Overview Of Car
NEW MG HS PHEV หนึ่งในความคุ้มค่าที่จะแลกมาเพื่อครอบครอง เทคโนโลยีความปลอดภัยจัดเต็มกว่า 25 ระบบ ประหยัดทั้งเชื้อเพลิงและเงินในกระเป๋า สมรรถนะดีวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนไม่มีกระตุก
สัมผัสแรกกับรถยนต์อเนกประสงค์ เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นล่าสุดจากค่าย MG บนเส้นทางใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร มาพร้อมสมรรถนะสูงและระบบความปลอดภัยรอบคัน ราคา 1,359,000 บาท
ค่ายรถยนต์หน้าใหม่ของตลาดรถยนต์ไทยในตอนนั้นกลายมาเป็นสุดยอดแบรนด์เก๋าเกมส์สร้างเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองในตอนนี้ ผันตัวเป็นผู้นำด้านรถยนต์มากเทคโนโลยีจากความก้าวหน้าที่เรียกได้ว่าแทบจะก้าวกระโดด สู่การเป็นคู่แข่งทางการตลาด PHEV อย่าง Mitsubishi Outlander PHEV รุ่นพี่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
การเปิดตัวในครั้งนี้ของ NEW MG HS PHEV มาพร้อมกับแนวคิด“REFINEMENT” ขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต พัฒนาปรับเสริมเติมแต่งกันมาอย่างต่อเนื่องให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นโดยยึดมั่นใน 3 องค์ประกอบหลักสำคัญ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology) แฟชั่น (Fashion) และความคุ้มค่า (Value for money) อีกทั้งยังพร้อมยกระดับบริการอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุดค่ายรถยนต์ดังอย่าง MG ได้เชิญชวนสื่อมวลชนรวมถึงทีมงาน What Car ? Thailand เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะและการใช้แบตเตอรี่หรือพลังงานไฟฟ้าภายใต้กิจกรรม “1 Day 1 Liter with NEW MG HS PHEV” อย่างเป็นทางการ จากวิกฤตโควิด 19 จึงต้องใช้เส้นทางบริเวณกรุงเทพมหานครเป็นสนามพิสูจน์ตัวตน
และตอนนี้เราต้องขอแจงรายละเอียดเล็กน้อยของ NEW MG HS PHEV เอสยูวี ออปชั่นแน่น เทคโนโลยีจุใจ ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถทำงานสลับกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบกำลังแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร
ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ EDU II – 10 สปีดใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที รวดเร็วทันใจ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 7.5 วินาที สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 5 โหมด Normal, Eco, EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport
นอกจากนี้ยังฝังแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล 16.6 kWh ที่มีการใช้งานและสะสมพลังงานผลิตกำลังส่งผลให้มีระยะทางที่ไกลขึ้น มีการใช้ Hairpin Design ที่มอเตอร์สามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้และมีการระบายความร้อนแบบ Coolant
ซึ่ง NEW MG HS PHEV เป็นเอสยูวีที่มีการทำงานแบบผสานระหว่างเครื่องยนต์เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าเรียกออกมาได้อีกรูปแบบหนึ่งว่า ปลั๊กอินไฮบริด สุดนิยมที่กำลังติดเทรนด์วงการตลาดรถยนต์ในขณะนี้
เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นอีกหนึ่งทางจากการแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเทคโนโลยียิ่งเติมเต็มการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างการใช้พลังงาน EV ที่ทำให้เราสบายกระเป๋ามากกว่าเดิมแต่พอมี PHEV เข้ามาเรายังสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางที่ไกลขึ้นและประหยัดมากกว่านั้นอีก
