Overview Of Car
ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าสุดคุ้มผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยที่ไม่จำเป็นต้องแพงเว่อร์ แต่ขับดี กว้างขวาง ออปชั่นแน่น ระยะทางขับขี่น่าพอใจ ราคา 1,190,000 บาท
ความคุ้มค่ายังคงเป็นจุดเด่นของรถยนต์จาก MG ไม่ว่าจะรุ่นไหนโมเดลใดก็ตาม แม้กระทั่ง MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้าโมเดลแรกของค่ายที่สร้างเซอร์ไพรส์เปิดราคาแบบโลกตะลึงที่ 1.19 ล้านบาท ทำเอาคู่แข่งจากค่ายรถแดนปลาดิบและแดนโสมขาวหน้าสั่นไปตามๆ กัน พร้อมกับออปชั่นที่จัดเต็มไม่มีกั๊ก ผลตอบรับของรถโมเดลนี้จึงดีงามมาก กระแสแรง ยอดจองพุ่งรัวๆ จนกลายมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้ายอดขายอันดับหนึ่งในไทย ณ เวลานี้
MG เป็นค่ายรถน้องใหม่ที่มีความทะเยอทะยานมาก ปีที่แล้วมีการเปิดตัวรถใหม่ถึง 4 รุ่น ได้แก่ MG V80, MG ZS EV, MG Extender และ MG HS แสดงถึงความมั่นใจและกล้าจะเดินหน้าอย่างมั่นคงตลาดรถยนต์เมืองไทย แม้จะมีกระแสด้านลบบ้างประปรายแต่ก็ยังแรงดีไม่มีตก จุดนี้ต้องชื่นชมการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมรวมถึงความใจป้ำของกลุ่มทุนจากแดนมังกรที่พร้อมดันให้ MG ติดอันดับท็อปของค่ายรถยนต์เมืองไทยในเร็ววัน
เราเคยได้ลองขับ MG ZS EV มาแล้วสั้นๆ ในทริปทดสอบ กรุงเทพฯ – พัทยา ที่จัดโดย เอ็มจี ประเทศไทย การทดสอบครั้งนั้นเราได้รู้จักอะไรหลายๆ อย่างในตัวของ ZS EV มันเป็นเอสยูวีไฟฟ้าที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่เหมาะสม ขับง่าย ใครๆ ก็ขับได้ ทั้งยังนุ่มนวล เงียบ และสะดวกสบายดัวยฟังก์ชั่นล้ำๆ มากมาย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้า ZS EV ในแง่มุมที่ลึกขึ้น ไม่ต้องเสียเวลา ลุยกันเลย
สเปครถยนต์
Body Style: | Crossover SUV |
---|---|
Description: | Crossover SUV ขนาดเล็ก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% 5 ประตู 5 ที่นั่ง |
Engine: | มอเตอร์ไฟฟ้า |
Fuel Consumption: | – |
Fuel Type: | – |
Make: | MG |
Max Power: | 150 แรงม้า |
Max Torque: | 320 นิวตันเมตร |
Model: | MG ZS EV |
Price Guide: | 1,190,000 บาท |
Release Date: | มิถุนายน 2019 |
0-100 km/h: | 9.0 วินาที |
Transmission: | เกียร์อัตโนมัติ Single Speed |
สนุกก็ได้ เรียบร้อยก็ดี
ด้วยความที่ ZS EV เป็นครอสโอเวอร์ดังนั้นตำแหน่งนั่งขับจึงสูงกว่ารถเก๋งหรือแฮทช์แบ็กปกติ ทัศนวิสัยรอบคันจึงดีมาก มุมมองด้านหน้าดูดี เสาหน้าไม่บังเกินไป กระจกมองข้างขนาดกำลังดี มองง่าย มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหลังก็กว้างและเคลียร์ พื้นที่บริเวณเบาะหน้ามีความโปร่งสบาย เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางทำให้หาตำแหน่งนั่งขับที่ชอบได้ง่ายและรวดเร็ว การเข้าถึงพวกปุ่มควบคุมต่างๆ และหน้าจอสัมผัสกลางแดชบอร์ดทำได้ง่าย
