• About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact
What Car? Thailand
Mazda-CX-3-Banner-whatcar-728x90-102023
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
What Car? Thailand
No Result
View All Result
Home New Car

“LAMBORGHINI LANZADOR” เผยโฉมในงาน Monterey Car Week เปิดมิติใหม่ของคอนเซ็ปต์คาร์ GT พลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยจินตนาการยานยนต์สุดล้ำ

August 28, 2023
in New Car
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

        ลัมโบร์กินี (Lamborghini) เผยโฉมคอนเซ็ปต์คาร์รุ่น Lanzador ณ งาน Monterey Car Week เพื่อแสดงวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นของแบรนด์ในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แห่งอนาคตเป็นรุ่นที่ 4 โดยคอนเซ็ปต์คาร์ Lanzador นำเสนอรถยนต์กลุ่ม GT ยกสูงพร้อมที่นั่งแบบ 2+2 ภายใต้รูปลักษณ์ที่สวย มีเอกลักษณ์โดดเด่น และชูความเป็นเลิศทางเทคนิคพร้อมแนวคิดใหม่ล่าสุดในแง่สมรรถนะและประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยยังคงไว้ซึ่ง DNA ตามแบบฉบับของลัมโบร์กินีอย่างเด่นชัด มอบภาพลักษณ์แนวสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคลาสพร้อมประสิทธิภาพการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ

        การนำเสนอคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้สอดคล้องตามกลยุทธ์ “Direzione Cor Tauri” และแผนงานการลดคาร์บอนและเปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้าซึ่งได้ประกาศไว้เมื่อปี 2021 ของบริษัทซูเปอร์สปอร์ตคาร์สัญชาติอิตาลีแห่งนี้ โดยหลังจากนำเสนอ Revuelto[1] รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 เมื่อไม่นานมานี้ การเปิดพรีวิวรุ่น Lanzador ถือเป็นการเผยข้อมูลของรถยนต์ซีรีส์นี้ซึ่งจะเริ่มต้นผลิตในปี 2028 เป็นต้นไป “แนวทางการผลิตรถรุ่นที่ 4 นี้ เสมือนการได้เปิดตัวรถยนต์เซกเมนต์ใหม่นั่นคือ Ultra GT ซึ่งจะมอบประสบการณ์การขับขี่ลัมโบร์กินีรูปแบบใหม่ที่ไร้คู่แข่ง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เราได้บุกเบิกพัฒนาขึ้น” มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าว

        คอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ผสานสุดยอดสมรรถนะอันเป็นแบบฉบับของรถซูเปอร์สปอร์ตลัมโบร์กินี เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่สนุกสนานขั้นสุด บวกกับคุณสมบัติการใช้งานแบบอเนกประสงค์เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่สามารถขับขี่ได้ทุกวัน โดย Lanzador จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แปลกใหม่แก่กลุ่มลูกค้าที่ “ชื่นชอบความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี” ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน

        นับเป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ได้ประกาศแผนการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงในช่วงทศวรรษนี้ โดยจะยังรักษาหัวใจสำคัญและจิตวิญญาณของแบรนด์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งคอนเซ็ปต์คาร์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นนี้จะเป็นรถยนต์ในกลุ่ม Gran Turismo ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ตัวถังสวยงามอย่างน่าทึ่ง การออกแบบสัดส่วนรถใหม่ทั้งหมด และประสบการณ์การเดินทางแบบเหนือชั้นที่เพียบพร้อมด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ล่าสุด ตลอดจนการออกแบบที่สวยงามซึ่งผสานสมรรถนะขั้นสูงระดับอัลตร้าของรถสปอร์ต Revuelto และความสามารถแบบอเนกประสงค์ของรุ่น Urus[2] “การนำเสนอคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นที่ 4 ทำให้เราเดินหน้าสู่อนาคตโดยที่ยังไม่หลงลืม DNA ของเรา โดยรถคูเป้คันแรกจากลัมโบร์กินีที่มีเครื่องยนต์วางหน้าแบบ Gran Turismos แนวสปอร์ตที่หรูหราสง่างาม และเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันจะเป็นรถยนต์แบบ 2+2 ที่นั่ง ซึ่งแนวคิดการผลิตรถรุ่นที่ 4 นี้ได้นำปรัชญารถซูเปอร์สปอร์ตของเรามาผสานกับเทคโนโลยีที่กล้าแกร่งรูปแบบใหม่ ตลอดจนงานดีไซน์ที่เด็ดเดี่ยว ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์ Direzione Cor Tauri ของเราได้อย่างลงตัว” มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ อธิบาย

