มุ่งมั่นด้วยความเข้มแข็ง
นับตั้งแต่รถยนต์ Land Rover คันแรกอวดโฉมสู่สายตาสาธารณะชนครั้งแรกในปีพ.ศ. 2491 หรือกว่า 67 ปีผ่านมาแล้ว ใครก็ตามที่ได้ยลตัวรถก็คงสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความฉลาดในการรวมเอาความแข็งแกร่งกับความอึดทนทานไว้ด้วยกัน ซึ่งกล่าวได้ว่าไม่มีที่ใดในโลกที่ Land Rover ไม่สามารถบุกถึงได้
มีร้อนก็ย่อมมีเย็น มีเหตุผลก็ต้องมีอารมณ์ในการใช้ชีวิต แบรนด์รถยนต์ Jaguar เองก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของคำกล่าวนี้ได้ เพราะยนตรกรรมทุกคันที่ถูกรังสรรค์มานั้นมากไปด้วยความโดดเด่น สวยงาม และบ่งบอกว่าทุกชีวิตย่อมมีอารมณ์อันแตกต่างอยู่เสมอ ทั้งนี้ที่เราได้กล่าวมาทั้งหมด ก็เพราะจะพาผู้อ่านไปรู้จักกับสองแบรนด์รถยนต์จากอังกฤษ ที่ทั้งคู่ต่างก็สะสมชื่อเสียงมายาวนานและเป็นโอกาสดีที่ผู้อ่านจะได้รับทราบถึงแผนการตลาด วิสัยทัศน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในบทความนี้
เราพบกับ‘คุณบี ชาญชัย มหันตคุณ’ ผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทตัวแทนจำหน่าย Land Rover และ Jaguar ประเทศไทย โดยแม้ว่าเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งมาไม่นาน แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นในการพาแบรนด์ทั้งสองให้เป็นแบรนด์อันดับต้นๆที่ผู้บริโภคต้องนึกถึง ซึ่งคุณบีเล่าถึงภาพรวมที่ผ่านมาขององค์กรว่า “ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าแบรนด์ Land Rover สร้างรถออกมามีจุดขายเฉพาะตัวในความเป็น SUV พรีเมียมที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน ทั้งเส้นทางเรียบและเส้นทาง Off road ถือว่าเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงในโลกของการเดินทางเลยก็ว่าได้ ส่วน Jaguar นี่ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานจากบริษัทผลิตรถยนต์ระดับหรูของสหราชอาณาจักร มีความโดดเด่นที่ดีไซน์ในแบบเฉพาะตัว เหมาะแก่กลุ่มผู้ใช้งานที่ชอบความหรูหรา ปราดเปรียว และไม่ชอบซ้ำใคร”
เขากล่าวถึงเรื่องความแตกต่างว่า “ผมรู้จักคนที่ใช้ LR มาเกือบ 20 ปี ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เชื่อมั่นในศักยภาพความเป็น LR ทั้งๆ ที่จำนวนศูนย์บริการของเรามีไม่เยอะเท่ารถหรูแบรนด์อื่นๆ แต่ด้วยความพิเศษของตัวรถเองและคุณภาพในการบริการทั้งก่อนและหลังการขายก็ก่อให้เกิดกลุ่มแฟนพันธุ์ที่ใช้ LR มาอย่างเหนียวแน่นครับ”
ลูกค้าเดิมรักษาไว้แล้วลูกค้าใหม่ล่ะมีวิธีการดึงดูดอย่างไรบ้าง “เนื่องจากรถที่ LR ผลิตส่วนใหญ่เป็นรถ SUV ซึ่งมันก็เหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยที่มีทั้งหลุมบ่อ น้ำท่วม หรือบางทีก็ต้องลุยทางฝุ่น ขณะเดียวกันตัวรถยังสามารถลุยได้เต็มที่ และภายในก็ถูกออกแบบให้มีความสบาย โอ่อ่า สามารถนั่งนานๆได้โดยไม่รู้สึกเมื่อย ยิ่งกว่านั้นคือผู้ใช้งานก็ยังได้ภาพลักษณ์ที่หรูหราไปพร้อมกันด้วย ผมว่าจุดนี้แหละครับที่ทำให้ LR เป็นอันดับหนึ่งในใจของลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะกับโปรดักส์ยอดนิยมอย่าง Range Rover Evoque ครับ”
นอกจากนี้เราก็ถามคุณบีอีกว่าเจ้า Range Rover Evoque Cabriolet ที่เพิ่งอวดโฉมไปเมื่อไม่นานนี้ มีแผนจะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราหรือไม่ เขาได้ตอบว่า “ก่อนอื่นเราต้องวิเคราะห์ตลาดในเมืองไทยว่าในบ้านเรามีความต้องการรถประเภทนี้มากแค่ไหน ถ้ามีความต้องการของผู้บริโภคในไทยจริงๆ เราก็มีแนวโน้มจะนำเข้ามาจำหน่ายครับ”
“ที่แน่ๆ ช่วงเดือนธันวาคมหรือในงาน Motor Expo 2015 นี้ เราเตรียมเปิดตัวรถหรูสปอร์ตคอมแพ็คคันใหม่อย่าง Jaguar XE ซึ่งรถคันนี้จะปรับภาพลักษณ์จากัวร์ให้ดูวัยรุ่นขึ้น เป็นรถสปอร์ตดีไซน์ ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี ตอนนี้เรามุ่งมั่นในการนำเสนอโปรโมชั่นให้ดึงดูดใจลูกค้าใหม่ๆอยู่ตลอด”
เอาล่ะมาถึงประเด็นสุดท้ายกับโชว์รูมและศูนย์บริการกันบ้าง “กลยุทธ์การตลาดของเราในช่วงปลายปีนี้ ถึงตลอดปีหน้า เรามุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันครับ โดยเราตั้งเป้ามอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของแบบพิเศษที่สุด เพื่อให้เกิดการบอกปากต่อปากหรือเกิดการซื้อซ้ำ รวมไปถึงการวางแผนจัดกิจกรรมต่างๆสำหรับลูกค้าของเราอีกมากมายในอนาคต นอกจากนี้ เราก็เพิ่งเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแฟล็กชิพบนถนนพระราม 4 เพื่อเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการต้นแบบ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ แห่งแรกของเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเราตั้งใจมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้า ทั้งด้านการบริการ และการซ่อมบำรุง ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย พร้อมช่างเทคนิค และพนักงานขายที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากลครับ”