เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สร้างสีสันครั้งใหญ่ด้วยการนำรถยนต์ที่เรียกได้ว่าเป็นไอคอนนิคแห่งวงการออฟโรดอย่าง G-Class มาเปิดตัวในไทย แต่นี่ไม่ใช่ออฟโรดธรรมดาเพราะขึ้นต้นนำหน้าชื่อด้วย Mercedes-AMG หมายความว่านี่คือสปอร์ตออฟโรดเพียงหนึ่งเดียวที่มีขายในไทย
จุดเริ่มต้นจากรถทางทหารในช่วงยุค 70 จนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นออฟโรดสายอนุรักษ์นิยม G-Class ยังคงความคลาสสิคที่สะท้อนถึงบรรพบุรุษรุ่นแรกๆ ของมันอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นตัวถังทรงเหลี่ยม ไฟหน้าทรงกลม รวมถึงโครงสร้างตัวรถแบบ body on frame ที่ขึ้นชื่อได้ด้านความแข็งแกร่งทนทาน
จากความมั่นใจในตลาดรถสมรรถนะสูงของเมืองไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จึงไม่รีรอรีบปล่อยของใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Mercedes-AMG G 63 สปอร์ตออฟโรดจอมพลังได้แจ้งเกิดในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ นี่คือการผมผสานความเท่และดุดันแบบออฟโรดเข้ากับสมรรถนะแบบสปอร์ต สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์เมืองไทยไปไม่น้อย
ดีไซน์ภายนอกของ G 63 ได้รับการออกแบบให้สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ AMG และมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยโครงสร้างตัวถังทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้เหล็กกล้าหลากหลายระดับ มีความทนทานและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าโครงสร้างเดิมถึง 55% และ ยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่สปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และประตูใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก
รถคันนี้มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ไฟหน้าทรงกลมที่ใช้ระบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด ไฟเลี้ยวแบบเชื่อมเข้ากับตัวถัง กันชนเสริมที่ดูดุดันเข้ากับแถบสีดำเงา และตราสัญลักษณ์เอเอ็มจีสีเงิน ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดที่ทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบ 3 มิติ
ด้านหน้าของตัวรถเป็นกระจัง AMG radiator trim สุดดุดัน เสริมหล่อด้วยกันชนหน้า-หลัง AMG bodystyling มีท่อรับอากาศด้านข้างและเก็บขอบเป็นสีเงินอิริเดียม นอกจากนี้ส่วนหลังคาของรถยังเชื่อมต่อกับโครงสร้างตัวถังด้วยกระบวนการเชื่อมโดยใช้แสงเลเซอร์แทนที่การเชื่อมแบบอัด ซึ่งช่วยให้ส่วนหลังคาเรียบเนียนและแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมทั้งยังมีการเชื่อมหน้าต่างเข้ากับตัวถังโดยตรงเป็นครั้งแรกเพื่อให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้น ลดการสึกกร่อนของกรอบหน้าต่างด้วย
มิติตัวรถยาว 4,881 มม. กว้าง 1,984 มม. สูง 1,969 มม. เสริมความเท่ด้วยบันไดข้างสเตนเลส คาลิปเปอร์เบรกสีแดง และล้ออัลลอย AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 21 นิ้ว หุ้มยางขนาด 285/45 R21 ทั้ง 4 ล้อ
ภายในของ G 63 มีการตกแต่งใหม่เพื่อให้ห้องโดยสารมีความทันสมัยและใหญ่โตขึ้นในทุกมิติ คือ ยาวกว่าเดิม 101 มม. กว้างกว่าเดิม 121 มม. และสูงกว่าเดิม 40 มม. มาพร้อมหน้าปัดนาฬิกาแบบ IWC แบบเฉพาะของ AMG และแผงหน้าปัดทั้งแบบอนาล็อกและดิจิทัลที่ใช้หน้าจอ widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว 2 หน้าจอที่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวภายในกระจกขนาดใหญ่ สามารถแสดงผลได้ 3 แบบคือ Classic, Sporty และ Progressive และแสดงภาพด้วยระบบ COMAND Online บนจอแสดงผล
ออปชั่นภายในได้แก่ พวงมาลัย AMG Performance แบบฐานตัดหุ้มหนัง NAPPA ตัดสลับ DINAMICA Microfibre มีขอบโค้งจับได้กระชับมือและส่วนนูนที่ช่วยบอกตำแหน่งการจับเพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย ช่องลมของเครื่องปรับอากาศออกแบบให้เป็นทรงกลมเพื่อรับกับไฟหน้าและชุดไฟแสดงสถานะของรถบนแผงคอนโซล มือจับบนเพดานเพื่อช่วยในการเข้าออกของผู้โดยสารตอนหน้า สวิตช์ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบช่วงล่างที่เป็นสีเงินโครเมี่ยม
เบาะที่นั่งทั้งหมดหุ้มหนัง nappa ที่มีปีกเบาะเสริมการปกป้องด้านข้างของผู้โดยสาร ที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษมากมาย เช่น ระบบจดจำการปรับตั้งค่าเบาะที่นั่ง ระบบอุ่นเบาะสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร และพนักพิงศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะหลังสามารถพับลงได้ 3 ตอน คือ 40%, 60% และ 100%ห้องเก็บสัมภาระจุ 454 ลิตร อีกทั้งยังติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester และระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
เพื่อความสุดในด้านสมรรถนะ G 63 จึงเลือกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร biturbo กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500-3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ช่วยให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.
G 63 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60 ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่เป็นระบบมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ สามารถปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนนโดยระบบจะอ้างอิงข้อมูลต่างๆ เช่นทิศทางและความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ 3 โหมด คือ Comfort, Sport, และ Sport+
G 63 มีระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ, ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่นหรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก, โปรแกรมควบคุมการทรงตัว ESP, เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถ Parktronic, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
Mercedes-AMG G 63 มีอัตราการใช้พลังงานแบบผสมที่ 13.1 ลิตร/ 100 กม. และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ 299 กรัมต่อกิโลเมตร/กม. ราคาอย่างเป็นทางการ 14,790,000 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่:
www.facebook.com/MercedesBenzThailand
Gallery