Owner’s Favourite คุณ “เติ้ล” ธนพล นิ่มทัยสุข

It’s worthy

เมื่อพระเอกคนดังจากค่ายโพลีพลัสผู้รักรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจอย่างคุณ “เติ้ล” ธนพล นิ่มทัยสุข เลือกเจ้า Nissan GT-R เป็นยนตรกรรมคันโปรดที่เจ้าตัวชื่นชอบและหลงใหล มาดูกันเถอะว่า อะไรคือเหตุผลกระแทกหัวใจที่ทำให้เขาคนนี้รู้สึกถูกใจและใช่เลย

OWNER’S PROFILE 

คุณธนพล นิ่มทัยสุข

อายุ 30 ปี

อาชีพ นักแสดง

รถยนต์ที่ใช้ Nissan GT-R 

พระเอกหนุ่มหน้าตาดีที่สวมแว่นตากันแดดกับเสื้อยืดตัวสบายตรงหน้า ระหว่างที่เรากับเขาสนทนาปราศรัยกันด้วยทีท่าเป็นกันเองเข้ากับบรรยากาศชิลๆ ที่โอบล้อม เขาเล่าให้ฟังถึงความรักกับความฝันที่มีมาแต่อ้อนแต่ออก ซึ่งบัดนี้อยู่ระหว่างก่อร่างสร้างตัวเป็นเรื่องเป็นราวไปเรื่อยๆ ใช่แล้ว ทั้งเราและคุณ “เติ้ล” ธนพล นิ่มทัยสุข กำลังคุยกันอย่างออกรสถึงร้านคาร์แคร์ครบวงจรสไตล์สวยเก๋ที่เขาฝันอยากให้เป็น

ดาราขวัญใจสาวๆ หลายคน เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปว่า “จริงๆ แล้ว ผมไม่เคยคิดจะทำงานในวงการบันเทิงเลยนะ มันเหมือนโชคชะตาที่พลิกผันไปมากกว่า แตกต่างจากร้านนี้ที่คือความฝันจริงๆ พูดให้ชัดก็คือ ไม่ว่าเส้นทางชีวิตของผมจะเป็นอย่างไร ผมก็จะกลับมาทำความฝันนี้อยู่ดี”

T-MONKEY SHOP ร้านประดับยนต์แบบครบวงจร ที่ทั้งซ่อม ทั้งบำรุง ทั้งจำหน่าย แถมยังเป็นสถานที่ที่เหมาะ หากว่าจะนัดกลุ่มแก๊งค์มามีตติ้งกัน คือความตั้งใจที่นักแสดงชายแห่งค่ายโพลีพลัสคนนี้ฝันเอาไว้ และกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงไปทุกที ซึ่งนี่อาจมีต้นตอมาจากความหลงไหลในยานยนต์มาตั้งแต่เล็ก ถึงขนาดเคยเอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับควันเสียและยอมแปดเปื้อนคราบน้ำมันในอู่ซ่อมรถก็ทำมาแล้ว

ทั้งนี้ ด้วยความหลงไหลในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งด้วยความที่เป็นคนประหยัด และไม่ใคร่จะชอบเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ทำให้มีรถยนต์มากมายผ่านมือเขามาเรื่อยๆ ในทำนองซื้อมาก็ขายไป กระทั่งปัจจุบัน Nissan GT-R สีดำเมี่ยมที่ให้ความรู้สึกดุดันก็ได้มาอยู่ในครอบครองของเขาจนได้

“ผมว่านี่คือรถที่คุ้มเงินมากและดีที่สุดในประเภท sport car แล้ว เนื่องความแรงของมันก็ไม่ได้เป็นรองรถคันไหน ขณะเดียวกัน มันยังใช้งานทุกวันได้อย่างไร้ปัญหาด้วย”

นั่นคือความเห็นเริ่มต้นเท่านั้นที่หนุ่มเติ้ลบอกกับเรา ซึ่งก็เสมือนเป็นการเกริ่นเพื่อเข้าเรื่องรถคันโปรดในคอลัมน์ที่กำลังได้ติดตามอยู่ และนับจากนี้ไป นี่คือทั้งหมดที่คุณจะได้ทราบว่า เพราะเหตุใด Nissan GT-R จึงทำให้พระเอกหนุ่มของเรายกย่องมันให้เป็นขวัญใจดั่งเช่นยนตรกรรมที่ใช่เลย

สมรรถนะเครื่องยนต์

“พอได้มาสัมผัสกับ Nissan GT-R ผมรู้สึกเหมือนได้ขับรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกสะใจมากๆ ทั้งนี้ ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ 530 แรงม้า มันก็มาพร้อมกับอัตราเร่งที่ดี การทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 วินาทีกว่าๆ เท่านั้น ขณะที่การดึงความแรงจากรอบต้นๆ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมดั่งใจ 

ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเนี่ย ไม่ต้องพูดถึง มันให้การตอบสนองเข้าขั้นไร้ที่ติ ทว่าก็มีปัญหาเรื่องที่มันมักส่งเสียงดังแกรกๆ ให้ได้ยินเมื่อมีการเข้าเกียร์เหมือนกัน”

การขับขี่และการควบคุมรถยนต์

“รถยนต์คันนี้ให้การขับขี่ที่สนุกสนานทีเดียวเลยล่ะ โดยแน่นอนว่า ตอนเข้าโค้งอาจจะมีอาการออกมาให้รู้สึกอยู่บ้างนิดหน่อย ทว่าสมดุลของมันโดยภาพรวมแล้วจัดว่าดี ด้านเรื่องของพวงมาลัย ผมว่าถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ประเภทเดียวกันของ Porsche ซึ่งเคยได้สัมผัส ผมรู้สึกว่า มันให้การตอบสนองที่แม่นยำสูสี แม้ว่าน้ำหนักของมันจะค่อนข้างหนักอยู่บ้างก็ตาม

