Overview Of Car
รถเปิดประทุนร่างเล็กนำเสนอสไตล์การขับขี่แบบ Go-Kart Feeling พร้อมกับความสนุกสนานในทุกจังหวะที่กดคันเร่ง ชัดเจนด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และยังไม่ลืมประโยชน์ใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ที่รถเล็กควรมี ราคา 3,030,000 บาท
รถเปิดประทุนกับอากาศเมืองไทย ดูยังไงก็ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ คนส่วนใหญ่อาจมองเจ้ารถพวกนี้ว่าไม่มีประโยชน์ จะเปิดหลังคาวิ่งกันสักกี่ครั้งเชียว แต่สำหรับคนที่ครอบครองรถเปิดประทุนแล้ว มันเป็นความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปไม่มีวันเข้าใจ มันคือรถที่บ่งบอกถึงตัวตน สไตล์ วิถีชีวิต และความอิสระ ยามที่เปิดหลังคาวิ่งรับลมชิลๆ บนถนนสวยๆ ภูเขา หรือ ชายทะเล เมื่อนั้นแหละที่คุณจะรู้สึกได้ถึงคุณค่าที่รถพวกนี้มอบให้ ถึงเวลานั้นคนทั่วไปอาจจะได้แต่มองดูด้วยความอิจฉาเบาๆ ก็เป็นได้
เมื่อพูดถึงรถที่บ่งบอกถึงตัวตนและสไตล์ของเจ้าของได้มากที่สุดคงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า Mini อีกแล้ว นี่คือรถที่แค่มองก็รู้สึกได้ถึงความสนุก ขี้เล่น น่ารัก และเป็นมิตร จนมันสามารถครองใจผู้คนทั่วมายาวนานกว่า 60 ปี Mini ธรรมดาที่เป็นทรงแฮทช์แบ็กก็จัดว่าโดเด่นแล้วเมื่อโลดแล่นบนท้องถนน แต่ความโดดเด่นนั้นจะดับเบิ้ลขึ้นไปอีกเมื่อเจอ Mini Convertible เปิดประทุนหลังคาผ้าใบลวดลายธงชาติ UK ขับผ่านหน้าไป
Mini Convertible ที่เรานำมาทำความรู้จักกันในวันนี้เป็นเจนเนอเรชั่นล่าสุด F57 ที่เพิ่งถูกปรับโฉม (LCI) ให้มีความสดใหม่ เพิ่มลูกเล่นเก๋ๆ เข้าไปให้ชวนมองมากขึ้น รายละเอียดหลายๆ อย่างยังคงความคลาสสิกไว้ ซึ่งมันเป็นดั้งเสน่ห์ที่แฟนๆ มินิต่างหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ไปดูกันดีกว่าว่าเจ้า Mini Convertible สีน้ำเงินสดคันนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
สเปครถยนต์
Body Style: | Convertible |
---|---|
Description: | แฮทช์แบ็กเปิดประทุนขนาดเล็ก 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง |
Engine: | เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo |
Fuel Consumption: | 15.3 กม./ลิตร (ค่าโรงงาน) |
Fuel Type: | เบนซิน |
Make: | MINI |
Max Power: | 192 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที |
Max Torque: | 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,600 รอบต่อนาที |
Model: | Mini Cooper S Convertible |
Price Guide: | 3,030,000 บาท |
Release Date: | มิถุนายน 2018 |
0-100 km/h: | 7.5 วินาที |
Transmission: | เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 สปีด |
ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
Mini Convertible ที่คุณเห็นอยู่นี้ใช้พื้นฐานตัวถัง เครื่องยนต์ และฟังก์ชั่นต่างๆ จากรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูหลังคาแข็งทั้งหมด จะมีความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่ชุดหลังคาผ้าใบที่สามารถเปิดรับลมได้ กับส่วนของพื้นที่เก็บของที่ฝากระโปรงท้ายเท่านั้น
ดีไซน์ภายนอกส่งต่อภาพความคลาสสิกด้วยไฟหน้าทรงกลม กรอบไฟโครเมี่ยม เพิ่มลูกเล่นเป็นไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ LED แบบวงแหวนซึ่งเป็นไฟเลี้ยวในตัวด้วย กระจังหน้าสีดำเงาแปะตรา S เพื่อบ่งบอกว่านนี่คือรุ่น Cooper S กรอบกระจังหน้าเป็นโครเมี่ยม เหนือกระจังขึ้นไปเป็นตราโลโก้ Mini ที่เพิ่งปรับดีไซน์ใหม่ในรุ่น LCI นี่เอง ดูทันสมัย เรียบง่าย มินิมอล ถัดขึ้นไปเป็นช่องรับอากาศบนฝากระโปรงหน้าที่เพิ่มภาพลักษณ์ความดุดันได้เป็นอย่างดี กันชนหน้ามีช่องรับอากาศสี่เหลี่ยม 2 ช่อง พร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมลงตัวกับหน้าตาโดยรวมของรถ
Mini Convertible ตกแต่งด้วยแถบสติ๊กเกอร์สีขาวบนฝากระโปรงหน้า กระจกมองข้างก็เป็นสีขาว คิ้วล้อและสเกิร์ตข้างเป็นพลาสติกสีดำ ติดตั้งล้ออัลลอย MINI Yours Vanity Spoke สีทูโทน ขนาด 18 นิ้ว หุ้มยางรันแฟลต 205/40R18 จาก Pirelli ไฮไลท์เด่นอยู่ที่ไฟท้าย LED รูปธงชาติสหราชอาณาจักร เป็นความโดดเด่นที่ขับไปที่ไหนก็มีแต่คนมองและรู้ทันทีว่านี่คือ Mini เสริมความสปอร์ตด้วยกันชนท้ายลายตะแกรงรังผึ้งสีดำเว้ารับปลายท่อคู่ตรงกลางอย่างสวยงาม
หลังคาของ MINI Convertible เปิด-ปิดได้เร็วมากเพียงแค่ 18 วินาทีเท่านั้น การใช้งานเพียงกดสวิตช์เหนือศีรษะค้างไว้ตลอดจนกว่าขั้นตอนการเปิดจะเสร็จสิ้น ไม่ได้เป็นแบบวันทัชเปิดอัตโนมัติ หลังจากนั้นกระจกทุกบานจะเลื่อนขึ้นมาจนสุดแล้วโครงหลังคาและผ้าใบก็จะยกตัวไปด้านท้ายรถ กลไกการเปิด-ปิดมีความเงียบ สามารถเปิดปิดได้ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. หลังคาที่เปิดจะไม่ได้ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้กระโปรงหลังแต่จะพับซ้อนๆ กันที่ท้ายรถ ชวนให้นึกถึงรถเปิดประทุนสมัยโบราณที่เป็นลักษณะแบบนี้เหมือนกัน ทั้งนี้ หลังคายังสามารถเปิดแบบบางส่วนเหมือนซันรูฟก็ได้ หากขับไปกลัวลมตีก็สามารถเปิดกระจกหน้าต่างขึ้นจนสุดได้เช่นกัน