[1] รถยนต์รุ่นนี้ยังไม่เปิดจำหน่ายในปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ Directive 1999/94/EC โดยอัตราการใช้พลังงานและการปล่อยไอเสียกำลังอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ

[2] อัตราการใช้พลังงานและการปล่อยไอเสียของรุ่น Urus ทั้งหมด: Fuel consumption combined: 14,1-12,7 l/100km (WLTP); CO₂-emissions combined: 325-320 g/km (WLTP)


เทคโนโลยีสุดล้ำ – การขับขี่ระบบไฟฟ้า 100% ด้วยการกระจายแรงแบบแปรผัน

        ลัมโบร์กินีนำเสนอคอนเซ็ปต์คาร์ที่ไม่ใช่แค่รถ Gran Turismo แบบดั้งเดิม แต่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เหนือล้ำกว่ายนตรกรรมทั้งมวล

        มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ติดตั้งกับเพลาแต่ละตัว จะสร้างความมั่นใจถึงการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% ได้ตลอดเวลาในทุกสภาวะ พื้นผิว และสไตล์การขับขี่ พร้อมให้กำลังไฟสูงสุดมากกว่าหนึ่งเมกะวัตต์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังมี active e-torque บนเพลาหลังเพื่อการเข้าโค้งที่เร้าใจแบบไดนามิก ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีตให้เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์ พลังงานของตัวรถมาจากแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่เพื่อการันตีว่าจะสามารถวิ่งได้ระยะทางไกล “การใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับเรา ไม่ได้หมายถึงข้อจำกัด แต่เป็นโอกาสอันชาญฉลาดในการพัฒนาสมรรถนะและขีดความสามารถในการขับขี่ให้สูงขึ้น” มร.รูเว็น โมห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ลัมโบร์กินี กล่าว ดังนั้นในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์จึงไม่มีการลดประสิทธิภาพในแง่ของกำลังเครื่อง ความรื่นรมย์ในการเดินทาง และประสิทธิภาพการขับขี่ และนี่คือรถยนต์ลัมโบร์กินีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่นักขับสามารถใช้งานได้ทุกวันอย่างเพลิดเพลิน

       อย่างไรก็ดี ไม่แค่เฉพาะส่วนฮาร์ดแวร์เท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดนิยามของรถยนต์ลัมโบร์กินีพลังไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงแห่งอนาคต แต่ยังรวมถึงซอฟต์แวร์และระบบควบคุมด้วยเช่นกัน “ลัมโบร์กินีพร้อมสร้างนิยามและความแตกต่างแห่งอนาคตให้กับตัวเอง ด้วยกลยุทธ์ระบบควบคุมแบบแอ็กทีฟที่สมบูรณ์แบบ เราได้ยกระดับระบบควบคุมการขับขี่ไดนามิกส์แบบบูรณาการของลัมโบร์กินีสู่มาตรฐานใหม่ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อนในการผลิตรถสปอร์ต เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบแนวใหม่ให้แก่ลูกค้าของเรา” มร.รูเว็น โมห์ อธิบาย “การหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างกำลัง สมรรถนะ ระยะทาง และอากาศพลศาสตร์ ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการพัฒนา แต่ความท้าทายก็คือรากฐานสำคัญของศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ลัมโบร์กินีมาโดยตลอด”

พุ่งทะยานเต็มประสาทสัมผัส

        นักขับสามารถปรับแต่งระบบทั้งหมดได้ในขณะขับขี่ผ่านอุปกรณ์ควบคุมบนพวงมาลัยแบบสปอร์ต จึงควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวของรถได้อย่างฉับไวและสร้างสรรค์คาแรกเตอร์การขับขี่ได้ในแบบเฉพาะตัว

