MG Extender รุ่นท็อปที่เราทดสอบใส่ระบบความปลอดภัยมาเยอะพอตัว ที่เด่นๆ ก็จะมีระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ครูสคอนโทรล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน กล้องรอบคัน 360 องศา ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งรุ่นท็อปด้วยกันก็ยังเป็นรองอยู่พอสมควร
สรุปความน่าใช้
พละกำลังและสมรรถนะไม่ใช้จุดเด่นของ Extender แต่เป็นออปชั่น พื้นที่ห้องโดยสาร และความล้ำของระบบ i-SMART ต่างหาก และเป็นจุดเด่นที่เอาไว้ต่อสู้กับค่ายอื่น กระบะพันธุ์ยักษ์พิสูจน์ตัวเองแล้วทั้งในสนามและการขับทางไกลว่ามันก็มีดีเช่นกัน มันขับดี ลุยได้ ขับทางไกลสบาย ไม่งอแง ให้ความมั่นใจได้ดีบนความเร็วสูง ถ้าถามว่ามันเหมาะกับผู้ซื้อประเภทไหน มันน่าจะเหมาะกับคนมีครอบครัวที่ใจเย็น ขับรถไม่เร็ว ชอบเทคโนโลยีบวกกับความกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยราคาค่าตัว 1.029 ล้านบาท ถ้าคุณจะเอาไปเทียบกับคู่แข่ง ให้ลองใช้ราคาเป็นตัวตั้ง อย่าใช้คำว่ารุ่นท็อปต้องชนกับรุ่นท็อป เพราะ Extender ยังเป็นรองรุ่นท็อปของค่ายอื่นอยู่พอตัว ให้ใช้หลักการนี้ลองเปรียบเทียบดูแล้วคุณจะรู้ว่า MG Extender ก็น่าสนใจเหมือนกัน
ตอนนี้ก็เหลือแต่เรื่องของความเชื่อมั่นในแบรนด์ ชื่อเสียง คุณภาพ ความทนทาน และบริการหลังการขาย ซึ่งเอ็มจีกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะดันตัวเองเข้าไปครองใจผู้บริโภคให้ได้ ประสบการณ์จะสั่งสอนให้เอ็มจีแข็งแกร่งขึ้น การแนะนำกระบะเข้าสู่ตลาดนับเป็นการเริ่มต้นที่ดี แม้วันนี้ Extender อาจจะยังดีไม่สุดแต่เราเชื่อว่าในอนาคตกระบะจากเอ็มจีจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอีกหนึ่งรุ่นได้ไม่ยาก
ดูรายละเอียดสเปก MG Extender ได้ที่ http://bit.ly/2OQHpck
อ่านรีวิวขับขี่ MG Extender ในสนาททดสอบได้ที่ http://bit.ly/2PgcMxs
Gallery