ห้องเก็บสัมภาระของ Mini Convertible สามารถใส่ของได้มากถึง 215 ลิตรเมื่อปิดหลังคา และ 160 ลิตร เมื่อเปิดหลังคา ซึ่งถือได้ว่าไม่น้อยเลยเมื่อเทียบว่านี่คือรถทรงแฮทช์แบ็ก 4 ที่นั่ง แถมเบาะหลังยังพับแยกได้แบบ 60/40 โดยการดึงสลักที่ห้องเก็บสัมภาระ เพิ่มพื้นที่จุของได้อีกมากพอสมควร ความเก๋คือฝากระโปรงท้ายจะเปิดกางออกมาเหมือนกับรถกระบะ คือเปิดจากด้านบนลงมา ช่องใส่ของดูเล็กมากใช่มั้ย ไม่ต้องกังวลเพราะมินิได้ออกแบบฟีเจอร์ที่เรียกว่า Easy Load มาให้แล้ว เพื่อให้การเก็บกระเป๋าหรือหยิบของออกจากห้องสัมภาระมีความสะดวกมากขึ้น วิธีการทำงานของ Easy Load ก็คือ ทั้งด้านซ้ายและขวาของห้องเก็บสัมภาระจะมีขายึดที่สามารถกางออกมาและยกให้ช่องฝากระโปรงท้ายมีความกว้างขึ้นได้ โดยจะทำงานได้เฉพาะตอนที่รถยนต์ปิดหลังคาอยู่เท่านั้น แต่คุณอาจต้องออกแรงสักนิดเพราะมันค่อนข้างแน่นเลยทีเดียว
ภายในขี้เล่น
ภายนอกว่าเจ๋งแล้ว ภายในก็เจ๋งไม่แพ้กัน Mini Convertible ของเราเบาะเป็นสีเบจตัดกับห้องโดยสารสีดำ เราชอบการออกแบบที่แฝงไปด้วยลูกเล่นที่ดูสนุกสนาน กล้าคิดกล้าทำ ไม่ว่าจะเป็นมือจับประตู หน้าจอระบบสาระบันเทิง แผงหน้าปัด ปุ่มเครื่องปรับอากาศ แผงปรับประจกหน้าต่าง แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง ช่องแอร์ ที่เท้าแขนต่างๆ ทุกอย่างเล่นกับวงกลมดูเป็นธีมเดียวกันทั้งห้องโดยสาร วงแหวนไฟ LED รอบหน้าจอกลางจะเปลี่ยนสีไปตามเมนูบนหน้าจอ และแสดงผลแบบ Interactive เช่นเพิ่มระดับเมื่อเพิ่มวอลลุ่ม เป็นต้น มีไฟบรรยากาศหลายสีให้เลือกปรับได้ตามอารมณ์
ในความทันสมัยก็ยังแฝงความคลาสสิกเอาไว้อย่างน่าปรบมือ ที่เห็นได้ชัดก็คือหน้าปัดที่ยังเป็นเข็มแบบเข็มอนาล็อกอยู่ รวมถึงเบาะนั่งที่ต้องปรับด้วยมือทั้งหมด และก้านเบรกมือขนาดใหญ่ จุดที่เราชอบอีกอย่างคือปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์สีแดงที่มีลักษณะเป็นสวิตช์งัดขึ้น-ลงคล้ายกับรถแข่งโบราณ ให้อารมณ์เก่าๆ ได้พอสมควร
แม้การออกแบบจะเต็มไปด้วยลูกเล่นแต่คุณภาพวัสดุและงานประกอบไม่ใช่เล่นๆ ทุกอย่างละเอียดและประณีตตามมาตรฐานรถยุโรปสมกับราคาค่าตัว ตกแต่งด้วยวัสดุซอฟต์ทัชทั้งบนแดชบอร์ดและแผงประตู ตัดด้วยชิ้นส่วนสีดำเงา Piano black พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมด้วยปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมความเร็ว น่าเสียดายที่ไม่มีแพดเดิลชิฟท์มาให้
Mini Convertible ของเรามาพร้อมกับความบันเทิงเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยหน้าจอระบบสาระบันเทิงแบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ, Apple CarPlay, Android Auto มีช่องเสียบ USB 2 ช่อง ฟังก์ชั่นใช้งานครบครัน มีระบบนำทาง Navigation และรองรับการเชื่อมต่อผ่านแอพฯ MINI Connected ทีเด็ดอยู่ที่ระบบเสียง Harman Kardon ลำโพง 12 ตำแหน่ง รับประกันคุณภาพเสียงและความกระหึ่ม
