ฟอร์ด ประเทศไทย ยกคาราวานสื่อมวลชนร่วมทำภารกิจสุดท้าทาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง บ้านเลตองคุ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก พร้อมพิสูจน์สมรรถนะ ความแข็งแกร่ง ทนทาน และการบรรทุก พร้อมรับมือทุกถานการณ์ของ Ford Ranger สยบทุกเส้นทางโหด ผ่านกว่า 3,000 โค้ง กับภารกิจเพื่อชุมชนอันห่างไกล “Mission Possible”
ทริป Mission Possible ในครั้งนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย พาสื่อมวลชนบุกตะลุยไปที่บ้านเลตองคุด้วยรถกระบะ Ford Ranger Wildtrak 4×4 และ Ranger Limited 4×4 ทุกคันต้องฟันฝ่าอุปสรรคบนเส้นทางไป-กลับกว่า 500 กม. ที่มีทั้งถนนลาดยางเลนสวนสุดคดเคี้ยว และเส้นทางออฟโรดเต็มขั้นช่วงสุดท้ายก่อนถึงจุดหมายประมาณ 17 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นภารกิจที่โหดพอตัวเลยทีเดียวเพราะทุกคันต้องบรรทุกสัมภาระเต็มพิกัดด้วย
ในวันแรก คาราวาน Ford Ranger เริ่มภารกิจสุดท้าทายหลังเดินทางถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ด้วยการจับจ่ายและเลือกซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับกิจกรรมที่ทางสื่อมวลชนจะเข้าไปร่วมพัฒนาชุมชนในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นอาหาร แท้งก์น้ำ เครื่องปั่นไฟ โซลาร์เซลล์ และวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ในการบูรณะโรงเรียนและสถานที่สาธารณะในชุมชน ซึ่งล้วนมีน้ำหนักมาก Ford Ranger ได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ด้วยศักยภาพที่เหนือชั้นในการบรรทุกได้กว่า 961 กิโลกรัม และลากจูงได้สูงถึง 3,500 กิโลกรัม พร้อมพื้นที่ท้ายกระบะกว้างและฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift Tailgate ช่วยลดการออกแรงและเพิ่มความสะดวกในการปิดเปิดฝาท้าย ทำให้สื่อมวลชนจิตอาสาสามารถจัดการงานหนักได้อย่างง่ายขึ้น
จากนั้น คาราวาน Ford Ranger ได้ออกเดินทางพร้อมบรรทุกสัมภาระหนักต่างๆ มุ่งหน้าสู่อำเภออุ้มผาง กว่า 170 กิโลเมตรบนเส้นทางที่เป็นแบบเลนสวนและแคบ บวกกับโค้งซ้าย-ขวาพันๆ โค้งบนเทือกเขาสูง และฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเกือบตลอดเส้นทาง ทำให้การขับขี่วันนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
ด้วยช่วงล่างที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพิเศษที่เชื่อมต่อด้วย Ford Smart Mount ช่วยกระจายน้ำหนักไปทั่วท้ายกระบะ รวมทั้งระบบพวงมาลัยไฟฟ้าและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว จึงช่วยให้การควบคุมรถและการทรงตัวผ่าน 2,019 โค้ง ตลอดเส้นทางกว่า 170 กิโลเมตร จากอำเภอแม่สอดไปยังอำเภออุ้มผาง เป็นไปได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
ในวันถัดมา คาราวาน Ford Ranger พร้อมออกเดินทางสู่บ้านเลตองคุ พื้นที่วัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงลัทธิฤาษีที่มีประวัติศาสตร์นานกว่า 200 ปี ที่ยังคงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก วิถีชีวิตของกระเหรี่ยงเลตองคุ คือการปลูกพืชสวน พืชไร่ โดยยังคงรักษาวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อแบบดั้งเดิมไว้ เช่น การห้ามตัดผม โดยผู้ชายจะมวยผมไว้ตรงกลางหัว ส่วนผู้หญิงจะมวยผมไว้ที่ท้ายทอย ชาวเลตองคุจะไม่เลี้ยงและไม่กินเนื้อสัตว์เลี้ยงทุกชนิด เช่น หมู เป็ด ไก่ สัตว์ที่เลี้ยงเช่น ช้าง วัว และควาย จะเอาไว้ใช้งานเท่านั้น ห้ามกินเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ มีบุญคุณ และถ้าสัตว์เหล่านี้ตายไปจะต้องทำพิธีเผาให้ด้วย ส่วนสัตว์ที่ชาว เลตองคุกินคือปลาและสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงไว้ นอกจากนี้ยังห้ามดื่มเหล้าด้วย หมู่บ้านเลตองคุเคร่งครัดเรื่องประเพณี ความเชื่อ และมีกฎระเบียบเป็นอย่างมาก
ในการเดินทางเข้าถึงบ้านเลตองคุ ซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ต้องเดินทางผ่านแนวเขาทางโค้งและขึ้นลงลาดชัน ต่อด้วยเส้นทางที่แคบและขรุขระ เป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร คาราวาน Ford Ranger ได้ขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมทดสอบอัตราเร่งและสมรรถนะของเครื่องยนต์และเกียร์ของรุ่น Wildtrak และ รุ่น Limited เครื่องดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ของ Wildtrak มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำให้การขับขี่ในวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกตื่นเต้น พละกำลังที่มากมายทำให้การขับขี่บนทางลาดชันเป็นเรื่องง่าย ขณะที่การบังคับควบคุมก็และเอาอยู่ทุกสภาวะถนน ขณะที่และเครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ของรุ่น Limited ที่กำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวตันเมตร ก็ให้ผการขับขี่ที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน นอกจากนี้ ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (HDC) ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางแบบสมบุกสมบันได้เป็นอย่างดี