       แฟกเตอร์การควบคุมทั้ง 3 ด้านที่มีความสำคัญมากสำหรับคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ รวมถึงรถยนต์ลัมโบร์กินีสมรรถนะสูงในอนาคต ได้แก่

  1. ระบบควบคุมไดนามิกส์การขับขี่

         ระบบควบคุมไดนามิกส์การขับขี่ Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับลัมโบร์กินีทั้งในคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้และรถยนต์สมรรถนะสูงในอนาคต โดยเซ็นเซอร์และหัวฉีดจำนวนมากจะถูกนำมาผสานเข้ากับ LDVI ในอนาคต เพื่อสร้างพฤติกรรมการขับขี่ที่ละเอียดและแม่นยำ รวมถึงนวัตกรรมขั้นสูงที่ไม่ใช่เฉพาะในส่วนฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัลกอริทึมการควบคุมซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการองค์ประกอบต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเมื่อมีเซ็นเซอร์ป้อนข้อมูลไปยังระบบควบคุมมากขึ้น อัลกอริทึมก็จะสร้างความแตกต่างของสัมผัสในการขับขี่และการตอบสนองได้ละเอียดมากขึ้น สิ่งนี้จะช่วยจำแนกลักษณะการขับขี่ของผู้ขับแต่ละรายได้แม่นยำมากกว่าที่เคย โดยจะแสดงผลข้อมูลแก่นักขับผ่านเซ็นเซอร์อัจฉริยะซึ่งอยู่หลังแผงกระจก “นักบิน” รูปแบบใหม่ที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของรถ มอบความรู้สึกเสมือนเทคโนโลยีเรดาร์นำทางแห่งอนาคตเลยทีเดียว

  1. ระบบอากาศพลศาสตร์แบบแอ็กทีฟ

         ระบบอากาศพลศาสตร์แบบแอ็กทีฟจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในรถยนต์ไฟฟ้าพลังแบตเตอรี่มากกว่าในรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต เพราะจะช่วยเพิ่มระยะทางที่รถวิ่งได้ในการชาร์จไฟแบตเตอรี่แต่ละครั้ง และในขณะเดียวกันก็ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ โดย Lanzador สามารถปรับค่าแรงกดที่แม่นยำเมื่อรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงและสร้างแรงต้านอากาศต่ำสุดเมื่อรถทำความเร็วสูงสุดได้อย่างฉับไว เพื่อมอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ โดยปรัชญาแห่งอนาคตของลัมโบร์กินีนั่นคือ “วิสัยทัศน์อากาศพลศาสตร์อัจฉริยะ” จึงได้ถูกนำมาใช้อย่างชัดเจนในคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนการไหลของอากาศให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่แต่ละแบบ ตลอดจนตอบโจทย์สไตล์ของนักขับที่แตกต่างและระยะทางที่ต้องการในแต่ละทริป

         ระบบอากาศพลศาสตร์อัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นใหม่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถซูเปอร์สปอร์ตลัมโบร์กินีรุ่นต่าง ๆ โดยได้รวมเอาระบบ ALA (Aerodinamica Lamborghini Attiva) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รู้จักกันดีในรุ่น Huracán Performante และ Aventador SVJ ร่วมกับการติดตั้งอุปกรณ์พลศาสตร์แบบใหม่ทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อสร้างความมั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุดของคอนเซ็ปต์คาร์เมื่อวิ่งในโหมด Urban และมอบแรงกดที่ดีที่สุดในโหมด Performance โดยวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในระบบ ALA ของลัมโบร์กินีซึ่งถูกใช้ในการพัฒนาดิฟฟิวเซอร์ ถือเป็นบทพิสูจน์แห่งการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัท เพื่อมอบสุดยอดประสิทธิภาพแห่งการพุ่งทะยานและการเพิ่มระยะทางการขับขี่ให้ไกลที่สุด