จากการใช้งาน หน้าจอกลางของ Mini Convertible มีความคมชัด สีสันสดใส หน้าตาเมนูสวยงามใช้งานง่าย ระบบมีความลื่นไหลมากๆ การควบคุมทำได้ง่ายผ่านแป้นหมุนที่คอนโซลกลางเหมือนรถ BMW อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Head-up display ที่จะคอยแสดงผลความเร็วที่ขับรวมถึงแสดงผลระบบนำทางซึ่งใช้งานจริงแล้วสะดวกมาก
มาต่อกันเรื่องพื้นที่ ด้วยความที่ Mini Convertible นั้นแทบจะเหมือนกับ Mini Hatch 3 Door ในทุกๆ ส่วน พื้นที่ภายในก็เช่นกัน คุณจะเข้า-ออกรถได้อย่างสะดวกสบายเพราะประตูมีขนาดใหญ่ ตำแหน่งนั่งขับไม่ต่ำมากทำให้ไม่ต้องก้มตัวมุดเข้ามา (ยกเว้นจะตัวสูงมากๆ) ทัศนะวิสัยหน้ารถดี กระจกมองข้างทรงกลมทำให้บางจังหวะมองแล้วยังไม่ค่อยเคลียร์ กระจกบานหลังขนาดค่อนข้างเล็กจึงอาจรู้สึกถูกรบกวนบ้างเวลามองผ่าน พื้นที่เบาะหน้ามีเพียงพอกับคนตัวสูง 180 ซม. ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่เบาะหลังเพราะเอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้ใช้งาน แต่ถ้าจำเป็นต้องโดยสารจริงๆ ก็สามารถนั่งได้ในระยะทางสั้นๆ เพราะมันทั้งเล็ก แคบ เข้า-ออกลำบาก แต่เด็กๆ น่าจะนั่งได้โดยไม่มีปัญหา
สนุกทุกครั้งที่กดคันเร่ง
ทันทีที่กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงทุ้มๆ ของเครื่อง เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ลั่นออกจากท่อคู่อย่างไพเราะน่าฟัง เห็นรถคันเล็กๆ แบบนี้แต่แท้จริงแล้วพาฝูงม้ามาด้วยถึง 192 ตัว กับแรงบิด 280 นิวตันเมตร ลองนึกดูว่าเมื่อวางเท้ากดคันเร่งแล้วจะมันส์ขนาดไหน
ไม่รอช้า เราพาเจ้า Mini Convertible มุ่งหน้าออกนอกเมืองทันที เมื่อกดคันเร่งคุณจะรู้สึกได้ถึงแรงดึงอันหนักหน่วงพร้อมกับเสียงท่อดังกระหึ่มอยู่ด้านหลัง มันเป็นอะไรที่เร้าใจอย่างมาก เกียร์ 1 ลากรอบขึ้นไปสูงประมาณ 5 พันรอบ ก่อนจะตบเข้าเกียร์ 2 โดยไม่มีรอยสะดุด รถพุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว มันตื่นเต้นเร้าใจกว่าที่เราคิดไว้พอสมควรเลยล่ะ
ที่ความเร็วเดินทางทาง การคิ๊กดาวน์ต้องกระแทกแป้นคันเร่งไปจนสุด รอจังหวะนิดนึงก่อนที่เกียร์จะชิฟท์ลงต่ำพร้อมกับรอบเครื่องที่ดีดขึ้นสูง จากนั้นคุณจะรู้สึกถึงแรงดึงที่น่าประทับใจ การเร่งแซงตอบสนองได้รวดเร็วจนคุณไม่ต้องกังวลว่าจะแซงไม่พ้นรถพ่วง 18 ล้อ
