Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใหม่ที่ผสานขุมพลังเบนซินกับพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เจเนอเรชันที่ 4 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจในทุกสภาพถนน ทั้งยังประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะผู้ขับขี่สามารถเลือกขับด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร
ภายนอก
การออกแบบมีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่ให้สัมผัสที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ดีไซน์ภายนอกดูโดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่พร้อม Star pattern อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ที่มาพร้อมความละเอียดมากกว่า 1 ล้านพิกเซลในโคมไฟแต่ละข้าง กับรายละเอียดของการทำงานประสานกันระหว่างฟังก์ชัน Adaptive Highbeam Assist Plus ที่สามารถควบคุมไฟ LED ให้สอดรับกับสถานการณ์บนท้องถนนได้อย่างอิสระ และ ULTRA RANGE Highbeam ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างเหมาะสม
ชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่เน้นความสปอร์ต ส่วนด้านหลังดีไซน์ไฟท้าย LED ถัดลงมาเป็นกันชนหลังดีไซน์เท่ พร้อมกรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่งและล้ออัลลอย AMG 5 twin-spoke ขนาด 18 นิ้ว โดยในภาพรวม ตัวรถมีขนาดกว้างขึ้นในทุกมิติมอบการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารในที่นั่งด้านหลัง นอกจากนี้ ถังน้ำมันขนาดความจุ 50 ลิตรยังช่วยมอบอิสรภาพในการเดินทางที่มากยิ่งกว่าที่เคย
ภายในและระบบสาระบันเทิง
สำหรับดีไซน์ภายในของรถยนต์คันนี้ได้ก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งภายในที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ LCD ความละเอียดสูงบริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วแสดงผลคมชัด ให้ภาพที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ “Discreet”, “Sporty”, “Classic” พร้อม 3 โหมดการใช้งาน ได้แก่ Navigation, Assistance และ Service พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่พร้อมจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย
มาพร้อมระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ 2 โซนรวมถึงระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) รุ่นล่าสุดเอาไว้ด้วยกัน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงฟังก์ชันการสแกนลายนิ้ว มือ (fingerprint scanner) ที่สามารถพาผู้ใช้เข้าสู่ระบบ MBUX ที่มีการตั้งค่าเฉพาะบุคคลได้รวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น และระบบจะช่วยเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ด้วยระบบ AI ที่ช่วยปรับการตั้งค่าของรถให้ดั่งเสมือน Comfort zone ของคุณ นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูงและส่วนรองรับศีรษะที่ได้รับการออกแบบใหม่ และไฟล้อมรอบห้องโดยสาร premium Ambient Lighting 64 สี รวมถึงฟังก์ชันสุดไฮเทคอีกมากมายที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและน่าประทับใจในทุกการขับขี่
ความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สําหรับผู้ขับขี่
- เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด (5 ที่นั่ง)
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill -Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และระบบจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บร ิการ (ASSYST service interval indicator)
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
- ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
- ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lance Keeping Assist)
- กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ (Reversing camera)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function)
- ระบบแจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง
เครื่องยนต์
ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุดรวม 313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดรวม 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดจากโหมดการขับขี่แบบพลังไฟฟ้าล้วน (EL) ได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า หากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ ประกอบกับการชาร์จพลังไฟฟ้าด้วยเวลาไม่นาน หากเป็นการขับขี่ภายในเมือง ผู้ใช้สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อย่างสะดวกสบายด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
ราคา
Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic มีวางจำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท