มินิ ประเทศไทย เปิดตัว Mini Cooper SE รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากมินิ ผสานดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา และคุณภาพระดับพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันภายใต้เอกลักษณ์ความเป็นมินิได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้เปิดตัว Mini Cooper SE ซึ่งแท้จริงแล้วทางมินิ ประเทศไทย มีแผนจะเปิดตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ด้วยกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาง BMW Group Germany ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยจึงเลือกที่จะส่ง Mini Cooper SE เข้ามาทำตลาดเป็นที่แรกในเอเชียแปซิฟิก
โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แบบมินิ
Mini Cooper SE สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตู ผสานกับการตกแต่งที่ทันสมัย สัดส่วนต่าง ๆ ของตัวรถยังคงความคล่องตัวในสไตล์มินิ มาในโครงสร้าง 3 ส่วนประกอบด้วย โครงสร้างตัวถัง หน้าต่างรอบด้านและหลังคารถ และการออกแบบให้ล้ออยู่ใกล้กับกันชน ซึ่งรวมถึงความกว้างของฐานล้อ เส้นสายการออกแบบที่โดดเด่นและชัดเจนสะท้อนถึงเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคต
ไฟหน้า Adaptive LED ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมด้วยไฟ Daytime Running Light แบบวงแหวน ไฟตัดหมอกแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค ฝาครอบเต้าชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric บ่งบอกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สัญลักษณ์นี้ยังปรากฎบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ และกระจังหน้า สะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้างในสีเดียวกัน สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัว
Mini Cooper SE มีการออกแบบกระจังหน้าใหม่ที่ปรากฎเฉพาะในรถรุ่นนี้เท่านั้น ใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคันและกระโปรงท้ายรถในรูปลักษณ์สะดุดตา ล้วนมีส่วนช่วยลดแรงต้านของอากาศ ซึ่งเมื่อปราศจากท่อไอเสีย อากาศจึงสามารถไหลผ่านใต้ท้องรถไปยังท้ายรถได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Corona สีทูโทน พร้อมยางรันแฟลต
ภายในสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ห้องโดยสารของ Mini Cooper SE มาพร้อมเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตวัสดุผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ใหม่ในดีไซน์เฉพาะ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน แยกการระบายอากาศและการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอปพลิเคชั่น MINI Connected ในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ
แผงหน้าปัดปรับเปลี่ยนเป็นจอดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้วด้านหลังพวงมาลัย ความเร็วในการขับขี่จะแสดงผลทั้งในแบบตัวเลขและแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเกี่ยวกับระดับพลังงานของแบตเตอรี่ โหมดการขับขี่ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมทั้งเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ โดยจะเปลี่ยนสีไฟตามสถานะการชาร์จ ได้แก่ สีส้มขณะเริ่มชาร์จ สีเหลืองขณะกำลังชาร์จ และสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม โดยหากมีความผิดปกติใด ๆ ในระหว่างการชาร์จ จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยไฟสีแดง
กลางแดชบอร์ดหน้าเป็นจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว รองรับการแสดงผลจากบริการ MINI Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น จอ eDrive ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือกต่าง ๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับขี่ มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน อาทิ MINI Navigation system ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ Apple CarPlay และระบบเสียงพรีเมี่ยมจาก Harman Kardon
ออปชั่นอื่นๆ ได้แก่ ระบบ Comfort Access พร้อม Keyless Entry, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อม Keyless Start, ไฟ Ambient light, Cruise Control และ MINI Head-up display เป็นต้น
ขุมพลังไฟฟ้าในสไตล์มินิ
Mini Cooper SE สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตูแต่แทนที่เครื่องยนต์สันดาปภายในด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้แฮทช์แบ็กคันนี้ไร้การปล่อยมลพิษได้อย่างแท้จริง ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดให้กำลังสูงถึง 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร สมรรถนะของรถคันนี้ไม่ธรรมดา อัตราเร่งจาก 0-60 กม./ชม. ทำได้ใน 3.9 วินาที เทียบชั้นได้กับรถสปอร์ต ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. และมีระยะทางขับขี่สูงสุดราว 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 17 kWh/100 กม.
ระบบส่งกำลังและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่าง ๆ จะติดตั้งอยู่บริเวณใต้ฝากระโปรงหน้าในโครงสร้างรูปทรงท่อ ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้ท้องรถ ความจุแบตเตอรี่ 32.6 kWh
มอเตอร์ไฟฟ้าของ Mini Cooper SE มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปและยังมีน้ำหนักเบากว่ามาก จึงทำให้กระจายน้ำหนักสู่เพลาได้อย่างสมมาตรยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อผสานกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของรถแล้วจึงทำให้มีความคล่องตัว ควบคุมได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้นแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และยังมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้นจากตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง การติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใต้ท้องรถเช่นนี้ ทำให้มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถและพื้นถนน Mini Cooper SE จึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่น ๆ 18 มม.
ด้วยความที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานโดยแทบจะไร้เสียง ดังนั้นจึงต้องมีการติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับ Mini Cooper SE เท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
ขับสนุกเร้าใจได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า
เทคโนโลยีช่วงล่างได้รับการพัฒนาและตั้งค่ามาเพื่อ Mini Cooper SE โดยเฉพาะ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าของ Mini Cooper S อย่างน้อย 30 มม. นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่เสริมความสนุกสนานขณะโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น
โหมดการขับขี่มี 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่โดยการจำกัดหรือหยุดการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นระบบปรับอากาศหรือระบบอุ่นเบาะที่นั่ง เป็นต้น
อีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Mini Cooper SE คือมีระบบนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) เป็นครั้งแรก ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งเท่านั้น
ชาร์จได้อย่างสะดวกง่ายดาย
Mini Cooper SE รองรับการชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบทั้งปลั๊กไฟในบ้าน (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ โดยสามารถรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2
แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 kW ชาร์จถึง 80% ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 3.5 ชั่วโมง หากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-charging, Mini Cooper SE รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 kW ชาร์จ 80% ภายใน 36 นาที
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ ChargeNow ซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยของ Mini Cooper SE เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทุกชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากได้เกิดการชน ในส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่ภายใต้กันชนและโครงสร้างมอเตอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงจะติดตั้งอยู่ภายในแผ่นรองฐานใต้ท้องรถทีออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมีออปชั่นความปลอดภัยแบบครบๆ อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และศีรษะ, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, รวมถึง Park Distance Control พร้อมกล้องมองหลัง
Mini Cooper SE มีราคาค่าตัว 2,290,000 บาท รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard ครอบคลุมการบำรุงรักษานาน 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เปิดให้พรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14:14 น. เป็นต้นไปทางเว็บไซต์ www.mini.co.th ในจำนวนจำกัดเพียง 25 คันเท่านั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mini.co.th หรือ www.facebook.com/MINI.Thailand
Gallery