เกียร์ DCT 7 สปีดให้อารมณ์ดิบและสนุกสนานอยู่แล้วเป็นทุนเดิม มันมีความฉลาด ฉับไว ตอบสนองดีไม่ว่าจะขับด้วยกลวิธีแบบไหน จังหวะเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลไร้ซึ่งรอยต่อ จะมีสะดุดเล็กๆ ก็ตอนจังหวะลดเกียร์ที่ความเร็วต่ำ ซึ่งไม่ทำให้เสียอารมณ์แต่อย่างใด ถ้าอยากได้ฟีลลิ่งแบบสปอร์ตที่เข้มข้นขึ้นไปอีก ให้คุณตบเกียร์มาที่ M และใช้การควบคุม +/- ด้วยตัวเอง นั่นแหละคือความสุขของคนที่รักการขับขี่อย่างแท้จริง จะลากรอบหรือทำเอนจิ้นเบรกเท่าไรก็ได้ ซึ่งการตอบสนองของเกียร์ในตำแหน่ง M นี้ก็ฉับไวไม่มีดีเลย์
รถยนต์ Mini ของแท้ต้องให้ความรู้สึกแบบ Go-Kart Feeling ซึ่งเจ้า Convertible ของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เราบอกก่อนว่าถ้าคุณต้องการรถที่ขับขี่นุ่มนวลล่ะก็มองข้ามเจ้าเปี๊ยกคันนี้ไปได้เลยเพราะมันแข็งกระด้างแบบสุดๆ คุณจะรู้สึกได้ถึงทุกแรงกระแทกบนพื้นถนนทั้งรอยปะรอยต่อต่างๆ หลุม ร่อง เนิน สะเทือนขึ้นมาหมด พร้อมกับเสียงตึงตังของช่วงล่างไม่เข้าใกล้คำว่าเงียบสงบเลยสักนิด แต่ช้าก่อน ที่เราบอกไปมันไม่ใช่ข้อเสีย ทั้งหมดนี้คือเอกลักษณ์ของรถ Mini ที่แฟนๆ เข้าใจและหลงใหลจนเป็นที่มาของคำว่า Go-Kart Feeling ความแข็งกระด้างพวกนี้ก็มาพร้อมกับความหนึบแน่นเกาะถนนเสมือนติดกาวไว้ที่ล้อ คุณสามารถใช้ความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ รวมถึงการมุดเปลี่ยนเลนก็ทำได้อย่างกระฉับกระเฉง ยิ่งเข้าโค้งยิ่งรู้สึกเลยว่าหนึบมาก อาการโยนมีน้อย รถไหลผ่านโค้งได้แบบเนียนกริบ บอกเลยว่าถ้าขับบนถนนลาดยางใหม่ๆ ที่ผิวทางยังเรียบอยู่ล่ะก็ความรู้สึกเหมือนขับในสนามดีๆ นี่เอง
ระบบบังคับเลี้ยวของ Mini Convertible ปรับเซ็ตมาแบบสปอร์ตจากโรงงาน คุณจะรู้สึกได้ถึงความหนืด แน่น ตั้งแต่ความเร็วต่ำ การหมุนควงพวงมาลัยขณะถอยจอดอาจต้องออกแรงหน่อย ระยะฟรีพวงมาลัยที่น้อยทำให้การควบคุมทิศทางหน้ารถทำได้ง่ายและค่อนข้างไว ตอบสนองต่อการหักเลี้ยวได้แม่นยำ พอใช้ความเร็วสูงจะรู้สึกได้ทันทีว่าพวงมาลัยหนักแน่นและมั่นคง จากความหนืดที่ค่อนข้างมากเกินไปในความเร็วต่ำพอเป็นความเร็วสูงจะรู้สึกว่าพอดี ส่งผลต่อการควบคุมขณะเข้าโค้งที่จะรู้สึกว่าขับง่าย เที่ยงตรงและแม่นยำ
แป้นเบรกของ Mini Convertible ตอบสนองได้ดี มีแรงต้านการเหยียบเป็นธรรมชาติ ระยะฟรีไม่มากทำให้กะน้ำหนักการเหยียบได้ง่าย มีความนุ่มนวล การหน่วงความเร็วสัมพันธ์การน้ำหนักการเหยียบ เบรกหนักๆ จากความเร็วสูงก็เอาอยู่หมด
เรื่องการป้องกันเสียงต้องยอมรับว่าเป็นรองตัว Hatchback หลายขุมเนื่องจากโครงสร้างหลังคาผ้าใบที่ยังไงก็กันเสียงได้ไม่ดีเท่าหลังแข็ง ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. คุณจะได้ยินเสียงลมลอดเข้ามาตามขอบหน้าต่างทั่วทั้งห้องโดยสาร บวกกับเสียงถนน เสียงยาง เสียงช่วงล่าง และเสียงท่อ ที่พร้อมใจกันประดังเข้ามาเต็มสองรูหู ถึงตอนนี้คุณอาจต้องเพิ่มวอลลุ่มเพื่อจะฟังเพลงโปรดแบบชัดๆ หรือต้องเริ่มพูดคุยกันด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นจากปกติ