         ระบบอากาศพลศาสตร์แบบแอ็กทีฟใช้ม่านอากาศด้านหน้าและสปลิตเตอร์แบบปรับได้ ซึ่งเมื่อเปิดทำงานจะช่วยเปิดท่อระบายความร้อนของเบรกและใบพัดระบายความร้อนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเมื่อท่อ S-Duct ทำงานร่วมกับบานเกล็ดด้านในเพื่อการระบายอากาศในซุ้มล้อพร้อมกับม่านอากาศ ก็จะช่วยเพิ่มแรงกดได้มากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับโหมดที่ตั้งค่าไว้ว่าเป็นแบบ Efficient หรือ Downforce และด้วยการใช้ช่องระบายอากาศทำให้สามารถป้องกันแรงดันในซุ้มล้อจากการที่ส่วนหน้าของรถอาจยกตัวขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ส่วนบานเกล็ดด้านในยังช่วยสร้างแรงกดโดยไม่เพิ่มแรงฉุด สำหรับการใช้ล้อขนาด 23 นิ้ว นักออกแบบได้ผสานองค์ประกอบหกเหลี่ยมในใบพัดระบายอากาศเพื่อลดการผันผวนของกระแสลมบริเวณล้อ

         สำหรับส่วนท้ายของรถ ใบพัดระบายอากาศจะสามารถขยายออกด้านข้างและออกจากส่วนดิฟฟิวเซอร์เพื่อเพิ่มแรงกดอากาศร่วมกับสปอยเลอร์หลัง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่ตั้งไว้ โดยในโหมด Efficient การไหลของอากาศจะปะทะกับตัวรถตลอดความยาวของตัวถังด้านนอก จนกระทั่งกระจายออกด้านหลังตามแนวลมที่กำหนดไว้ และระบบ ALA จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มแรงดันกลับคืนสู่ด้านหลัง ซึ่งจะช่วยลดแรงฉุดและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

  1. ระบบกันสะเทือนแบบแอ็กทีฟ

        ด้วยการใช้โครงแชสซีแบบแอ็กทีฟ รวมถึงเพลาหลังแบบปรับได้และระบบถุงลมกันสะเทือน ทำให้ Lanzador สามารถปรับแต่งคุณสมบัติของตัวเองให้สอดคล้องกับทุกสภาพถนนได้อย่างยอดเยี่ยม หรือทำงานตามรูปแบบที่นักขับตั้งค่าไว้ โดยสามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้อย่างฉับไวระหว่างการเดินทาง ผ่านอุปกรณ์ควบคุมบนพวงมาลัย

การกระจายแรงบิด

       ข้อได้เปรียบที่สำคัญของรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าแบบสองมอเตอร์ คือการกระจายแรงบิดที่แม่นยำเพื่อเพิ่มไดนามิกส์การขับขี่ โดยแนวคิดของลัมโบร์กินี ระบบควบคุมจะคอยคำนวณแรงบิดที่จำเป็นหรือที่ต้องการสำหรับเพลาแต่ละชิ้นอย่างรวดเร็วในหน่วยเวลาเป็นมิลลิวินาที ซึ่งมอเตอร์ทั้งสองตัวจะจำแนกความแตกต่างและสนับสนุนการทำงานของเพลาหลังทั้งในด้านซ้ายและขวาอย่างเหมาะสม

ระบบควบคุมความเร็วล้อ

        ด้วยการใช้ระบบควบคุมความเร็วล้อ ทำให้ลัมโบร์กินีสามารถควบคุมกำลังและแรงกระทำกับแต่ละล้อได้อย่างละเอียดเพื่อการเลี้ยวเข้าที่แม่นยำมากขึ้น รวมถึงการขับทางตรงและการใช้ความเร็วบนถนนที่คดเคี้ยว โดยยังสามารถใช้อัตราเร่งที่เร็วแรงเต็มสปีด

      “การทำงานร่วมกันของระบบต่าง ๆ จะช่วยยกระดับการขับขี่ของคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้สู่มาตรฐานใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับรถซูเปอร์สปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม และนี่คือรถยนต์กลุ่ม Ultra GT พลังไฟฟ้าที่ชาญฉลาดในระดับ Super-intelligent” มร.รูเว็น โมห์ กล่าว “ด้วยการติดตั้งโหมดการขับขี่แบบบูรณาการขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ รวมถึงระบบควบคุมแบบแอ็กทีฟ ทำให้ลัมโบร์กินีสามารถยกระดับความเพลิดเพลินและประสิทธิภาพในการขับขี่ ตลอดจนความปลอดภัยและการตอบสนองกับนักขับได้อย่างดีเยี่ยม”

