Audi เปิดตัว A1 เจนเนอเรชันที่ 2 ชูจุดเด่นด้านดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว อุปกรณ์ความปลอดภัย และฟีเจอร์ล้ำๆ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในคลาส Supermini
A1 เจนเนอเรชันที่ 2 เป็นรถที่เล็กที่สุดในแบรนด์ Audi มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยกระจังหน้า 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ไฟหน้า-ไฟท้ายดีไซน์คมเข้ม และช่องอากาศเล็กๆ 3 ช่องบริเวณปลายฝากระโปรงหน้าที่ได้แรงบันดาลใจจาก Sport Quattro ปี 1984
A1 เจนฯ 2 จะมีเฉพาะเวอร์ชัน 5 ประตูเท่านั้น ตัวถังโดยรวมมีขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ภายในห้องโดยสารตอนหลังมีมากขึ้น ห้องเก็บสัมภาระใหญ่กว่า A1 รุ่นก่อนหน้า 65 ลิตร สีตัวถังมีให้เลือกมากมายถึง 11 สี สีของหลังคา เสาหน้า เสาข้าง กระจกมองข้าง สเกิร์ตข้าง สามารถเลือกให้แตกต่างจากสีตัวรถได้ นั่นเท่ากับว่าผู้ซื้อสามารถเลือกสีสำหรับตกแต่งชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารได้ด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์ของ A1 ใหม่มีหลายรุ่น เป็นเบนซิน เทอร์โบ TFSI ทั้งหมดไม่มีเครื่องดีเซล ประกอบด้วย 1.0 ลิตร 3 สูบ 94 แรงม้า และ 1.5 และ 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีดมีมาเป็นมาตรฐาน เกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีดมีเป็นออปชันเสริม รุ่น 40 TFSI 197 แรงม้ามาพร้อมกับเกียร์ S Tronic 6 สปีดเป็นมาตรฐาน
A1 ใหม่นำเสนอออปชันเสริมสุดเทพอย่างโช๊คอัพแปรผัน ส่วนรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ให้อารมณ์เรซซิ่งเต็มพิกัด
อุปกรณ์มาตรฐานภายในประกอบด้วย จอหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน A1 รุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมระบบสาระบันเทิงจอสัมผัสบริเวณด้านบนคอนโซลกลางขนาด 8.8 นิ้ว ส่วนรุ่นท็อปจะเป็นขนาด 10.1 นิ้ว ระบบ MMI นี้มีจุดเด่นที่การรองรับคำสั่งด้วยการเขียนลงบนทัชแพดเหมือนกับระบบของ A8 ซาลูนตัวท็อป อีกทั้งยังรองรับคำสั่งเสียงด้วย
ระบบนำทางด้วยดาวเทียมสามารถค้นหาสถานที่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้ Google search หรือ Google Maps ล้ำหน้าขั้นสุดด้วยแพ็คเกจ MMI Plus ที่จะคอยรายงานสภาพการจราจรแบบสดๆ ให้ผู้ขับทราบ
เท่านี้ยังไม่พอเพราะระบบของ A1 ยังรองรับวิทยุดิจิตอล รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ตลอดจนรองรับ 4G LTE เพื่อบูสต์สัญญาณมือถือผ่านเสาอากาศรถยนต์ ด้านระบบความบันเทิงก็จัดเต็มด้วยระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง 2 ระบบให้ผู้ซื้อได้เลือกไปติดตั้ง หนึ่งในนั้นคือระบบเครื่องเสียงของ Bang & Olufsen 560W ลำโพง 11 ตัวรอบห้องโดยสาร ซึ่ง Audi บอกว่ายังไม่มีคู่แข่งคันไหนในคลาสเดียวกันที่กล้าให้ได้ขนาดนี้
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ประกอบด้วย เทคโนโลยีเรดาร์ด้านหน้ารถยนต์ที่สามารถรับรู้รถยนต์อื่นๆ จักรยาน และคนเดินเท้าข้างถนนได้อย่างชาญฉลาดแม้ในสภาวะที่หมอกลงจัด เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า เทคโนโลยีเรดาร์เดียวกันนี้จะทำงานร่วมกับ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติได้สูงสุดถึง 200 กม./ชม. และสามารถหยุดรถได้สนิทตามสถานการณ์ข้างหน้าได้ด้วย นอกจากนี้ A1 ใหม่ยังมีกล้องมองหลัง เซ็นเซอร์จอด และระบบจอดรถอัตโนมัติมาด้วย
A1 ใหม่ มีราคาเริ่มต้นราว 16,500 ปอนด์ (8.25 แสนบาท) เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย เริ่มเปิดขายเดือนพฤศจิกายน ในปี 2019 Audi จะแนะนำรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง S1 มาพร้อมกับขุมพลัง 250 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าสู่ตลาด เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการสมรรถนะอันเร้าใจ