สเปครถยนต์
Body Style: | SUV |
---|---|
Description: | เอสยูวี 5 ประตู 5 ที่นั่ง |
Engine: | เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ |
Fuel Consumption: | 65 กม./ลิตร |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | MG |
Max Power: | 284 แรงม้า |
Max Torque: | 480 นิวตันเมตร |
Model: | NEW MG HS PHEV |
Price Guide: | 1,359,000 บาท |
Release Date: | 24 กุมภาพันธ์ 256 |
0-100 km/h: | 7.5 วินาที |
Transmission: | เกียร์ EDU II – 10 สปีด |
การทดสอบครั้งนี้เป็นการขับโดยใช้โหมด EV เพียงอย่างเดียวทั้งทางตามเส้นทางที่ MG ได้เซ็ตเอาไว้โดยกำหนดให้วิ่งผ่านใจกลางเมืองเพื่อได้ทดลองขับตามลักษณ์การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทางกันนั้นมีการชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกเดินทางโดยตั้งตัวที่จุดสตาร์ท CDC พร้อมมุ่งหน้าสู่พระราม 9 ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและทะลุออกไปเส้นราชพฤกษ์ ซึ่งมีจุดหมายคือร้านกาแฟ Nana Hunter Coffee เพื่อวิ่งข้ามสะพานสาทรมาที่สีลม
การขับขี่และความประหยัดพลังงาน
จากข้อมูลทางการที่แจ้งเหล่าสื่อมวลชนไว้ว่า NEW MG HS PHEV สามารถทำระยะทางได้ 65 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง เพราะฉะนั้นตลอดการทดสอบนี้จะเน้นโหมด EV เป็นหลักสลับการใช้กับโหมด Hybrid เพื่อแสดงให้เห็นและให้เราจับอาการสัมผัสได้ถึงการทำงานร่วมกันของสองโหมดนี้ นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งมาว่าระยะทางที่เราจะทดสอบกันนั้นทั้งหมด 63 กิโลเมตร
เริ่มเข้าสู่โหมดกิจกรรม “1 Day 1 Liter with NEW MG HS PHEV” เป็นอันดับแรกจากจุดเริ่มต้น CDC ฝ่ารถติดในด่านแรกกับระยะทางเบา ๆ ที่ 30 กิโลเมตร การกดคันเร่งออกตัวนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ชะงัก ตอบสนองการทำงานได้เร็วและดีขึ้น
ต่อเส้นทางอีก 16 กิโลเมตรในช่วงที่ 2 ของการทดสอบสู่สารทรด้วยโหมด EV เช่นเดิมด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากตามสภาพการจราจรที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำหรับการทดลองขับขี่ในครั้งนี้และกิจกรรมดำเนินเข้าสู่ช่วงที่ 3 โดยการขับกลับมายังจุดเริ่มต้น CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา ด้วยระยะทาง 18 กิโลเมตร
ทั้ง 3 ช่วงของการทดสอบนั้นเราได้ลองทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเดิมที่ที่ MG HS มีขุมพลังเทอร์โบเป็นทุนเดิมจึงทำให้เราแอบคาดหวังเล็กน้อยว่ามันจะทำระยะเวลาได้ใกล้เคียงกับที่ทางค่ายป้อนข้อมูลมาแต่ผลที่ออกมามันเกือบจะแตะ 10 วินาทีเลยด้วยซ้ำ
ความผิดหวังจะไม่อยู่กับเราตลอดไปแน่นอน เช่นเดียวกับ NEW MG HS PHEV ที่พอเมื่อทำระยะทางได้ราว 60 กิโลเมตรแล้วมันเริ่มมีการสลับเข้าสู่การทำงานของเครื่องยนต์อัตราเร่งกลับทำได้แรงกว่าเดิมแบบชัดเจนหลังจากการใช้เส้นทางรอบกรุงเทพ
ระยะทางของการทดสอบตัวเลขออกมาอยู่ที่ราว ๆ 73.15 กิโลเมตร (เฉลี่ยจากรถทุกคัน) เกินจากที่ทางค่ายได้กำหนดเอาไว้ 63 กิโลเมตรและใช้ความเร็วไปทั้งหมดเฉลี่ยที่ 24.58 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามสภาพการจราจรบนถนนที่ค่อนข้างหนาแน่นเราคงเหยียบไปมากกว่านี้ไม่ได้ และสำหรับระยะทางที่เราได้ใช้เพียงแค่โหมด EV ล้วน ๆ ทำได้อยู่ที่ 60.15 กิโลเมตรยังไม่ถึงตัวเลขที่ถูกกำหนดเอาไว้ด้วยซ้ำ
มาดูอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของการทำงานในโหมด EV เพียงอย่างเดียวเฉลี่ยอยู่ที่ 44.40 กิโลเมตรต่อลิตร และเราแอบจับอาการบางอย่างได้ ถ้าหากเราเปลี่ยนโหมดการขับขี่ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ใช้ EV เพียงอย่างเดียวมันจะมอบอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกันลิบลับด้วยตัวเลข 32 กิโลเมตรต่อลิตร
การทำงานของระบบชาร์จพลังกลับสู่แบตเตอรี่สามารถทำได้โดยการยกเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบเบรก จากนั้นเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะรับไม้ปั่นกระแสคืนไฟ หากตั้งค่าการชาร์จไฟขณะขับขี่มันจะใช้เวลา 1% ต่อ 1 นาทีแต่ถ้ารถจอดนิ่งไม่ขยับระบบจะทำงานได้ช้าลงและใช้เวลาการชาร์จ 1% ต่อ 2 นาที
น่าเสียดายตรงที่การทำงานของระบบไฟฟ้าล้วนของ NEW MG HS PHEV ยังสู้คู่แข่งอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV ไม่ได้มากเท่าไหร่นักเนื่องจากการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ของ MG ทำได้ค่อนข้างช้ากว่าอยู่พอสมควร
ไม่เพียงแค่การชาร์จพลังงานกลับที่ช้าเท่านั้นแต่ระยะเวลาการชาร์จก็ค่อนข้างช้าเช่นกัน MG สามารถทำได้ดีในระดับนึงแต่ก็ยังไม่ถึง 80-90% ต่อการชาร์จ เพราะฉะนั้นเราคิดว่า MG HS PHEV เป็นรถยนต์ประเภทเอสยูวีที่เหมาะสมต่อการใช้งานในเมืองระยะสั้นเพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลอยู่ดี
แม้ว่าจุดอ่อนของ MG ค่อนข้างจะชัดเจนในเรื่องของความเร็วและปริมาณการปั๊มพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะที่เรากำลังขับขี่อยู่นั้นแต่แบตเตอรี่ของ MG ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าคู่แข่งทางการตลาดอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV
เราลองกดใช้โหมด Auto เพื่อทราบถึงวิธีการทำงาน ซึ่งขั้นตอนของมันจะเป็นการเกี่ยวข้องกันระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์เข้ามาทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าเมื่อรถยนต์ถูกวิ่งอยู่บนความเร็วที่สูงกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเรารู้สึกถึงความกระตุกเล็กน้อย
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อเข้าสู่โหมด Auto การตอบสนองของอัตราเร่งค่อนข้างทันใจส่งไวกว่าโหมด EV ระบบทำงานกันอย่างลื่นไหล อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการชาร์จไฟผ่านหน้าจอสัมผัส i-SMART ได้ โดยมีให้เลือก 3 ระดับ
ระบบช่วงล่างค่อนข้างหนึบและมีน้ำหนักจากการเพิ่มเหล่าอุปกรณ์พลังงานปลั๊กอินไฮบริดทำให้มีการสมดุลของตัวรถได้เป็นอย่างดีรวมถึงความแน่นและการขับขี่ที่สุดแสนจะสบายมากขึ้นภายใต้ความเป็นเอสยูวีมากกว่ารุ่น HS
พวงมาลัยที่เบากระชับมือยังให้ความมั่นใจและนุ่มนวลขณะเข้าโค้งกว่ารุ่นก่อนอย่าง MG HS อีกเช่นกัน แต่จะน่าเป็นห่วงก็ตรงที่เบรกมีระยะฟรีลึกและมากไปกว่าปกติ ถึงจะอย่างไรทุกอย่างก็อยู่ที่การใช้งานของแต่ละบุคคลหากใช้เวลาทำความคุ้นชินกับมันสักหน่อย NEW MG HS PHEV อาจจะกลายเป็นลูกรักคันโปรดของคุณเลยก็ได้
