มาตรฐาน NCAP rating เป็นมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์ใหม่ จัดทำโดยองค์กรอิสระต่างๆ ทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิภาพของรถยนต์ในการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ มาตรฐาน NCAP rating ประกอบด้วยการทดสอบความปลอดภัยในหลายด้าน ได้แก่
- การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection) เป็นการทดสอบการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนด้านหน้า การชนด้านข้าง การชนท้าย และการชนมุม
- การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection) เป็นการทดสอบการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนด้านหน้า การชนด้านข้าง และการชนท้าย
- การปกป้องผู้เดินถนน (Vulnerable Road Users Protection) เป็นการทดสอบการปกป้องผู้เดินถนนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนด้านหน้า การชนด้านข้าง และการชนท้าย
- ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (Advanced Safety Assistance) เป็นการทดสอบระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ และระบบเตือนการออกนอกเลน
คะแนนมาตรฐาน NCAP rating จะแสดงเป็นดาว โดยรถยนต์ที่มีคะแนนสูงจะแสดงด้วยดาวมาก รถยนต์ที่มีคะแนน 4 ดาวขึ้นไปถือว่ามีความปลอดภัยสูง รถยนต์ที่มีคะแนน 3 ดาวขึ้นไปถือว่ามีความปลอดภัยปานกลาง รถยนต์ที่มีคะแนนต่ำกว่า 3 ดาวถือว่ามีความปลอดภัยต่ำ
มาตรฐาน NCAP rating มีความสำคัญต่อผู้บริโภคในการเลือกซื้อรถยนต์ เนื่องจากช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบความปลอดภัยของรถยนต์แต่ละรุ่นได้ มาตรฐาน NCAP rating ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์พัฒนารถยนต์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในประเทศไทยมีมาตรฐาน NCAP rating อยู่ 2 มาตรฐาน ได้แก่
- มาตรฐาน ASEAN NCAP จัดทำโดยเครือข่ายทดสอบการชนแห่งอาเซียน (ASEAN NCAP)
- มาตรฐาน Euro NCAP จัดทำโดยเครือข่ายทดสอบการชนของยุโรป (Euro NCAP)
คะแนนการทดสอบของมาตรฐาน ASEAN NCAP แบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่
- คะแนน 0-2 ดาว: รถยนต์มีความปลอดภัยต่ำ
- คะแนน 3 ดาว: รถยนต์มีความปลอดภัยปานกลาง
- คะแนน 4 ดาว: รถยนต์มีความปลอดภัยดี
- คะแนน 5 ดาว: รถยนต์มีความปลอดภัยสูง