ไฮไลต์ของวันนี้คือเส้นทางเข้าหมู่บ้านเลตองคุช่วงสุดท้าย นี่คือเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรไป-มาปกติแต่คาราวาน Ford Ranger เจอกับกลุ่มฝนตลอดวันทำให้เส้นทางนี้ไม่ง่ายที่จะขับผ่านไป Ranger Wildtrak และ Limited ต้องเจอกับบทพิสูจน์ของจริงบนผิวทางที่เละเทะไปด้วยโคลน บวกกับร่องลึก แอ่งน้ำ และเนินสูง-ต่ำมากมาย การขับขี่จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ต้องขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ต้องขับตามไลน์ที่เจ้าหน้าที่บอก ต้องใช้เกียร์รวมไปถึงรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมในการไต่ระดับ เพราะหากใช้รอบเครื่องที่มากเกินไปกำลังที่ถูกส่งไปยังล้ออาจสูญเปล่า และด้วยความที่ยางเดิมติดรถเป็นแบบ High Terrain ทำให้ประสิทธิภาพการตะกุยโคลนสู้ยาง Mud Terrain ไม่ได้ ดังนั้นการขับช่วงนี้ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นไปอีก เชื่อหรือไม่ว่าระยะทางเพียงแค่ 17 กม. ใช้เวลาขับถึง 3 ชั่วโมง
เมื่อเดินทางถึงบ้านเลตองคุ คาราวาน Ford Ranger ได้ร่วมแรงร่วมใจทำภารกิจเพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะสะพานไม้ที่ชำรุดที่ใช้เป็นทางเข้าออกหลักระหว่างหมู่บ้านกับชุมชนภายนอก รวมถึงร่วมแรงร่วมใจกันปรับปรุงและฟื้นฟูโรงเรียน ตชด. บ้านเลตองคุ โดยเปลี่ยนหลังคาโรงอาหารที่ชำรุดทรุดโทรม ปรับปรุงพื้นกระเบื้องยางในห้องเรียนเพื่อให้เด็กๆ เรียนหนังสือได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทาสีอาคารเรียนใหม่ ติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มแสงสว่าง ติดตั้งเครื่องกรองน้ำและแท้งก์น้ำเพื่อให้ชุมชนมีน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภค และปรับปรุงระบบแสงสว่างให้สุขศาลาประจำหมู่บ้าน โดยอุปกรณ์ต่างๆ ได้บรรทุกเข้ามาโดยฟอร์ด เรนเจอร์ทั้ง 10 คัน หลังเสร็จภารกิจ สื่อมวลชนได้ตั้งแคมป์พักแรม และรับประทานอาหารพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยงฤาษี พร้อมชมการแสดงพื้นบ้าน รำตง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน
วันรุ่งขึ้น สื่อมวลชนได้ออกเดินทางสู่บ้านเปิ่งเคลิ่ง สุดเขตชายแดนประเทศไทย ติดบ้านห้วยแดนทางฝั่งพม่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่สำคัญและมีประวัติความเป็นมามากว่า 100 ปี ระหว่างการเดินทาง สื่อมวลชนได้ทดสอบการขับขี่แบบต่างๆ อีกครั้ง วันนี้เส้นทางขากลับออกมาเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเพราะมีฝนตกตลอดคืน การขับขี่ในช่วงนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ระบบ 4×4 Low พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย ต้องผ่านการทดสอบจากสนามจริงและพวกมันก็ช่วยให้ คาราวาน Ford Ranger ผ่านพ้นอุปสรคไปได้ด้วยดี เป็นปิดท้ายทริปภารกิจเพื่อชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ก่อนเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
สมรรถนะ เทคโนโลยีการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของ Ford Ranger เป็นที่มาของภารกิจในครั้งนี้ แน่นอนว่ายังมีผู้คนและชุมชนในเขตพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก การเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ จึงต้องอาศัยยานพาหนะที่ตอบโจทย์การขับขี่บนเส้นทางที่ยากลำบาก แต่ด้วยศักยภาพและสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด รวมถึงความสามารถในบรรทุกของหนักและลากจูงของ Ford Ranger ทำให้ภารกิจ ‘Mission Possible’ ในครั้งนี้เป็นไปได้และสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ภารกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากตัวรถเพียงอย่างเดียว หากคือจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของผู้ร่วมกิจกรรมทุดคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่อันห่างไกล ถือว่าเป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมเลือน
ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย ที่เชิญชวนให้ WHAT CAR? Thailand ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมมันส์ๆ แบบนี้ และขอขอบคุณ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่จากประเทศสวีเดน ที่เอื้อเฟื้อชุดอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระในการเดินทางทำกิจกรรมในครั้งนี้
Gallery