เมอร์เซเดส–เบนซ์ ตอกย้ำภาพการเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตสายพันธุ์แรงระดับแถวหน้าของโลก ซุ่มเปิดตัวรถสปอร์ต 3 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมกับกิจกรรมฝึกอบรมทักษะขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ Mercedes-AMG Driving Experience 2018
ยอดขาย 9 เดือนแรกที่เติบโตสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงประมาณ 350% สร้างความมั่นใจให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการกระตุ้นตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ล่าสุดค่ายดาวสามแฉกตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการรถสปอร์ตสมรรถนะสูงด้วยการเปิดตัวสปอร์ต 3 รุ่นใหม่ได้แก่ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ (Facelift), Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ และ Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ (Facelift) ทั้ง 3 รุ่นจะดีงามอย่างไรและมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé
ราคา 4,220,000 บาท
C 43 4MATIC Coupé ถือเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงตระกูล 43 รุ่นปรับโฉมใหม่ (Facelift) ตามเวอร์ชันซีดานที่เปิดตัวไปไม่นานก่อนหน้านี้ มันได้รับการยกระดับทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความสปอร์ตให้เป็นไปตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG อย่างเต็มสูบ พร้อมสำหรับสร้างความเร้าใจในทันที่ที่เริ่มกดคันเร่ง
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้า AMG ก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงินแบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม โครงสร้างบังคับ ทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น
สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาจาก AMG โดยช่องลมและองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาล้ออัลลอยนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรก ที่ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงาน
ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ พร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look
C 43 4MATIC Coupé มาพร้อมกับลุคแบบสปอร์ต ประกอบด้วยประตูแบบไร้ขอบ, กรอบกระจกมองข้างสีดำ, ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถ, กรอบหน้าต่างสีดำ และตกชุดพาร์ต AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง)
เทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในมาพร้อมชุดเบาะ AMG Sport Seat หุ้มหนังแท้พร้อมฟังก์ชั่นอุ่นเบาะและระบบทำความเย็นที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลังและปีกเบาะทั้ง 2 ข้างเพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น
เพิ่มเติมความล้ำด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบคือ Classic, Sport และ Progressive พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เร้าใจมากขึ้นด้วยพวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa leather แบบฐานตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบน่าจับ
คันเกียร์ที่คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะ รองรับโหมดเกียร์ธรรมดา ที่ก้านพวงมาลัยมีทัชแพดซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้ ด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงหน้าปัดและ Cruise Control ด้านขวาใช้ควบคุมระบบมัลติมีเดีย โทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง
นอกจากนี้ C 43 4MATIC Coupé ยังมีระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า, หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้วทำงานร่วมกับระบบสาระบันเทิง MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ที่คอนโซลกลาง ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester และตกแต่งภายในด้วย AMG matt Silver glass-fibre
C 43 4MATIC Coupé มาพร้อมกับชุดคำสั่ง AMG เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การขับขี่มีความสปอร์ตจนถึงขีดสุด ได้แก่ หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost, หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบกันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP และเกียร์ที่ใช้อยู่, หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ, หน้าจอจับเวลา (Race Timer) จับเวลาต่อรอบรวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย และหน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบกราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ
C 43 4MATIC Coupé ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน V6 3.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลัง 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม.ชม.
AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport Plus, Individual มีมาเป็นมาตรฐาน และมีโหมดการขับขี่ใหม่คือ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกเพราะฝนหรือหิมะ
Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+
ราคา 12,790,000 บาท
สุดยอดซีดานสมรรถนะสูงที่แรงที่สุดของตระกูล E-Class, E 63 S 4MATIC+ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถยนต์ขึ้นไปอีกขั้น พร้อมสำหรับพิชิตทุกโค้งทั้งถนนและสนามแข่ง
ขุมพลัง E 63 S 4MATIC+ เป็นเครื่องเบนซิน V8 Bi-Turbo 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 612 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500-4,500 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. นับเป็นเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยติดตั้งใน E-Class
Mercedes-AMG มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีช่วยลดการทำงานที่สูญเปล่าของเครื่องยนต์และเพิ่มอายุการทำงานของลูกสูบ หรือ CDS (Cylinder Deactivation System) ให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงเพิ่ม AMG SPEEDSHIFT MCT (มัลติคลัทช์เทคโนโลยี) และระบบเกียร์ 9 สปีดพร้อมกับคลัทช์เปียก (wet start-off clutch) เป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองได้อย่างคล่องตัวขึ้น
ดีไซน์ภายนอกคือ E-Class ที่ยกระดับเพิ่มความดุดันขึ้นในทุกมุมมอง กระจังหน้า AMG และกันชนหน้าพร้อมช่องสูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มความดุให้กับรถได้เป็นอย่างมาก จัดเต็มความดุด้วยล้ออัลลอย AMG สีดำด้านขนาด 20 นิ้ว ด้านท้ายโหดดุด้วยดิฟฟิวเซอร์ที่ชายล่างของกันชนและปลายท่อคู่สุดอลัง
ภายในมาพร้อมเบาะ AMG Performance Seat ที่ให้ความสปอร์ตเร้าใจตลอดการขับขี่ มาพร้อมกับชุดหน้าจอความละเอียดสูง COMAND ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกหน้าจอได้ 3 แบบตามชอบคือ Classic, Sport และ Progressive นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® high-end 3D surround sound system
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีมีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic
ราคา 3,450,000 บาท
สปอร์ตคู้เป้สำหรับผู้เริ่มต้น แม้จะไม่โหดดุเร้าใจสายมอเตอร์สปอร์ตแต่รถรุ่นนี้ก็พร้อมนำเสนอความสปอร์ตและการขับขี่ที่เพลิดเพลินมากกว่ารถซีดานปกติ ดีไซน์ภายนอกเหมือนจำลองมาจาก C 43 4MATIC Coupe เพราะเหมือนกันเกือบทุกอย่าง มาพร้อมกับดีไซน์ด้านหน้าและท้ายรถแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam และระบบกันสะเทือนแบบ AMG Sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL
เช่นเดียวกับภายนอก ภายในของ C 200 Coupé แทบจะยกของ C 43 4MATIC Coupe มาทั้งชุด โดดเด่นด้วยห้องโดยสารโทนสีแดง เพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่พร้อมทัชแพด ทั้งหมดเหมือนกับ C 43 4MATIC Coupe รวมถึงไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light 64 สี, ระบบปรับอากาศ, ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester และหลังคาแก้วแบบ panoramic sliding sunroof
C 200 Coupé AMG Dynamic มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลัง 184 แรงม้า ที่ 5800-6100 รอบต่อนาที แรงบิด 280 แรงม้า ที่ 3000-4000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ออัตโนมัติ 9G-TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 239 กม./ชม.
ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยใน C 200 Coupé AMG Dynamic มีมากมาย อาทิ ระบบ ATTENTION ASSIST พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ลูก 9 ตำแหน่ง
รถยนต์ทั้ง 3 รุ่น เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับการขนทัพรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ครบทั้งตระกูลกว่า 9 รุ่น ในทุกเซ็กเมนต์ มาให้พาสื่อมวลชนและลูกค้าได้ก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเองขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพดีกรีแชมป์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ผ่านการทดสอบทักษะใน 4 สถานี ได้แก่ Brake and Swerve, ESP® Exercise, Motorkhana และ Cornering Theory รวมถึงขับรอบสนาม
ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน และได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยี และนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์ Mercedes-AMG ทุกรุ่น นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางบริษัทฯ อีกด้วย กิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2561 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมรถยนต์รุ่นใหม่นี้ได้อย่างใกล้ชิด ณ ผู้จำหน่าย Mercedes-AMG และผู้จำหน่าย Mercedes-Benz ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมไดที่ www.mercedes-benz.co.th หรือ www.facebook.com/MercedesBenzThailand
Gallery