สิ่งที่แตกต่างไปจาก MG ZS ปกตินั้นก็คือคันเกียร์ที่คอนโซลกลางที่เปลี่ยนจากแท่งคันโยกเป็นแป้นหมุนแทน มีให้ใช้งานได้ 4 ตำแหน่งคือ P, N, D, R เดินหน้าบิดขวา ถอยหลังบิดซ้าย ถ้าต้องการจอดให้กดลงไปตรงกลาง โดยมีเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold มาด้วย ถัดจากแป้นเกียร์ขึ้นไปเป็นปุ่มปรับโหมดการขับขี่มี 3 แบบ คือ ECO, Normal และ Sport ซึ่งเป็นการปรับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีการตอบสนองจากการเหยียบคันเร่งที่แตกต่างกัน ทั้งยังสามารถไปปรับความหน่วงของพวงมาลัยได้อีกด้วย ข้างๆ จะเป็นปุ่ม KERS หรือ Kinetic Energy Recovery System ซึ่งระบบนี้คือตัวที่คอยปรับระดับความหน่วงของตัวรถในช่วงที่เราถอนคันเร่ง เพื่อนำไฟฟ้าให้ชาร์จกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ใหม่ สามารถปรับได้ 3 ระดับคือ 1 คือหน่วงเบาที่สุด, 2 หน่วงปานกลาง และ 3 ที่หน่วงมากที่สุด ซึ่งเท่ากับชาร์จไฟได้เข้าได้มากที่สุดนั่นเอง ส่วนปุ่มสุดท้ายคือปุ่ม Battery ที่เอาไว้ดูระดับไฟในแบตเตอรี่
ความเงียบคือสิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังจากกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เราเริ่มต้นขับในเมืองด้วยโหมด Normal และปรับระบบ KERS ไว้ที่ 2 การขับขี่บนถนนที่หนาแน่นไปด้วยรถรานั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเงียบเชียบ การขับขี่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดเป็นไปอย่างสุภาพเรียบร้อย ทุกอย่างดูลื่นไหลไปหมด ห้องโดยสารป้องกันเสียงแวดล้อมภายนอกได้ดี ด้วยความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าดังนั้นเกียร์เดินหน้าจึงมีแค่จังหวะเดียวทำให้การเร่งออกตัวตามแยกไฟแดงหรือการเร่งแซงระยะสั้นนั้นมีความกระชับและตอบสนองแบบแทบจะทันทีที่กดคันเร่ง ไม่มีการเชนจ์เกียร์ขึ้น-ลง มีแต่ความนุ่มนวลเป็นจังหวะเดียวกันไม่ว่าจะเร่งหรือเบรก จุดนี้น่าจะถูกใจคนที่ชอบรถที่นุ่มนวลเป็นที่สุด
ช่วงล่างของ ZS EV ดูดซับแรงสะเทือนจากผิวทางที่กำลังซ่อมแซมได้เป็นอย่างดี ขับผ่านหลุมบ่อ ร่องเนินต่างๆ แล้วรถไม่โยกเยกและตึงตังมากจนเกินไป ขณะที่ระบบพวงมาลัยที่ดีอยู่แล้วพอมาขับจริงก็ควบคุมได้ง่าย น้ำหนักเบาสบายมือ ทั้งยังมีความคล่องแคล่วและแม่นยำ
การขับขี่ความเร็วต่ำไม่มีอะไรให้กังขา พอได้ระยะทำการ เราลองกดคันเร่งดูการตอบสนอง ซึ่ง ZS EV ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แรงบิด 350 นิวตันเมตร ปลดปล่อยพลังออกมาโดยไม่มีการรอรอบ ดึงให้หลังติดเบาะแทนจะทันที การเร่งแซงกลายเป็นของง่ายสำหรับ ZS EV มันกระฉับกระเฉงและว่องไวกว่า ZS ปกติอย่างเห็นได้ชัด ถ้าจับมาออกตัวพร้อมกัน ZS EV ชนะแบบขาดลอย นี่คือข้อดีของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พละกำลังทั้งหมดของรถจะทะลักออกมาตั้งแต่แรกโดยไม่มีอาการรีรอแบบรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป อัตราเร่งของ ZS EV สร้างความสนุกได้มากเลยทีเดียว แรงดึงที่เกิดขึ้นทั้งหนักหน่วงและรวดเร็ว
ลองเปลี่ยนมาขับโหมด Sport ดูบ้าง รู้ได้ทันทีเลยว่าคันเร่งเร็วขึ้น พวงมาลัยหนืดขึ้นเล็กน้อย ที่ความเร็วเดินทาง 120 กม./ชม. บนทางตรง รถมีความนิ่ง ไม่ส่าย ไม่โคลง เกาะถนนดี ขับนุ่มสบายมาก จังหวะเร่งแซงก็ทำได้อย่างว่องไว พอยกคันเร่งระบบก็จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ มาถึงความเร็วสูงนี่แหละที่เรามีความรู้สึกต่างออกไป เรารู้สึกว่าช่วงล่างนั้นนุ่มเกินไปหน่อยก็ทำให้บางทีเข้าโค้งหนักๆ แล้วรู้สึกยวบจนไม่มั่นใจ รวมถึงตอนหักเปลี่ยนเลนที่รถดูจะเสียความนิ่งไปพอสมควรเมื่อใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม.