        “ผมมั่นใจว่าคอนเซ็ปต์คาร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในรถยนต์รุ่นนี้ สามารถสร้างความเชื่อมั่นไม่ใช่เฉพาะกับลูกค้าเดิม แต่ยังรวมถึงผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีอีกเป็นจำนวนมาก ให้ได้ทราบว่ารถยนต์ลัมโบร์กินีเจนเนอเรชั่นนี้กำลังจะสร้างตำนานบทใหม่ ทั้งในแง่เทคโนโลยี สมรรถนะ การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล และไดนามิกส์การขับขี่แบบครบครัน” มร.รูเว็น โมห์ อธิบาย

ดีไซน์ยานยนต์ที่เหนือล้ำทุกความคาดหมาย

        แบรนด์ลัมโบร์กินีคือ DNA แห่งการออกแบบอันเปี่ยมเอกลักษณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง ผ่านการนำเส้นสายสุดไอคอนิกมาตีความเป็นวิสัยทัศน์และแนวทางล้ำหน้าสู่อนาคต

         การเปิดตัว Lanzador จึงแสดงให้เห็นว่าให้ลัมโบร์กินีกำลังเดินหน้าสู่อนาคตอย่างเต็มรูปแบบ โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ได้มอบสัดส่วนใหม่และยังเป็นตัวแทนของรถยนต์กลุ่มใหม่ของแบรนด์นั่นคือ Ultra GT ซึ่งไม่เพียงเห็นได้จากรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมภายใน ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของลัมโบร์กินีทั้งในแง่ของพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารและบรรยากาศที่กว้างขวางสะดวกสบาย

          การออกแบบคอนเซ็ปต์คาร์ GT นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอากาศยาน โดย มร.มิตจา โบร์เคิร์ต ผู้อำนวยการฝ่ายการออกแบบของ Centro Stile ซึ่งทำงานให้กับลัมโบร์กินี อธิบายถึงจุดเริ่มต้นของกระบวนการออกแบบว่ามาจากรถซูเปอร์สปอร์ต หากต่อยอดไปสู่การวางตำแหน่งของนักขับอย่างเหมาะสม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Huracan Sterrato[1]

         การออกแบบภายนอกให้ความรู้สึกบึกบึนห้าวหาญและเหนือล้ำทุกความคาดหมาย ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายและสะอาดตาซึ่งถือเป็นแบบฉบับของลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง และยังเต็มไปด้วยความหนักแน่นซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์ลัมโบร์กินีรุ่นตำนานอย่าง Sesto Elemento, Murciélago และ Countach LPI 800-4 รูปลักษณ์ด้านข้างใช้เส้นสายที่เรียบง่ายในแบบฉบับลัมโบร์กินี ผสานกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวที่พัฒนาขึ้นสำหรับคอนเซ็ปต์คาร์โดยเฉพาะ โดยมีการออกแบบความลาดเอียงของห้องโดยสารอย่างชัดเจนจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในขณะเดียวกัน ดีไซน์ส่วนล่างของตัวรถยังได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์อันชาญฉลาด โดยผสานเข้ากับองค์ประกอบสุดล้ำที่ขยับได้ดังเช่นที่พบในรถซูเปอร์สปอร์ตของลัมโบร์กินีหลายรุ่น และด้วยความสูงสุดของหลังคาเพียง 1.5 เมตร ทำให้รถยนต์ Grand Turismo พลังไฟฟ้ารุ่นนี้โหลดต่ำเข้าใกล้พื้นถนนได้อย่างทรงพลัง มอบความประทับใจด้วยระดับการโหลดต่ำอย่างที่ไม่มีรุ่นใดเปรียบได้ ซึ่งเกิดจากรูปทรงที่พุ่งไปข้างหน้าของห้องโดยสารและเส้นสายไดนามิกที่คมชัดตลอดทั้งตัวรถ

