Overview Of Car
อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งที่ผสมผสานความกว้างขวางภายในห้องโดยสารเข้ากับรูปลักษณ์สมบุกสมบันและความสูงใต้ท้องแบบรถ SUV มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรพ่วงเกียร์ 4 สปีดเน้นใช้งานทนทานคุ้มค่า เงียบ นุ่มสบาย และขับดี ราคาเริ่มต้น 779,000 บาท
หากยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้วก่อนที่ Mitsubishi Xpander จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เราได้มีโอกาสไปทดลองขับเจ้าอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งคันนี้มาแล้ว ซึ่งการทดสอบในครั้งนั้นทำให้เราได้รู้จักตัวตนของรถรุ่นนี้มากขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ Xpander วางขายมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง กระแสของมันพุ่งแรงอย่างต่อเนื่องจนค่ายอื่นเริ่มตื่นตัวกับการกลับมาเกิดใหม่ของรถยนต์ในกลุ่มเซกเมนต์นี้ที่แต่เดิมไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาสักเท่าไร
ถ้าจะถามหาเหตุผลว่าทำไม Xpander ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าชาวไทย คำตอบน่าจะอยู่ที่ไอเดียเลิศๆ ของมิตซูบิชิที่ใช้จุดเด่นของรถยนต์สองประเภทคือ SUV และ MPV มายำรวมกัน ผลที่ได้คือรถอเนกประสงค์ที่จุคนได้มากถึง 7 คน พื้นที่ภายในกว้างขวาง ใส่ข้าวของได้เยอะ แถมยังพอลุยได้ในเส้นทางที่ไม่สมบุกสมบันเกินไป เหตุผลเหล่านี้อาจจะตรงสเปกกลุ่มลูกค้าที่ชอบความครบ คุ้มค่า ในราคาที่ไม่แพงเท่ารถ SUV ซึ่งเหมาะมากกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัว มีเด็กๆ ที่ต้องพาไปเปิดโลกกว้างในวันหยุดสุดสัปดาห์
Xpander คือรถอเนกประสงค์ที่เรามองว่ามันมีความลงตัวเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ท่านใดที่เป็นเจ้าของไปแล้วน่ารู้ถึงจุดเด่นนี้ดี แต่ถ้าท่านใดยังลังเล เรามาทำความรู้จักเจ้ารถอเนกประสงค์หน้าตาล้ำสมัยคันนี้กันเพิ่มเติมกันอีกหน่อยดีกว่า ถ้าพร้อมแล้วก็สตาร์ทเครื่อง เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งไปพร้อมกัน
สเปครถยนต์
Body Style: | MPV |
---|---|
Description: | Compact Crossover MPV 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยคุณสมบัติแบบรถ SUV |
Engine: | เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร |
Fuel Consumption: | 14.5 กม./ลิตร (ค่าโรงงาน) |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | Mitsubishi |
Max Power: | 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที |
Max Torque: | 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที |
Model: | Mitsubishi Xpander GT |
Price Guide: | 849,000 บาท |
Release Date: | สิงหาคม 2018 |
0-100 km/h: | 15.8 วินาที (ประมาณ) |
Transmission: | อัตโนมัติ 4 สปีด |
ขับดีถูกใจคนนิสัยพอเพียง
ขอเริ่มที่ส่วนสำคัญที่สุดนั่นคือการขับขี่กันก่อน Mitsubishi Xpander มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive สำหรับเรียกกำลังเพื่อเร่งแซง
ดูจากสเปกเครื่องยนต์มันชัดเจนอยู่แล้วว่านี่คือรถบ้าน เน้นขับสบาย ขับได้ง่ายทั้งชายหญิง สมรรถนะเพียงพอกับการขับขี่ทั่วไปทั้งในเมืองและขับออกต่างจังหวัด ประกอบกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงและกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชันบีม มอบสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับความนุ่มสบายให้กับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ปรับเซ็ตน้ำหนักมาดี พร้อมระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์ ด้านหลังแบบดรัม เบรกอาจไม่ถูกใจผู้ขับเพราะยังเป็นแบบเก่าอยู่ แต่เรามองว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เราเริ่มต้นทดสอบจากการขับขี่ในเมือง ความสงสัยแรกเกิดทันทีว่ารถขนาดใหญ่น้ำหนักตัวเกือบ 1.5 ตันแบบนี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แรงม้าน้อยนิดเพียง 105 ตัว และเกียร์ 4 สปีดจะเอาอยู่ไหม แต่ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยการขับจริงเท่านั้น Xpander เคลื่อนตัวอย่างสุขุมนุ่มนวล เครื่องยนต์และเกียร์รองรับการขับไหลๆ ตามการจราจรได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าอัตราเร่งตอนต้นจะค่อนข้างอืดแต่เมื่อลอยตัวแล้วก็ตอบสนองได้ดี