ที่ความเร็วสูงพวงมาลัยของ ZS EV ตอบสนองอย่างเฉียบคม ระยะฟรีมีพอประมาณเพื่อความนุ่มนวล ควบคุมง่าย ความเร็วสูงจะหนืดขึ้นเพื่อความมั่นคงและเพิ่มความปลอดภัย โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
ระบบเบรกของ ZS EV ให้ความมั่นใจได้ดี เบรกหนักๆ รถไม่เสียอาการ นิ่ง ไม่แกว่ง ไม่ส่าย แป้นเบรกเซ็ตมาเน้นความนุ่มนวล มีระยะฟรีเล็กน้อย มีแรงต้ายการเหยียบที่เหมาะสม ส่งต่อน้ำหนักการเหยียบได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ ทำให้ควบคุมน้ำหนักการเบรกได้ง่าย กะระยะเบรกก็ง่ายตามไปด้วย
ที่ความเร็วเดินทางมีเพียงเสียงลมและเสียงยางเท่านั้นที่ดังลั่นอยู่ สำหรับคนไม่ชินจะรู้สึกแปลกไปบ้างที่รถมันเงียบเหลือเกิน โดยเสียงลมจะเริ่มเล็ดลอดเข้ามาตามขอบหน้าต่างที่ความเร็ว 90 กม./ชม. ในส่วนของความเร็วสูงสุดทางเอ็มจีเคยบอกว่าล็อกไว้ที่ 150 กม./ชม. ที่จริงทำได้มากกว่านั้นแต่ต้องสงวนไว้เนื่องจากไฟในแบตเตอรี่อาจหายวับไปในเวลาอันสั้น รวมถึงเหตุผลด้านความปลอดภัย
ตามสเปกแล้ว ZS EV สามารถขับขี่ได้ 337 กม. ตามมาตรฐาน NEDC แต่ของจริงปริมาณไฟ 100% รถกลับบอกว่าขับได้ราว 300 กม. ซึ่งระยะทางขนาดนี้เพียงพอสำหรับขับใช้งานทั่วไปในชิวตประจำวัน เราทดสอบโดยการขับไป-กลับ กรุงเทพฯ – อยุธยา ตระเวนเที่ยวรอบตัวเมือง 1 วัน ขับบนการจราจรจริงและไม่เน้นหระหยัด ระยะทางที่ขับทั้งสิ้น 170 กม. ปริมาณไฟในแบตเตอรี่เหลือเกือบๆ 40% รถบอกว่าวิ่งได้อีก 80 กม. สรุปได้ว่า ZS EV ขับเที่ยววันเดย์ทริปใกล้กรุงเทพฯ ได้สบาย เมื่อเทียบกับ Nissan Leaf แล้วระยะทางขับขี่ของ ZS EV จะมากกว่าเล็กน้อยเพราะแบตเตอรี่ใหญ่กว่า
MG ZS EV รองรับทั้งการชาร์จไฟแบบปกติผ่านสาย Type 2 กำลังไฟ 7.4 kW AC และชาร์จเร็วผ่านสาย CCS กำลังไฟ 85 kW DC เรามีโอกาศได้ทดลองใช้สถานีชาร์จเร็ว ชาร์จเพียง 30 นาทีระดับแบตเตอรี่ก็ถึง 80% แล้ว ถือว่าไวมากๆ เข้าไปนั่งกินกาแฟแป๊บเดียวก็ขับต่อได้แล้ว
ZS EV มาพร้อมกับระบบช่วยขับมากมายที่ MG ยัดใส่ลงมาให้ เริ่มต้นด้วยระบบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ใช้งานครั้งแรกอาจจะงงๆ หน่อยเพราะเป็นก้านปรับอยู่ที่คอพวงมาลัยซึ่งการตรวจจับและการชะลอตามความเร็วรถคันหน้าทำได้อย่างนุ่มนวล อีกระบบที่ได้ลองคือระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning) มันจะส่งเสียงเตือนเมื่อพบว่ารถกำลังแล่นออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ทำงานร่วมกับระบบระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist) ช่วยหน่วงรั้งพวงมาลัยไว้เพื่อเตือนผู้ขับขี่ นอกจากนี้ MG ZS EV ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากมายยาวเป็นหางว่าว รวมๆ แล้วให้มามากที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเสียด้วยซ้ำ
ออปชั่นเต็มพิกัด
พูดถึงเรื่องออปชั่น MG ไม่เป็นรองค่ายไหนอยู่แล้ว และ ZS ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของค่าย MG จึงจัดเต็มไม่มีกั๊ก เริ่มตั้งแต่หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หลังคา และไฮไลท์เด่นก็คือระบบเชื่อมอัจฉริยะ i-SMART สั่งการรถยนต์ด้วยเสียงภาษาไทย การมีระบบเชื่อมต่อจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น สนุกขึ้น มาพร้อมกับฟังก์ชั่นเจ๋งๆ มากมาย อาทิ ตรวจสอบสถานะรถยนต์, รายงานการจราจรแบบ Real Time, ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก ที่เที่ยว, ฟังเพลงออนไลน์, สั่งเปิดแอร์ล่วงหน้า, ปลดล็อกรถ, ระบบค้นหารถ Find My Car และบริการช่วยเหลือต่างๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น