 

         ดีไซน์ห้องโดยสารสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ “Feel like a pilot’” ของลัมโบร์กินีอย่างโดดเด่น ผสานกับแนวคิดของอากาศยานผ่านแนวคิดรถยนต์ 2+2 GT แต่ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการใช้แนวคิดที่นั่ง 2+2 ในแบบฉบับไลฟ์สไตล์ ห้องโดยสารส่วนหลังยังสามารถใช้บรรทุกสัมภาระได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬาหรือกระเป๋าเดินทางทุกรูปแบบ

         ช่องใส่สัมภาระถูกซ่อนไว้ใต้ฝากระโปรงหน้าที่สั้นและลาดเอียง ส่วนประตูท้ายกระจกขนาดใหญ่สามารถเปิดออกกว้าง เบาะนั่งด้านหลังและช่องเก็บสัมภาระหลังที่ปรับได้ยังทำให้คอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้สามารถประยุกต์ใช้งานกับทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

        การออกแบบรายละเอียดต่าง ๆ ของคอนเซ็ปต์คาร์แห่งอนาคตนี้เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน และสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะตัว อาทิ ดีไซน์ไฟหน้าที่เพรียวบางได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Countach LPI 800-4 ในขณะที่ไฟท้ายทรงหกเหลี่ยมรวมถึงรูปแบบแสงอันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ถูกตกแต่งด้วยองค์ประกอบไฟ LED สามดวงบนตัวรถแต่ละด้าน นอกจากนี้ ดีไซน์ไฟรูปตัว Y และองค์ระกอบรูปหกเหลี่ยมซึ่งเป็นลักษณะเด่นของการออกแบบรถยนต์ลัมโบร์กินีก็สามารถพบเห็นได้ทั่วทั้งตัวรถ รวมถึงไฟท้ายและห้องโดยสารภายในเช่นกัน

        “Lamborghini Lanzador คือคอนเซ็ปต์คาร์ที่เปี่ยมด้วยแนวคิดที่มีวิสัยทัศน์และล้ำยุคที่สุดของเรา ณ วันนี้ พร้อมมอบรูปลักษณ์อันน่าทึ่งและความงามรูปโฉมใหม่อย่างแท้จริง” มร.มิตจา โบร์เคิร์ต กล่าว “สัดส่วนนี้ถือเป็นสิ่งใหม่และยังไม่เคยปรากฏมาก่อน ด้วยศักยภาพในการสร้างกลุ่มรถยนต์ใหม่ในทุกรายละเอียด ทำให้ Lanzador นำเสนอสัดส่วนใหม่แห่งรถสปอร์ตโดยคนขับอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งชวนให้นึกถึงรุ่น Huracán Sterrato ที่ได้รับการออกแบบสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุคของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่สดใหม่ของลัมโบร์กินีในด้านการผสมผสานความยั่งยืนอย่างจริงจัง ผ่านการตกแต่งห้องโดยสารที่ให้พื้นที่มากขึ้นและการใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งทำให้ Lanzador เป็นคอนเซ็ปต์คาร์ที่ห้าวหาญและเหนือล้ำทุกความคาดหมาย แสดงถึงศักยภาพของรถยนต์ลัมโบร์กินีแห่งอนาคต พร้อมการออกแบบที่เร้าอารมณ์ให้เป็นต้นแบบแห่งสมรรถนะขั้นสูงในการสร้างสรรค์รถยนต์ Ultra GT ของแบรนด์อย่างแท้จริง”

         ตำแหน่งนักขับในห้องโดยสารยังถูกกำหนดโดยแผงหน้าปัดที่เพรียวบางน้ำหนักเบา ซึ่งใช้องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น รูปตัว Y ขนาดใหญ่ในส่วนเชื่อมคอนโซลกลาง และด้วยคุณสมบัติการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวัน รวมกับประสิทธิภาพและตำแหน่งที่นั่งแบบรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ต ทำให้หัวหน้าฝ่ายออกแบบ มิตจา โบร์เคิร์ต  มีอิสระในการตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศที่กว้างขวาง สะดวกสบายอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเกิดจากการใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบกับรถยนต์รุ่นนี้