ด้วยความที่เป็นเกียร์ 4 สปีด อัตราทดระหว่างเกียร์จึงค่อนข้างกว้าง จังหวะเปลี่ยนเกียร์จึงมีการเสียจังหวะอยู่นิดๆ เพราะรอบเครื่องยนต์ที่ตัดลงมาเยอะ แต่ก็ยังนุ่มนวลไม่น่ารำคาญจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบ INC (Idle Neutral Control) ที่จะตัดต่อกำลังในเกียร์ D บนเส้นทางราบ เวลาเหยียบเบรกระบบจะตัดกำลังไปสู่เกียร์ N เมื่อปล่อยเบรกระบบจะตัดต่อกำลังไปสู่เกียร์ D อีกครั้ง เพื่อช่วยเรื่องอัตราสิ้นเปลือง
เมื่อออกเมืองกรุงสุดวุ่นวาย ก็ถึงเวลายืดเส้นยืดสายเจ้าอเนกประสงค์หน้าตาล้ำอนาคตคันนี้แล้ว ที่ความเร็วเดินทาง 100-120 กม./ชม. เครื่องยนต์และเกียร์ยังไหวอยู่ การคิ๊กดาวน์เพื่อเร่งแซงต้องเผื่อระยะสักหน่อยเพราะไม่ได้ดึงแบบฉับพลัน เครื่องยนต์ทำงานที่รอบค่อนข้างสูงราว 2,500-3,000 รอบต่อนาที เพราะฉะนั้นการขับทางไกลอาจจะไม่ประหยัดเท่าไรนัก จุดนี้ต้องยอมรับเพราะด้วยขนาดตัวรถกับเครื่องยนต์ที่ไม่ใหญ่โตมากมาย
พวงมาลัยของ Xpander ปรับเซ็ตน้ำหนักมาดี ที่ความเร็วต่ำจะเบา หมุนควงง่าย พอขับความเร็วสูงก็จะหนืดขึ้นและให้ความมั่นคง ระยะฟรีพวงมาลัยมีพอเหมาะพอดีทำให้ควบคุมกะระยะเลี้ยวได้ง่าย ทั้งยังมีความแม่นยำ
ช่วงล่างของ Xpander ทำงานได้คุ้มค่าจ้างมาก แม้ตัวรถจะค่อนข้างสูงแต่ยังหนึบและมั่นคงดีมากเมื่อใช้ความเร็วสูง ไม่ค่อยโคลงเคลงและโยนตัวเมื่อเข้าโค้ง ขณะที่ซับแรงสะเทือนก็ยังดีงามเทียบเท่ารถราคาแพงกว่า ป้องกันแรงสะเทือนจากอุปสรรคบนผิวถนนไม่ให้เข้าสู่ห้องโดยสารได้ดี วิ่งผ่านรอยปะถนนหรือคอสะพานได้อย่างนุ่มนวล เสียงกระแทกช่วงล่างไม่ตึงตังมากเกินไป
การเซ็ตแป้นเบรกเบรกค่อนข้างลึก เหยียบลงไปแรกมีความรู้สึกเหมือนฟรี ต้องค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักการเหยียบแล้วจึงจะเริ่มรู้สึกหน่วง ฟีลลิ่งเบรกแบบนี้จ้อดีคือความนุ่มนวลแต่ช่วงแรกอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจให้ชินกับจังหวะสักพัก หลังจากเข้าใจแล้วก็จะใช้งานได้อย่างปกติ เบรกเอาอยู่ทุกช่วงความเร็วอยู่แล้ว
อีกจุดที่น่าชื่นชมคือการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก Xpander มีการติดตั้งวัสดุซับเสียงรอบห้องโดยสาร การขับขี่ความเร็ว 120 กม./ชม. ยังคงเงียบสบายหูอยู่ เสียงลมและเสียงถนนไม่เข้ามารบกวนจนน่ารำคาญเกินไป ขณะเดียวกันก็ยังป้องกันแรงสะเทือนจากเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
จากการขับขี่มาทั้งหมด ใช้ความเร็วเดินทางที่ 100-120 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองจากหน้าปัดแสดงตัวเลขอยู่ที่ราว 12 กม./ลิตร ถ้าดูจากสเปกที่มิตซูบิชิยืนยัน 14.5 กม./ลิตร ก็ถือว่าใกล้เคียง เอ็มพีวี 7 ที่นั่งที่ทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองได้ระดับนี้ถือว่าน่าพอใจเลยทีเดียว
เรื่องราวของดีไซน์
Mitsubishi Xpander มาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัย โดดเด่น ดึงดูดทุกสายตา ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ หน้ารถที่ดีไซน์เหมือนโล่ทำให้มิติตัวรถดูสูงใหญ่ซึ่งให้ทั้งความรู้สึกโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่งไปพร้อมกัน นี่เป็น Design Language แบบเดียวกับ Pajero Sport และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของมิตซูบิชิในอนาคต
หน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบทึบ ผสานกับกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตดุดัน ไฟหน้าแบบแยกชิ้นชวนให้หลายๆ คนสับสน ข้างบนเป็นไฟหรี่แบบ LED ตำแหน่งของไฟหน้าจะอยู่ต่ำลงมาที่กันชนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ใช้ทางเท้ารวมถึงผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา ถัดลงมาเป็นไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอกหน้าทรงกลม น่าเสียดายที่ไฟหรี่นี้ไม่ได้ติดตลอดเวลาเป็นไฟ Daytime Running Light
มือเปิดประตูและคิ้วขอบกระจกประตูเป็นโครเมียม มีแผ่นกันกระแทกสีเงินที่ใต้กันชนหน้าและหลัง รวมถึงคิ้วขอบประตูด้านล่างข้างตัวรถ เสริมภาพลักษณ์สมบุกสมบันแบบเอสยูวีได้เป็นอย่างดี
ด้านท้ายมาพร้อมกับไฟท้าย LED L-Illumination Tube ดีไซน์หรูพร้อมไฟเบรกแบบแยกส่วน ด้านบนมีสปอยเลอร์ติดตั้งมาให้พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED บริเวณกันชนท้ายติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงมาให้ด้วย
มิติตัวรถยาว 4,475 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,700 มม. ระยะฐานล้อ 2,775 มม. น้ำหนัก 1,240 กก. รถที่เราทดสอบติดตั้งล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55 R16
Xpander แสดงออกถึงการผสมผสานระหว่าง SUV และ MPV อย่างชัดเจนด้วยความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่มากกว่ารถยนต์ในเซกเมนต์เดียวกันที่ 205 มม. (สำหรับล้ออัลลอย 16 นิ้ว) เพิ่มศักยภาพการบุกตะลุยได้บนหลากหลายสภาพเส้นทาง พร้อมข้ามผ่านได้ทุกอุปสรรค และช่วยให้ฝ่าสภาพน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีมิติตัวถังที่ใหญ่โต และมาพร้อมกับตำแหน่งที่นั่งขับขี่ที่สูงกว่า
ภายในสะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสารของ Xpander เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและมีความกว้างขวางที่สุดในรถระดับเดียวกัน มิติในห้องโดยสารที่กว้างและสูง สามารถปรับเบาะที่นั่งที่ได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสารสูงสุด 7 คนด้วยพื้นที่ช่วงขาและช่วงไหล่พร้อมให้ความกว้างขวางสะดวกสบาย
เมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับ ความรู้สึกแรกคือเบาะสูงเหมือนนั่งรถกระบะ ความโปร่งสบายของห้องโดยสารทำให้ทัศนวิสัยรอบคันดีมาก เสาหน้าเล็ก มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหลังกว้าง ขึ้นลงสะดวกด้วยกระตูขนาดใหญ่ พื้นที่ตอนหน้ามีมากมาย คนตัวสูงมากๆ นั่งสบายไม่อึดอัด
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว วัสดุภายในห้องโดยสารเป็นพลาสติกแข็งเกือบทั้งหมดทั้งแดชบอร์ดและแผงประตูแต่มีการขึ้นลายให้มีลักษณะคล้ายกับวัสดุหนัง พร้อมตกแต่งด้วยสีเงินตัดกับห้องโดยสารโทนสีดำเพื่อเพิ่มความพรีเมี่ยม
การจัดเรียงแผงควบคุมทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงการใช้งานได้ง่าย พร้อมกับช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้าและมอบความปลอดโปร่งยิ่งขึ้นแก่ห้องโดยสาร รองรับการใช้งานได้อย่างครบครันด้วยช่องจัดเก็บของมากมายและช่องชาร์จกระแสไฟฟ้า 12V 3 ตำแหน่งสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับแบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มี Cruise Control
ระบบความบันเทิงเป็นเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อตั้งแต่ CD และ DVD ไปจนถึง Bluetooth, USB และ AUX มาพร้อมลำโพงทั้งหมด 6 จุด คุณภาพเสียงถือว่าพอใช้ได้ และยังสามารถปรับ EQ ได้เองด้วย
เบาะแถว 2 แยกพับ 60:40 มีที่เท้าแขนตรงกลาง ปรับเลื่อน-ปรับเอนได้ สามารถพับพนักพิงราบลงกับเบาะนั่ง แล้วกระดกไปแนบกับด้านหลังของพนักพิงเบาะหน้าเพื่อเปิดทางให้ผู้โดยสารเบาะแถว 3 เข้า-ออก เบาะแถว 3 แยกพับแบบ 50:50 พื้นที่วางขาสำหรับเบาะแถว 3 ค่อนข้างจำกัด เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ถ้าผู้ใหญ่นั่งต้องปรับเลื่อนเบาะแถว 2 ไปข้างหน้าเล็กน้อย