สำหรับในเรื่องของช่วงล่าง ประเด็นนี้ผมยอมรับความดีเลิศของมันเป็นอย่างยิ่ง โดยมันจะมีโหมดการขับขี่แบบ soft กับ sport มาให้ ซึ่งแบบแรกเนี่ยรองรับการขับขี่ในเมืองได้ดี ให้ความนุ่มนวลหายห่วง ขณะที่แบบหลัง ฟิลลิ่งของมันจะเป็นสไตล์รถแข่งชัดเจน ซึ่งก็นับเป็นข้อเสียได้ เพราะว่าเราจะสัมผัสได้ถึงความกระด้างที่เกิดขึ้นนั่นเอง”  

เบื้องหลังพวงมาลัย

“เบาะนั่งถือว่ารองรับสรีระดีมาก ขณะที่ทัศนวิสัยการมองเห็นก็ชัดเจนไม่มีปัญหาและไม่พบจุดบอด ความจริงแล้ว ผมรู้สึกว่า มันไม่ต่างอะไรกับรถเก๋งปกติทั่วๆ ไปเลยนะ” 

ระบบสาระบันเทิงและอุปกรณ์ต่างๆ  

“รถยนต์คันนี้มีวิทยุมาให้เหมือนคันอื่นๆ ส่วนช่องเสียบ USB อะไรทำนองนี้ไม่ค่อยแน่ใจนะ เพราะผมไม่เคยใช้ แต่ในเรื่องของหน้าจอระบบสัมผัสเนี่ย ผมว่ามันมีขนาดใหญ่และให้ความชัดเจนที่ดี ขณะที่ตำแหน่งการจัดวางของปุ่มควบคุมต่างๆ แน่นอนว่า ผมก็ต้องละสายตาออกจากถนนบ้าง ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ได้ถูกนับเป็นปัญหาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียในเรื่องนี้จะอยู่ที่เครื่องเสียง ซึ่งผมไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก ทว่าผมก็จะไม่เปลี่ยนมันหรอกนะ เพราะเอาเข้าจริงคุณภาพมันก็โอเคนั่นแหละ แต่ที่สำคัญเลยก็คือ เวลาขับขี่ ผมก็ไม่ได้มีสมาธิในการฟังเพลงสักเท่าไหร่อยู่แล้ว”

คุณภาพและความน่าเชื่อถือ

“วัสดุประกอบของเจ้า Nissan GT-R เนี่ย จะมีการตกแต่งด้วยหนังเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พลาสติกที่แทรกเข้ามาอยู่บริเวณคอนโซลมีการแตกให้เห็นแล้ว ซึ่งก็อาจเป็นเพราะความร้อนเวลาที่ผมจอดรถทิ้งเอาไว้นานๆ นั่นเอง”

ความปลอดภัยและระบบกันขโมย

“รถยนต์คันนี้มีเซ็นเซอร์มาให้เยอะมาก ถึงอย่างนั้น ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้งานมัน ผมพบว่าเซ็นเซอร์เกี่ยวกับเกียร์มีปัญหา ซึ่งผมก็ทำการซ่อมแซมมันไป อย่างไรก็ตาม เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถจะไม่มีมาให้ แต่กล้องมองหลังมีการติดตั้งเอาไว้ โดยภาพรวมผมถือว่าโอเค

 สำหรับเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยนั้น รถยนต์คันนี้จะมีการติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ทั้งหมด 8 ใบ ขณะที่ระบบเบรก ผมมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะว่าของเดิมมันให้ความรู้สึกขาดๆ ไปสักหน่อย” 

ความสุนทรีย์ในการขับขี่

“ด้วยความที่ผมมีการเปลี่ยนท่อมาใหม่ ส่งผลให้เสียงเครื่องยนต์ถือว่าดัง แม้จะปิดกระจกสนิทแล้วก็เถอะ ส่วนเสียงถนนเนี่ยได้ยินราวๆ 20% เท่านั้น ซึ่งถ้าขับช้าๆ จะไม่ได้ยินเลย ด้านเสียงลมจัดว่ามีบ้าง ทว่าก็ไม่เท่าไหร่และไม่ใช่ปัญหา”

พื้นที่และการใช้งานจริง

“พื้นที่บรรจุสัมภาระจะให้อารมณ์เดียวกับ Toyota Supra ซึ่งก็ถือว่ามาก กระเป๋าใบใหญ่ๆ สามารถเอาไปได้ด้วยสบาย แต่ส่วนใหญ่ผมจะใช้เก็บเสื้อผ้าและรองเท้า อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งด้านหลังถือว่าแคบ ผมว่าไม่มีเลยจะดีกว่า”  

การซื้อและการเป็นเจ้าของ

“คันนี้ผมสั่งซื้อมาจากญี่ปุ่น ราคาอยู่ที่ประมาณ 9,300,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ด้วย ส่วนเรื่องค่าน้ำมัน เต็มถังก็จะอยู่ที่ราว 2,500 บาท ถามว่าประหยัดมั้ย? ผมคิดว่า มันก็เป็นไปตามสไตล์ที่เราขับขี่ ถ้าเหยียบหนักก็เปลืองครับ แต่ถ้าไปเรื่อยๆ ก็โอเคอยู่”

OWNER’S Point