สื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะ นิสสัน นาวารา ใหม่ พาผจญภัยตลอดวันเดย์ทริปจากกรุงเทพสู่ยอดเขาระเบิด จังหวัดชลบุรี บนเส้นทางที่หลากหลายด้วยเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับชื่อเสียงเลื่องลืออันยาวนานของ นิสสัน นาวารา ได้รับการยอมรับเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับสมรรถนะการขับขี่ ความทนทานที่สามารถฝ่าทุกอุปสรรครวมถึงเส้นทางที่ยากเข้าจะถึง และนิสสัน นาวารา ใหม่นี้ ได้วนกลับมาเผยโฉมอีกครั้งเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา
นิสสัน ไม่เพียงแค่มุ่งหน้าที่จะจัดกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพของนิสสัน นาวารา เท่านั้น แต่ยังห่วงใยและใส่ใจผู้ร่วมกิจกรรมทำความสะอาดรถยนต์ทุกคันด้วยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามจุดสัมผัส เช่น พวงมาลัย เกียร์ เบาะ ที่จับประตู และคอนโซลหน้า ฯลฯ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ร่วมเดินทางทุกคนจะปลอดภัยในช่วงโควิด-19 นี้
เริ่มต้นเดินทางจากจุดสตาร์ทร้าน Starbucks Coffee สาขา Little Walk บางนา มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้เส้นทางการจราจรบนทางหลวงทั้งในเมือง และนอกเมือง สัมผัสกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ระหว่างทางขึ้นเขาระเบิดจะเป็นเส้นทางแบบออฟโรด โดยมีจุดหมายที่ลานร่มร่อนบนยอด ช่วงแรกส่วนใหญ่จะเป็นทางลูกรัง จึงต้องใช้โหมดการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบความเร็วสูง (4H) โดยสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนได้ทันทีขณะขับขี่ (shift-on-the-fly) เพียงแค่หมุน Rotor Switch
เราขับผ่านทางลูกรังกันมาสักพักแต่ก็ไม่พบกับอุปสรรคใด ๆ บน นิสสัน นาวารา ใหม่นี้ทั้งสิ้น ด้วยความที่ต่อให้ระบบบังคับเลี้ยวยังใช้พาวเวอร์แบบน้ำมันอยู่ก็ตาม มันถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิม 15% ไม่ว่าจะต้องหักซ้ายเลี้ยวขวาหรือต้องเจอทางโค้งก็มั่นใจได้มากขึ้น ควบคุมง่าย แม่นยำและเฉียบคมด้วยการปรับระยะการหมุนลงเหลือเพียง 3.4 รอบเท่านั้น
อุปสรรคที่เราพบก็คงจะเป็นเรื่องของสภาพถนนเอาซะมากกว่า แน่นอนว่าขึ้นเขาเราต้องเจอกับทางสูงชัน มีหลุมลึก มีร่องน้ำธรรมชาติ และมีหินก้อนใหญ่ตลอดทาง ซึ่งเราไม่สามารถใช้ความเร็วได้เลยมันจึงเหมาะเจาะที่เราจะได้ลองระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบความเร็วต่ำ หรือ 4LO ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ ก็จะพร้อมทำงานทันที เช่นระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HAS) เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) และโหมดช่วยเหลือใหม่ Off-Road Mode ที่ช่วยเพิ่มมุมมองขณะขับขี่แบบ 360 องศา ทำงานพร้อมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) เพื่อตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้บนหน้าจอกลาง
เราประทับใจระบบช่วงล่างมาก มันเหมือนกับนิสสันแก้เกมส์ได้ถูกจุดเลยทีเดียว ปรับจูนให้มีความหนึบมากขึ้นและไม่มีอาการย้วยใด ๆ เลย มอบประสบการณ์การขับขี่กระบะบนถนนออฟโรดได้ดีมากด้วยการปรับปรุงช็อกอัพเข้ามาลดการสั่นสะเทือนบนถนนขรุขระสมบุกสมบัน ของภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมอบความมั่นใจด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง All Terrain พร้อมสำหรับจะลุยไปบนเส้นทางทุกรูปแบบโดยเฉพาะเส้นทางออฟโรค เมื่อพูดถึงเรื่องของการปรับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ บนท้องถนนได้อย่างง่ายดาย
นิสสัน ไม่เพียงแค่พัฒนาระบบช่วงล่างเท่านั้นแต่รวมถึงตำแหน่งของการนั่งด้วยเบาะคู่หน้าที่ถูกออกแบบด้วยนวัตกรรม Zero Gravity ทำให้สามารถรองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์รวมถึงกระจกตอนหน้าแบบ Noise-Reducing Acoustic Glass ที่ทำให้ห้องโดยสารเงียบ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายในทุกการขับขี่
การกลับมาผงาดอีกครั้งของนิสสัน นาวารา ใหม่ ค่อนข้างปังไม่ละทิ้งตัวตนความเป็นตัวเองในเรื่องของความทนทาน มีช่วงล่างที่แน่นมากขึ้น กล้าลุยทุกท้องถนนมากขึ้น มันเหมือนกับว่า นิสสัน ค่อย ๆ ป้อนภาพบางอย่างให้เราจดจำการใช้งานที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุดของกระบะรุ่นใหม่นี้ไปโดยปริยาย เอาเป็นสั้น ๆ ง่าย ๆ เลย “ประทับใจ’