เฉิดฉายอีกครั้ง สิ้นสุดการรอคอยการกลับมาของกระบะรวมสายพันธ์สองร่างในหนึ่งคัน หล่อ น่ามอง เส้นสายเฉียบคมพลิ้วสวย สมรรถนะเทียบเท่าเก๋งสปอร์ต พร้อมขุมพลัง 2 แบบให้เลือกกับดีเซล 1.9 ลิตร และ ดีเซล 3.0 ลิตร สำหรับค่าตัวต้องขออุ๊บไว้ก่อนอดใจรออีกนิดจะมาในปี 2021 นี้แหละ
มาถึงไทยเรียบร้อย มาสด้า ยอมเผมโฉมหมากตัวสำคัญที่จะมาพลิกวงการกระบะไม่เพียงแค่เน้นการใช้งานด้านสมรรถนะเพียงอย่างเดียว ดีไซน์ก็ไม่ใช่สองรองใครเพราะมาสด้า เน้นการออกแบบโดยเฉพาะจาก KODO Design เส้นสายบนตัวรถนิ่งขึ้น คมขึ้น ซุ้มล้อโปร่งโล่งไม่ดูเตี้ยตันและไม่สูงจนบึกบึนเกินไปประณีตทุกส่วนให้ฟีลลิ่งเหมือนไม่ได้กำลังมองกระบะอยู่ยังไงอย่างงั้นและยังมีให้เลือก 2 แบบกับ 4 ประตูและ 2 ประตู
ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัว Isuzu D-Max อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มาสด้า ไม่รอช้าทำการเปิดตัว Mazda BT-50 ตีตลาดคู่กันมาจนได้ฉายาแฝดคนละฝาสุดท้ายทั้งสองจับมือร่วมพัฒนาปิ๊กอัพเจเนอร์เรชั่นที่ 8 นี้รวมร่างสลับกันใช้ความโดดเด่นของตัวเองอัดแน่นลงไปใน BT-50 ตัวใหม่ของวงการกระบะ อัพเกรดรถยนต์ใช้สอยสำหรับเชิงพาณิชย์ให้น่ามองและขับสนุกขึ้นอีกเท่าตัว
กระบะรุ่นน้องคันนี้ถูกพัฒนาด้วยการใช้โครงสร้างเดียวกับ Isuzu D-Max โดยอีซูซุ รับเป็นสายการผลิตให้กับมาสด้าแทนแต่ถึงแม้ทุกอย่างด้วยตัวโครงสร้างหรือระบบวิศวกรรมจะดำเนินการไปคล้าย ๆ กัน มีอีกสิ่งหนึ่งที่มาสด้า ยังคงความเป็นตัวเองว่ากันด้วยเรื่องของดีไซน์นั่นเอง การขึ้น-ลง ของผู้โดยสารด้านหลังสะดวกขึ้น
เป็นครั้งแรกที่มาสด้า ยกสไตล์ดีไซน์จากเก๋ง 4 ประตูสู่รถยนต์ร่างใหญ่ปิ๊กอัพ Mazda BT-50 แสดงออกถึงความเรียบง่าย โดดเด่นและสง่างามแม้อยู่บนท้องถนนในเมืองหรือออฟโรดก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นแยบยลเกินคาด ดุดัน แฝงความสปอร์ตและหรูหราไปในคันเดียวรวมถึงการออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ และช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกท้าทายในการขับขี่
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงสมรรถนะช่วงล่าง ระบบเกียร์ที่รับการตอบสนองกับพวงมาลัยได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ทุกการเดินทางได้รับความเป็นส่วนตัวมากกว่ากระบะทั่วไปจากการปรับจูนติดตั้งแผงคอนโซลกับตัวถังลดการสั่นสะเทือนเมื่ออยู่บนสภาพถนนที่ไม่ค่อยอำนวยนักหรือแม้แต่การติดตั้งโฟมในเสาเอเพื่อลดเสียงลมตีจากภายนอกเมื่อวิ่งด้วยความเร็วความเงียบเทียบเท่ารถยนต์ประเภทเอสยูวีได้เลย
ขุมพลังภายใต้สกายแอคทีฟฉบับปิ๊กอัพ
สำหรับตลาดในประเทศไทยเรานั้นมาสด้า ทำการติดตั้งเครื่องยนต์ทั้งสองแบบแบ่งออกอย่างชัดเจนยกชุดขุมพลังเทอร์โบจาก Isuzu D-max กับเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้กำลัง 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบต่อนาที เสริมการควบคุมอัตราเร่งที่เพิ่มความเร็วรอบเมื่อออกจากจุดสตาร์ท และระบบหล่อเย็น EGR ถูกติดตั้งมาในฝาสูบ พร้อม Water Jacket ช่องทางระบายความร้อนด้วยน้ำภายในเสื้อสูบและฝาสูบในท่อทางเดิน EGR ซึ่งเครื่องยนต์นี้ให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมีความเงียบและทนทาน ทางด้านเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที
ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger มีการเคลือบฉนวนที่ลูกสูบและเกียร์ Double-scissors ที่ช่วยลดเสียงรบกวน สิ่งเหล่านี้ถูกรวมอยู่ในเครื่องยนต์จึงทำให้สามารถเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำแถมประหยัดเชื้อเพลิงเช่นกัน สำหรับระบบส่งกำลังมีให้เลือก 2 แบบ ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ถูกปรับจูนให้มีการตอบสนองเร็วขึ้น กระชับและมีน้ำหนักเบา
ช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน
ประสิทธิภาพเบรกติดตั้งดิสก์เบรกหน้าสำหรับรถปิ๊กอัพ มาสด้า BT-50 มีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 17 และ 15 นิ้ว ด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว ในส่วนนี้มาสด้า เคลมมาว่าจากการปรับตั้งทำให้สามารถตอบสนองการหยุดล้อได้เป็นอย่างดีและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหม้อลมเบรกก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมเบรก ด้านระบบการขับเคลื่อนในรุ่น 4×4 ใช้เพลาขับที่ทำจากอลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้น ช่วยเรื่องสลับโหมดการทำงาน4H/4L ได้เร็วขึ้นเมื่ออยู่ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกับระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าเสริมประสิทธิภาพการขับขี่บนสภาพถนนแบบขรุขระ
เรื่องสั่นสะเทืองกำลังจะหมดไปเพราะ Mazda BT-50 ติดตั้งแผงคอนโซลกลางที่ยึดกับพื้นตัวถังและการติดตั้งแผงคอนโซลหน้าได้รับการปรับเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากโครงแชสซี ติดตั้งโฟมเข้าไปภายในเสาแต่ละต้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงจากแผงประตูด้านข้างพรมปูพื้นและฉนวนได้ถูกผลิตขึ้นเป็นชิ้นเดียวกันทำให้สามารถดูดซับเสียงได้ นอกจากนี้ แผงหน้าปัดยังติดตั้งอยู่กับตัวถังโดยตรงเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งไปยังพวงมาลัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ BT-50 ใหม่นี้ มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นขณะเดินทาง
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) และชุดแหนบ (Leaf Spring) ทำให้ช่วงล่างของรถปิกอัพมาสด้า BT-50 สามารถให้การควบคุมรถอย่างมีเสถียรภาพและขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในรุ่น ยกสูง ยังได้มีการเสริมตัวยึดด้านหน้ากันโคลง เพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถมากขึ้น
จุดเด่นของ BT-50
จะพลาดไม่ได้เลยกับจุดนี้ของมาสด้า โดดเด่นด้วยดีไซน์จาก KODO Design ถึงจะแม้จะบอกว่า BT-50 ขึ้นอยู่กับสายการผลิตของ Isuzu D-Max ก็ตามแต่สิ่งที่ต่างออกไปและไม่ทิ้งความเป็นตัวเองเลยมันก็คือเรื่องของการออกแบบแหละ เห็นได้อย่างชัดเจนจากทางด้านหน้าของตัวรถให้ฟีลลิ่งกระบะหรูหราขึ้นมาทันทีมันเรียบง่ายซะจนเหมือนมองรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอยู่สักคันต่างกับ D-Max ที่ด้านหน้าบึกบึนดุดันตามภาพลักษณ์ของกระบะ
กระโปรงหน้าถูกออกแบบยกสูงและลาดลงมาบึกบึนแต่ไม่ไหวกระด้างเกินไปพร้อมกับไฟหน้าและไฟหลังเป็น LED Projector ทรงกระบอก ติดตั้งไฟส่องกลางวัน Daylight เป็นแบบ LED เช่นกัน กระจังหน้ารถเป็นซิกเนเจอร์ของมาสด้าอยู่แล้วด้วยวิงโครเมี่ยมขนาดใหญ่วางเส้นแนวนอนบวกกับช่องระบายอากาศภายในตัว สะท้อนความเป็นกระบะด้วยการติดตั้งปีกซ้าย-ขวาใต้ไฟหน้า ตรงบริเวณกันชนหน้าฝังไฟหรี่ไฟตัดหมอกแบบ LED และสัญญาณกะระยะตอนถอยหลังอีก 4 จุด