Mini Convertible ของเรามี 3 โหมดขับขี่คือ GREEN MID และ SPORT เราขับ MID เป็นหลักซึ่งก็ให้อารมณ์ความสนุกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว พอกด SPORT ปุ๊ป ความเร้าใจก็เพิ่มขึ้นทันทีเพราะเครื่องยนต์และเกียร์จะเปลี่ยนนิสัยเป็นก้าวร้าวยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ทำงานที่รอบสูงขึ้น เกียร์ไวขึ้น ลากรอบยาวมากขึ้น เสียงท่อที่หล่ออยู่แล้วก็ยิ่งหล่อขึ้นไปอีก พวงมาลัยที่หนักขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ช่วงล่างก็ปรับเข้าสู่ความแข็งขั้นสุดจนหาความนุ่มสบายไม่เจอ
สรุปความน่าใช้
Mini ก็ยังคงเป็น Mini ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบตัวถังไปเป็นแบบไหนสิ่งที่ยังคงไว้ก็คือสไตล์ที่โดดเด่น การขับขี่ที่สนุกสนาน และความเป็น Go-Kart Feeling ที่เปรียบดั่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ รถคันนี้พร้อมมอบความสุขให้กับผู้เป็นเจ้าของทุกครั้งที่เปิดประตูเข้ามานั่งหลังพวงมาลัยพร้อมกับสตาร์ทเครื่องและขับออกไปโลดแล่นบนท้องถนน ความเล็กและความคล่องแคล่วทำให้มันขับดีทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด มันเป็นรถที่เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่อย่างแท้จริง
เราไม่อยากพูดถึงความคุ้มค่ากับราคาค่าตัว 3,030,000 บาท เพราะรถประเภทนี้เหมาะสำหรับเอาไว้ขับเล่นกินลมชมวิวมากกว่า แต่ในแง่คุณค่าทางจิตใจมันเทียบไม่ได้ คนที่ชอบยังไงก็คือชอบ และ Mini Convertible ก็พร้อมจะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ดีไปจนกระทั่งหมดประกัน
The Review
Mini Cooper S Convertible
Mini Cooper S Convertible เป็นรถเล็กที่ขับสนุกที่สุด รวดเร็ว ว่องไว การควบคุมเฉียบคม สะท้อนความเป็น Go-Kart Feeling ได้อย่างครบถ้วน
PROS
- รูปลักษณ์โดดเด่น ตกแต่งแบบสปอร์ต หลังคาผ้าลายธงชาติ UK
- ขับสนุก แรงสมใจ ปราดเปรียว ว่องไว กระฉับกระเฉง
- การบังคับควบคุมแบบสปอร์ต ช่วงล่างแข็งสไตล์รถโกคาร์ท
- เสียงท่อคำรามหนักแน่นแบบสปอร์ต
- หลังคาผ้าใบไม่รบกวนพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระ
- ระบบเสียง Harman Kardon คุณภาพดี
- ห้องโดยสารมีลูกเล่นสนุกๆ เยอะ
CONS
- ระบบความปลอดภัยมีน้อย
- ออปชั่นหรูหรามีน้อย
- เบาะนั่งปรับมือทั้งหมด
- เสียงรบกวนดัง และสั่นสะเทือนมากเมื่อขับความเร็วสูง
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
Mini Cooper S Convertible DEALS
We collect information from many stores for best price available