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ต้องยอมรับว่า MG HS PHEV ตัวนี้จัดหนักอัดเต็มกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วยระบบระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ อาทิ ระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist) , ระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System) , ระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist)
ทุกอย่างบนโลกใบนี้หากมีข้อดีข้อเสียก็จะตามมาเช่นกัน เรากำลังจะบอกทุกคนว่า ระบบความปลอดภัยที่แน่นหนานั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่การใช้งานของมันก็ส่งผลต่อแบตเตอรี่เช่นกัน ยิ่งใช้ระบบผู้ช่วยขับขี่มากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งสูบพลังงานของแบตเตอรี่ไปตามการใช้งาน
ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน
ในส่วนของการออกแบบรูปร่างมิติถังและภายในนั้นโดยรวมยังคงเป็น Sporty SUV ที่ไม่ต่างจาก MG HS รุ่นก่อนเท่าไหร่นัก จะมีเพียงบางอย่างที่ถูกเสริมเข้ามาเพื่อเติมเต็มความเป็นเอสยูวีที่สมบูรณ์และครบครันมากขึ้น
ภายนอกยังคงดีไซน์เดิมเพิ่มเติมคือการใช้งานของไฟหน้าที่เน้นการใช้งาน LED Projector มากขึ้น ทั้งไฟเลี้ยวที่ถูกออกแบบให้มีหน้าตาและวิธีทำงานคล้ายกับรถแถบยุโรปรวมถึงไฟเดย์ไทม์ในโคมเดียวกันพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟอัตโนมัติ ในขณะที่ด้านล่างของตัวรถล้อที่มีหน้าลวดลายแตกต่างออกไปแต่ยังคงใช้ขนาด 18 นิ้วเช่นเดิมและหลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่เกือบ 80% ของห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งสไตล์เฉพาะตัวดังเดิมเช่นกัน
ภายในให้ความสะดวกสบายเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสารที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้เป็นอย่างดี เพิ่มทางเลือกให้กับภายในด้วยสี 2-Tone Monaco Blue วัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat จาก Alcantara ซึ่งตำแหน่งผู้ขับสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง
สรุปความน่าใช้
การทดสอบด้วยระยะทางสั้น ๆ รอบตัวเมืองกรุงเทพมหานคร 1 วันเต็ม ทำให้เราได้รู้ว่า NEW MG HS PHEV เป็นเอสยูวี PHEV ที่เหมาะสมที่สุดทั้งการใช้งาน สมรรถนะ ความปลอดภัย ดีไซน์ ฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาเกือบรอบคัน ลูกเล่นมากมาย ระบบที่แทบจะทำหน้าที่มากกว่าผู้ขับมากับค่าตัวที่ถูกที่สุดในกลุ่ม เพียงแค่อาจจะยังสู้ Mitsubishi Outlander PHEV ไม่ได้ก็ตรงเรื่องของการชาร์จพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่และยังไม่สามารถดึงพลังงานออกไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือที่พักอาศัยได้
The Review
MG HS PHEV
เอสยูวีครบครันด้วยองค์ประกอบการดีไซน์ที่โดดเด่นที่สำคัญประกอบในประเทศไทย เรื่องประหยัดพลังงานยืนหนึ่ง ทำตัวเลขของอัตราเร่งออกมาได้สวย เหมาะสมกับการใช้งานบนถนนในเมืองหรือการเดินทางระยะสั้น
PROS
- ประหยัดพลังงาน
- การขับขี่ที่ดีและนุ่มนวล
- ภายในเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
- เทคโนโลยีครบครัน
CONS
- การดึงพลังงานชาร์จกลับสู่แบตเตอรี่ค่อนข้างช้า
- หากใช้ระบบช่วยเหลือขับขี่ทำให้เปลืองแบตเตอรี่มากกว่าเดิม
- เบรกมีระยะฟรีมากเกินไป
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
MG HS PHEV DEALS
We collect information from many stores for best price available