เรื่องของเส้นสายที่ยังมีจุดคล้ายกับ D-Max อยู่บ้างตั้งแต่ประตูหน้าไล่ไปจนถึงกระบะท้าย กระจกมองข้างพับเปิด-ปิดเป็นระบบไฟฟ้าฝังไฟเลี้ยว LED ไว้ในตัว ที่จับเปิดประตูเป็นโครเมียมพร้อมปุ่มปลดล็อคทั้งสองข้าง ด้านบนหลังคาติดตั้งเสาอากาศสั้นทรงเดิมพร้อมราวหลังคาขึ้นรูป ด้านล่างสุดของตัวรถจากบริดจสโตนเป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย 5 ก้านคู่ พร้อมยาง 265/60 R18 และ ลาย 6 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R17 ฝาเปิดกระบะท้ายแบบโครเมี่ยมฝังกล้องมองหลัง กันชนท้ายขึ้นรูปสีเดียวกับตัวรถดีไซน์กลมกลืนและสัญญาณกะระยะถอยหลัง 4 จุด เช่นเดียวกับด้านหน้า
สุนทรียภาพขณะเดินทาง
ภายในห้องโดยสารถือว่ามีความต่างกันชัดเจนอยู่บ้างการตกแต่งเลือกทั้งแบบสีน้ำตาลเข้มและสีดำ คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีดำตัดกับสีเงินที่ช่วยเพิ่มความสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน หุ้มหนังขนาดกำลังกระชับมือทางด้านซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมวิทยุพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์ ขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control ปรับได้ 4 ทิศทาง Tilt & Telescopic สูง-ต่ำและ เข้า-ออก ตามสรีระผู้ขับขี่ หลังพวงมาลัยมีมาตรวัดเรืองพร้อมจอแสดงข้อมูลสี MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้วอยู่ตรงกลางที่บอกทั้งระยะทางทริป A กับ B อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จอแสดงการทำงานวิทยุ และมีนาฬิกาดิจิตอลในตัว
ด้านระบบปรับอากาศแบ่งฝั่งซ้าย-ขวาและมีช่องแอร์ 4 จุดรวมถึงบริเวณกลางห้องโดยสารพร้อมช่องเสียบ USB เพลิดเพลินด้วยหน้าจอบันเทิงระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และ 9 นิ้วตัดช่องสำหรับใส่ CD ออกไปเข้าสู่ยุคดิจิตอลชัดเจนรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงรอบคัน 8 ลำโพงรวมลำโพงบนหลังคารถ คันเกียร์ถูกออกแบบใหม่โดยการนำตำแหน่งบอกเกียร์มาไว้ที่หัวเกียร์เป็นสีดำเปียโนแบล็คแทนหุ้มด้วยหนังเล็กน้อยพร้อม Shift Lock ที่ยังเป็นแบบใช้กุญแจเสียบอยู่
พื้นที่ด้านในกว้างขึ้นเบาะนั่งถูกออกแบบให้ใหญ่ขึ้นทั้งชุดเพื่อรองรับสรีระลดการถูกโยนตัวขณะขับขี่เข้าโค้งได้ดีขึ้นหุ้มหนังแท้น้ำตาลเข้าแซมด้วยผ้าสีดำทูโทนเล็กน้อย สำหรับในรุ่นท็อปฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ผู้โดยสารข้างคนขับที่ปรับเป็นแบบก้านธรรมดาทั่วไปที่พักแขนรวมถึงที่วางแก้วสำหรับห้องโดยสารด้านหลัง
กุญแจ รีโมท Genius Entry ไม่ต้องใช้ปลด-ล็อครถด้วยการเสียบกุญแจหรือนำออกมากดปุ่มอีกต่อไปเพราะกุญแจรีโมทอัจฉริยะนี้สามารถพกติดตัวและใช้งานผ่านปุ่มล็อคที่ก้านจับประตูเพียงอย่างเดียวก็ได้ พร้อมฟังก์ชั่น Remote Engine Start เปิดระบบปรับอากาศก่อนเข้านั่งในรถได้ในระยะ 20 เมตรได้เลย
โดยรวมแล้ว Mazda BT-50 ใหม่นี้คงความเป็นตัวเองไว้ด้วยเอกลักษณ์สุดยอดดีไซน์จาก KODO Design สวมความดุดันสมรรถนะของ Isuzu D-Max ไว้อย่างลงตัวพื้นฐานด้านเทคนิคและวิศวกรรมไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ฟีลลิ่งแบบ Isuzu D-Max ถูกแปลงโฉมซะมากกว่า