All-New Mercedes-Benz A-Class จะมาพร้อมกับความหรูหราและพรีเมี่ยมกว่าที่เคย พร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกหลากหลายรวมทั้งเวอร์ชันไฮบริด กำหนดเปิดตัวที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์ ราคาเริ่มต้นประมาณ 21,000 ปอนด์ (1.05 ล้านบาท)
คุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการแฮทช์แบ็กระดับพรีเมี่ยมจากเยอรมันใช่ไหม? สามตัวเลือกที่อยู่ในใจคงไม่พ้น BMW 1 Series, Audi A3 และ Mercedes-Benz A-Class ซึ่งคันสุดท้ายจากที่กล่าวมากำลังจะเปิดตัวทายาทรุ่นใหม่ในปีนี้ โดย Mercedes-Benz หวังเป็นอย่างยิ่ว่ามันจะต้องดีและเพอร์เฟคที่สุดในตลาด
A-Class ใหม่จะมาพร้อมความหรูหราและพรีเมียมที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีกำหนดเปิดตัวครั้งแรกที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์เดือนมีนาคมนี้ จากภาพทีเซอร์เผยให้เห็นรายละเอียดของไฟหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ CLS และเรารู้มาว่ามีแพ็คเกจตกแต่งเสริมหล่อให้กับรถถึง 3 แพ็คเกจ ได้แก่ Style, Progressive และ AMG Line
A-Class ใหม่มีฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าตัวปัจจุบัน นั่นเท่ากับว่าพื้นที่ภายในย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ที่ว่างช่วงขาของ A-Class ตัวปัจจุบันที่เป็นจุดอ่อนเหนือคู่แข่งจะได้รับการพัฒนาใหม่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ห้องเก็บสัมภาระเพิ่มความจุเป็น 370 ลิตร ใหญ่กว่า 1 Series แต่ยังเล็กกว่า A3 Sportback นอกจากนี้ A-Class ใหม่ยังมีแอโรไดนามิกที่ดีกว่ารุ่นปัจจุบัน ซึ่งมันจะช่วยเซฟค่าน้ำมันให้กับเจ้าของรถยิ่งขึ้น
ภายในมีการออกแบบโครงสร้างแดชบอร์ดใหม่ด้วยแผงหน้าปัดดิจิตอลเต็มรูปแบบที่เป็นหัวใจสำคัญของรถคันนี้ ดีไซน์ของมันเหมือนหยิบยกระบบต่างๆ มาจากรุ่นพี่อย่าง E-Class และ S-Class มาทั้งชุด A-Class รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วสองจอ สามารถอัพเกรดเป็น 10.25 นิ้วได้ ที่แตกต่างจาก Mercedes รุ่นอื่นๆ คือหน้าจอจะควบคุมโดยการสัมผัสแทนที่แป้นหมุนแบบเดิม ด้านล่างขอจอคือช่องลมแอร์ดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมไฟ LED สูงสุด 64 สี รายละเอียดอื่นๆ ได้แก่เบาะปรับความร้อน/เย็นที่มีเป็นครั้งแรกใน A-Class
Mercedes ยังไม่เผยรายละเอียดของเทคโนโลยีช่วยขับขี่ใน A-Class ใหม่ว่ามีอะไรบ้าง ที่แน่ๆ คือรถสามารถขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติได้ ระบบควบคุมให้รถอยู่ในเลนและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามความเร็วได้รับการยืนยันแล้วว่ามีชัวร์ๆ
มาถึงเรื่องขุมพลังกันบ้าง มีความเป็นไปได้ที่ Mercedes จะใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 4 สูบเจนเนอเรชันใหม่ใน A-Class ในรุ่นเริ่มต้นจะเป็นเบนซิน 1.4 ลิตร ส่วน 1.6 และ 2.0 ลิตรจะเป็นรุ่นสูงกว่า ในรุ่นที่แรงที่สุดจะมาพร้อมกับระบบ Mild Hybrid ที่จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กช่วยในการเพิ่มพลังขณะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ช่วยลดความเครียดในเครื่องยนต์และปล่อยมลพิษลดลง
ฝั่งดีเซลจะมีเครื่อง 2.0 ลิตร ส่วนเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดจะเป็นการรวมพลังกันระหว่างเครื่องเบนซิน 1.4 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้ารุ่นนี้ผลิตออกมาเราคาดว่า A-Class Plug-in Hybrid จะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุดถึง 50 กม. และในปี 2019 ทายาทผู้สืบทอด Mercedes-AMG A45 ก็จะจุติขึ้นพร้อมกับความระห่ำของฝูงม้า 402 ตัว
เกียร์แมนวล 6 สปีดติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเป็นออปชันเสริม บางรุ่นจะมพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Drive Select system มีแน่นอน ระบบนี้จะช่วยปรับการทำงานของพวงมาลัย เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่าง แตกต่างกันไปตามแต่ละโหมดที่เลือก อาทิ Comfort Eco-Friendly Sport และ Custom ปรับค่าต่างๆ ด้วยตนเอง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีในบางรุ่น
ในตอนนี้รถยังไม่เปิดตัวเพราะฉะนั้นเรื่องราคาค่าตัวยังเป็นเครื่องหมายคำถาม เมื่อพิจารณาถึงการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีเราคาดว่าราคาของรถน่าจะเพิ่มขึ้นจากรุ่นปัจจุบันที่มีราคาเริ่มต้น 20,715 ปอนด์ (1.03 ล้านบาท) มาลุ้นกันว่า All-New Mercedes-Benz A-Class จะเจ๋งขนาดไหน อีกไม่นานเกินรอได้รู้กัน