สะดวกสบายด้วยแอร์ตอนหลังแยกอิสระ 4 ช่อง ปรับระดับแรงลมได้อย่างทั่วถึง พร้อมช่องจ่ายไฟ 12V และช่องเก็บของมากมาย เนื่องด้วยเบาะแถว 2 และแถว 3 สามารถพับราบเสมอกันได้ทั้งหมด ห้องเก็บสัมภาระของ Xpander จึงมีขนาดใหญ่มาก แถมยังมีช่องเก็บของใต้พื้นสำหรับใส่ของจุกจิก
ความปลอดภัย
Mitsubishi Xpander อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้องครบครัน ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL-Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS-Anti Lock Braking System) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS-Emergency Stop Signal System) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง ตลอดจนกล้องมองภาพด้านหลัง
สรุปความน่าใช้
Mitsubishi Xpander ผสมผสานความเป็นเอสยูวีและเอ็มพีวีเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ที่ดูสูงใหญ่และแข็งแกร่ง ไปจนถึงการใช้งานจริง สมรรถนะเหมาะสมกับการเป็นรถครอบครัวที่อัตราเร่งไม่ต้องจัดจ้านแต่เน้นขับสบายและนุ่มนวล เกียร์ 4 สปีดที่น่ากังขาเมื่อลองแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ที่น่าชื่นชมคือช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ทำมาดีมาก และสิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันคือความสามารถในการลุยด้วยความสูงใต้ท้องรถที่มากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป เจอทางลูกรัง หลุมบ่อ หรือน้ำท่วมขังก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ความอเนกประสงค์ของ Xpander คือจุดแข็งอีกประการหนึ่งของรถรุ่นนี้ ภายในกว้างขวางมาก พร้อมห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่เมื่อพับเบาะ ทำให้ทุกการเดินทางสามารถขนไปได้หมดทั้งคนทั้งของ จุดด้อยของ Xpander น่าจะอยู่ที่การตกแต่งห้องโดยสารเพราะยังดูราคาถูกไปนิด ใช้วัสดุพลาสติกแข็งมากเกินไปทำให้ดูแข็งทื่อและอาจเป็นรอยขูดขีดได้ง่าย
Xpander น่าจะเป็นรถที่ตอบโจทย์ใครหลายๆ คนที่กำลังมองหาความครบครันในงบ 8 แสนครึ่ง จากการที่ได้ทำความรู้จักอย่างลึกซึ้งเป็นเวลาหลายวันทำให้เรารู้ว่าเพราะเหตุใดความนิยมในรถรุ่นนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันคือเซกเมนต์ใหม่ที่กำลังสร้างทางเดินเป็นของตัวเอง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเริ่มมีคู่แข่งใหม่มาท้าประลองเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่ง ที่ชัดเจนเร็วๆ นี้ก็คือ All-New Chevrolet Captiva ที่ประกาศกร้าวแล้วว่าจะลงมาเล่นในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง เราก็ต้องมารอดูกันอีกทีว่าจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ตอนนี้ถ้าคุณเลือก Xpander เงินก้อนที่จ่ายไปจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจที่สุด
The Review
Mitsubishi Xpander
Mitsubishi Xpander เหมาะกับครอบครัวที่ไม่ต้องการซื้อรถราคาแพงๆ แต่มีพร้อมคุสมบัติที่ครบถ้วนทั้งความอเนกประสงค์ ความสมบุกสมบัน ภายในที่กว้างขวางรองรับได้ 7 คน และมีอุปกรณ์ที่สมเหตุสมผลกับราคาค่าตัว
PROS
- ใหญ่ ภายในกว้างขวาง มากล้นด้วยความอเนกประสงค์
- ความสูงใต้ท้องรถที่พอๆ กับเอสยูวี ลุยได้หายห่วง
- ช่วงล่างหนึบแน่น เกาะถนน
- ดีไซน์ภายนอกแข็งแกร่งบึกบึน
- การป้องกันเสียงรบกวนดี
- ราคากับออปชั่นที่ได้สมเหตุสมผล
CONS
- เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด จำนวนเกียร์น้อยไปหน่อย
- เครื่องยนต์ทำงานหนักเมื่อใช้ความเร็วสูง
- อัตราเร่งช่วงต้นไม่ปรู๊ดปร๊าด
- การตกแต่งภายในธรรมดาๆ ใช้พลาสติกแข็งเป็นส่วนใหญ่
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
Mitsubishi Xpander DEALS
We collect information from many stores for best price available