ด้านคุณภาพงานประกอบภายในห้องโดยสารมีความเนี๊ยบ ใช้วัสดุบุนุ่มเป็นส่วนประกอบกว่า 80% อีกทั้งห้องโดยสารก็ยังกว้างขวางสะดวกสบาย เบาะหลังกว้าง ขึ้นลงสะดวก นั่งทางไกลไม่รู้สึกเมื่อย พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ช่วงหัวเข่ามีเหลือๆ กับคนตัวสูง
หน้าจอสัมผัสกลางขนาด 8.0 นิ้วมีความคมชัด กราฟิกสวยงาม ใช้งานง่าย ความลื่นไหลยังไม่ถึงกับดีที่สุดแต่ก็ใช้งานจริงได้ดี ระบบนำทางเป็นภาษาไทย GPS แม่น ค้นหาสถานที่ได้ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ระบบเสียงที่ให้มาถือว่าไม่เลว ฟังสนุก คุณภาพเสียงสมราคา
ความอเนกประสงค์ของ ZS EV ไม่ได้ด้อยลงไปจาก ZS ปกติ ห้องเก็บสัมภาระยังมีขนาดใหญ่โตเท่าเดิม เบาะแถวสองพับแยกได้แบบ 60/40 พื้นห้องเก็บสัมภาระไม่ลึกมาก ยกของขึ้น-ลงสะดวก พวกช่องใส่ของต่างๆ ก็ออกแบบมาได้เหมาะกับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
สรุปความน่าใช้
หากคุณกำลังมองหารถยนต์สักคันที่ไม่ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้านี่แหละคือคำตอบ แต่โดยทั่วไปแล้วราคาของพวกมันมักจะโดดขึ้นไปจนน่าตกใจ แต่ MG ZS EV นั้นเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่สั่นสะเทือนวงการอย่างแท้จริง ราคา 1.19 ล้านบาท ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ ถูกกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นและเกาหลีหลายขุม ต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
คุณภาพการขับขี่โดยรวมของ MG ZS EV อยู่ในระดับดีใช้ได้เลยล่ะ เร็ว แรง เงียบ อัตราเร่งของมันอาจทำให้รถซิ่งท่อดังทั้งหลายถึงกับมองตามด้วยความตกตะลึง รวมถึงช่วงล่างที่ออกแนวนุ่มนวล ขับทางไกลสบายมาก ผู้โดยสารก็นั่งสบายด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือความคุ้มค่าคุ้มราคาด้านออปชั่น เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยที่ไม่มีใครให้ได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว อีกทั้งค่าบำรุงรักษาก็ต่ำโดย MG คำนวณมาให้แล้วว่าค่าใช้จ่ายในการเข้าศูนย์บริการในระยะทาง 100,000 กม. อยู่ที่ 8,454 บาทเท่านั้นเอง
ข้อจำกัดเดียวของ MG ZS EV ในตอนนี้คือโครงสร้างพื้นฐานพวกสถานีชาร์จต่างๆ ที่อาจจะยังไม่ครอบคลุมเหมือนปั้มน้ำมัน จุดนี้คนที่ซีเรียสอาจจะยังไม่มั่นใจและไม่กล้าใช้ ดังนั้นรถคันนี้จึงอาจเหมาะสำหรับใช้ในเมืองหรือเขตปริมณฑลมากกว่า แต่ในอนาคตอันใกล้โครงสร้างพื้นฐานทุกอย่างจะมีความพร้อมยิ่งขึ้น ณ เวลานั้นเราคงจะได้เห็น MG ZS EV หนาตามากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
The Review
MG ZS EV
รถยนต์ไฟฟ้าที่ดีไม่จำเป็นมีต้องมีราคาแพงเสมอไป วันนี้คุณสามารถเริ่มต้นช่วยโลกได้แล้วด้วย MG ZS EV
PROS
- ระยะทางขับขี่เหมาะสมกับการใช้งานในเขตเมือง
- ออปชั่นเยอะ อุปกรณ์แน่น
- การขับขี่นุ่มนวลและเงียบ
- อัตราเร่งตอนต้นไม่เป็นรองรถสมรรถนะสูง
- ภายในกว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
- ระบบ i-SMART รองรับคำสั่งภาษาไทย
- มีบริการออนไลน์ที่ครบครัน
CONS
- ระยะทางขับขี่ไม่เหมาะกับการขับออกต่างจังหวัดไกลๆ
Review Breakdown
-
Engine & Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey