เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัว All-New Mercedes-Benz A-Class เจนเนอเรชันที่ 4 เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ โดยนำเสนอในรุ่น A 200 AMG Dynamic เป็นรุ่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ และระบบมัลติมีเดียรุ่นล่าสุด ราคาค่าตัว 2,490,000 บาท
ในปีที่ผ่านมา รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ถูกจำหน่ายทั่วโลกทุกๆ 4 คันจะเป็นรถในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ 1 คัน นั่นแสดงให้เห็นถึงความนิยมในรถขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งในความสำเร็จของค่ายดาวสามแฉก A-Class เจเนอเรชันที่ 4 ได้รับการปรับปรุงในทุกด้านทั้งงานออกแบบ เครื่องยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ความจริงแล้ว A-Class เจเนอเรชันที่ 4 มีทั้งตัวถังแฮทช์แบ็กและซีดาน แต่วันนี้นำร่องเปิดตัวในไทยด้วยโมเดล A 200 AMG Dynamic ที่เป็นตัวถังซีดานก่อน
A 200 AMG Dynamic เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีชอบความแตกต่าง เป็นตัวของตัวเอง อิสระ ชื่นชอบดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และให้ความสำคัญกับการสร้างบาลานซ์ให้กับการใช้ชีวิต รวมถึงเป็นการเข้ามาเสริมทัพรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ปัจจุบันมีขายใน 5 รุ่นย่อยได้แก่ CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic (Night Edition), CLA 250 AMG Dynamic (WhiteArt Edition), GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic กับราคาค่าตัว 2.49 ล้านบาท ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงรถรุ่นนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
เรื่องราวของดีไซน์
A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับ Design language แบบใหม่ แถมยังเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ซึ่งถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน
ดีไซน์ภายนอกของ A 200 AMG Dynamic สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity เน้นความเรียบง่ายและให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ก็ยังมีความร้อนแรงและน่าดึงดูดใจไปพร้อมกัน ด้วยโครงสร้างภายนอกแบบ AMG ที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว
หน้ารถมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำและทอดยาว โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ diamond radiator grille และตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เด่นหราอยู่ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี เตมเต็มความสปอร์ตด้วยกันชนหน้า – หลังแบบ AMG Bodystyling และปลายท่อไอเสียคู่โครเมียม
มิติตัวรถยาว 4,549 มม. กว้าง 1,796 มม. สูง 1,425 มม. ระยะฐานล้อ : 2,729 มม. ถังน้ำมันจุ 43 ลิตร ติดตั้งอัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ รัดด้วยยาง Runflat ขนาด 225/45 R18 มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED High Performance ทรงเพรียวบางและกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง
ภายในของ A 200 AMG Dynamic ได้รับการปรับโฉมใหม่หมดให้ดูทันสมัยและได้อารมณ์สปอร์ตแบบ AMG แดชบอร์ดมีความล้ำสมัยด้วยทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้าผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ ล้ำสมัยด้วยช่องลมแอร์ทรงไอพ่นเครื่องบินเจ็ทที่มีไฟเรืองแสงในตัว พร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอเป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจอระบบสาระบันเทิงที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) ได้แล้ว ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอหรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ที่คอนโซลคลางก็ได้
ส่วนล่างของคอนโซลกลางยังได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายปีกที่ดูแบนราบและไร้รอยต่อจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งของห้องโดยสาร มีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษได้อีก 10 สี
พวงมาลัยเป็นแบบสปอร์ตฐานตัดหุ้มด้วยหนัง nappa ทรงเดียวกับของ S-Class เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre ทั้งหมด โดยเบาะคนขับจะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ แป้นคันเร่ง และ เบรกเป็นแบบสปอร์ต
พื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมีมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลังมีขนาดกว้าง 950 มิลลิเมตร และมีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อกถึงขอบล่างของกระจกหลังถึง 462 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ออกได้อย่างสะดวก อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40
ขุมพลังใต้ฝากระโปรง
A 200 AMG Dynamic ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง รหัส M282 ขนาด 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี พ่วงเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 5.2 – 5.4 ลิตร / 100 กม.
ระบบช่วงล่างแบบ Lowered Comfort Suspension ด้านหน้าเป็นแบบ McPherson Strut ด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam ดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า มีฟังก์ชั่น Start / Stop และระบบปรับโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT 5 โหมด ประกอบด้วย ECO, Normal, Sport, Sport+ และ Individual
เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย
A 200 AMG Dynamic เป็นรถยนต์รุ่นที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจึงมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในรถรุ่นก่อนหน้าหลายอย่าง เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยสามารถ ลดความเสียหายหรือป้องกันการพุ่งชนกับรถยนต์ข้างหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอหรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน และยังเป็นรถในตระกูลคอมแพ็คคาร์รุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มาพร้อมกับระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้นอีกด้วย
ไฮไลท์เด่นของ A 200 AMG Dynamic คือบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่จะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ
- Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
- Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้
- Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้นและส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นให้ทั้งผู้ขับขี่และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
- Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
- Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว
สำหรับระบบ MBUX นั้น เป็นระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุดคือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส และ Touchpad ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง ระบบนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้ MBUX เป็นระบบมัลติมีเดียที่สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะ การใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของรถได้ ซึ่งเป็นการสร้าง ความผูกพันระหว่างผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
- Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่ ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
- Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
A 200 AMG Dynamic มีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 6 สี ประกอบด้วย สีขาว Polar White, สีขาวเซรามิก Digital White, สีแดง Jupiter Red, สีดำ Cosmos Black, สีเงิน Iridium Silver และสีเทา Mountain Grey สัมผัสรถตัวจริงได้แล้วที่โชว์รูมทั่วประเทศ และงาน Mercedes-Benz StarFest 2019 ทั่วประเทศ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือ www.facebook.com/MercedesBenzThailand
Gallery