 

        ที่นั่งคนขับและข้างคนขับจะอยู่ระดับต่ำเหมือนกับในเครื่องบินเจ็ต คั่นด้วยคอนโซลกลางที่เชื่อมต่อมุมมองกับแผงหน้าปัด ส่วนแผงควบคุมระบบความบันเทิง ระบบปรับอากาศ และฟังก์ชันดิจิทัลรุ่นใหม่ จะติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลางในระยะที่คนขับเอื้อมถึงตามตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ ส่วนผู้โดยสารจะสามารถดูข้อมูลผ่านหน้าจอที่หดซ่อนได้อัตโนมัติ และเมื่อใช้ระบบการควบคุมแบบ Lamborghini ANIMA คนขับจะสามารถสลับโหมดการขับขี่แบบต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแบบ Efficiency และ Performance เพื่อให้ได้ไดนามิกส์การขับขี่ที่ดีที่สุดตามต้องการ

          คอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ทำสีด้วย Liquid color ที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการเปิดตัวรถยนต์ในงาน Monterey Car Week ซึ่งเป็นสีใหม่ที่สวยงามทันสมัยในชื่อ Azzurro Abissale

[1] อัตราการใช้พลังงานและการปล่อยไอเสียของรุ่น Huracán Sterrato; Fuel consumption combined: 14,9 l/100km (WLTP); CO2-emissions combined: 337 g/km (WLTP)

แนวคิดวัสดุที่ยั่งยืน

       สำหรับคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ นักออกแบบได้ถ่ายทอดปรัชญาในด้านวัสดุที่ยั่งยืนไปสู่การตกแต่งห้องโดยสารภายใน โดยเป็นการบุกเบิกสิ่งใหม่โดยยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ สัมผัส คุณภาพและความทนทาน คอนเซ็ปต์คาร์นี้จึงแสดงถึงศักยภาพทางเทคนิคของแบรนด์ในปัจจุบัน และยกระดับลัมโบร์กินีไปสู่อีกขั้นของความยั่งยืน

      งานตกแต่งภายในใช้วัสดุที่ยั่งยืนซึ่งผลิตในอิตาลีเกือบทั้งหมด บริเวณแผงหน้าปัด เบาะนั่ง และแผงประตู ได้รับการตกแต่งด้วยผ้าขนแกะเมอริโนคุณภาพสูง (จากบริษัทสัญชาติอิตาลีที่ผ่านมาตรฐาน B Certified) ส่วนด้ายย้อมสีทำจากวัสดุรีไซเคิล ทั้งไนลอน/พลาสติกรีไซเคิล รวมถึงวัสดุที่ไม่ใช่พลาสติกอีกหลายชนิด เช่น โฟมในส่วนเบาะนั่งแนวสปอร์ตทำจากเส้นใยรีไซเคิลซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีการพิมพ์ 3 มิติ แม้แต่เส้นใยคาร์บอนที่นำมาใช้ร่วมกันในหลายส่วน เช่นคอนโซลกลางและแผงประตู ก็ทำมาจากคาร์บอนแบบผลิตซ้ำซึ่งเป็นวัสดุคอมโพสิตสองชั้นแบบใหม่

วัสดุหนังฟอกที่ยั่งยืน

          วัสดุหนังที่ยั่งยืนคือหนังที่ผ่านการฟอกด้วยน้ำพิเศษซึ่งผ่านกรรมวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ โดยเป็นน้ำจากการผลิตน้ำมันมะกอกและต้องได้รับการบำบัดในโรงบำบัดน้ำมาก่อน เนื่องจากมีความเป็นกรดสูง มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ และเป็นพิษต่อพืช อย่างไรก็ดี น้ำที่เหลือจากการผลิตน้ำมันมะกอกยังสามารถนำมาใช้ซ้ำได้โดยผู้ผลิตเคมีภัณฑ์เพื่อการผลิตสารฟอกหนัง ซึ่งกระบวนการฟอกหนังยังมีรูปแบบการทำงาน “ในแบบฉบับอิตาลี” เหมือนกับการผลิตน้ำมันมะกอกของอิตาลี

วัสดุผ้าขนแกะเมอริโน 100%

        ลัมโบร์กินีใช้ขนแกะที่ได้จากแกะออสเตรเลียนเมอริโนแทนขนแกะสังเคราะห์ โดยในทุกๆ ปี แกะจะงอกขนขึ้นใหม่ ทำให้ขนแกะเป็นเส้นใยที่สร้างใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งผลิตในเชิงอุตสาหกรรมจากพลังงานฟอสซิลที่ไม่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยขนแกะจะมีการนำเข้ายุโรปปีละครั้งและขนส่งผ่านทางเรือ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกทางหนึ่ง สิ่งทอนี้ผลิตโดยบริษัทสิ่งทออิตาลีเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการรับรองระดับ B-corporation ผ้าขนแกะเมอริโนยังสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ มีความนุ่มนวลและสัมผัสนุ่มสบาย

คาร์บอนผลิตซ้ำผ่านกระบวนการรีไซเคิล

        เส้นใยคาร์บอนที่ผลิตซ้ำเป็นวิธีการใหม่สำหรับวัสดุคอมโพสิตที่พัฒนาโดยลัมโบร์กินี เพื่อให้สอดคล้องกับ DNA และข้อกำหนดด้านความยั่งยืน วิธีการขึ้นรูปใหม่จะกำหนดเป็นชั้นที่โชว์ความสวยงาม (ด้านที่มองเห็น) และชั้นใน (ชั้นโครงสร้าง) ตามข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพ โดยในชั้นโชว์ความสวยงาม เส้นใยหลายชนิดยังอยู่ขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งจะมีทั้งเส้นใยธรรมชาติบางชนิดที่ถักทอเข้ากับเส้นใยคาร์บอน วิธีการนี้จะยังคงคุณสมบัติทางเทคนิคของคาร์บอนไว้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ลงด้วย สำหรับชั้นโครงสร้างด้านใน ลัมโบร์กินีกำลังทดลองกับวัสดุหลัก เช่น คาร์บอนรีไซเคิล ซึ่งประกอบด้วยแผ่นคาร์บอนรีไซเคิล หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้โฟมจากพลาสติก PET รีไซเคิล นอกจากนี้ ทั้งชั้นโชว์ความสวยงามและชั้นโครงสร้างจะถูกผสานรวมกับเรซินชีวภาพเพื่อยกระดับแนวทางที่ยั่งยืน วิธีการทำงานนี้มอบอิสระสูงสุดในการออกแบบและการปรับเปลี่ยน พร้อมกับการรักษาคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพทางเทคนิคที่ดีเยี่ยม

เส้นใยสังเคราะห์จากพลาสติกรีไซเคิล

         ลัมโบร์กินีใช้เส้นด้ายสังเคราะห์ชนิดใหม่ในหลายองค์ประกอบของคอนซ็ปต์คาร์รุ่นนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลที่เก็บรวบรวมมาจากมหาสมุทร โดยนำมาฉีกเป็นฝอยละเอียด ล้าง ตากแห้ง บีบอัดด้วยแรงดันสูง และแปรรูปเป็นเส้นใยไนลอนบางๆ ในที่สุด เส้นด้ายเหล่านี้จะถูกรวมเป็นม้วนไนลอนขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกภายหลัง ข้อดีหลัก ๆ คือวัสดุนี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เสมอและยังสามารถผ่านวงจรการผลิตซ้ำได้หลายรอบ นับเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรแบบพิเศษ ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถผลิตส่วนประกอบได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนพลาสติกที่ผลิตจากกระบวนการปิโตรเลียมแล้ว ชิ้นส่วนนี้ถือว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าถึง 80%

วัสดุโฟมจากกระบวนการพิมพ์ 3 มิติ

      สิ่งสำคัญในการผลิตอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์ทรัพยากร ต้องอาศัยกระบวนการพิมพ์ 3 มิติแบบใหม่สำหรับชิ้นส่วนพลาสติก เช่น วัสดุโฟมในเบาะนั่งแนวสปอร์ต โดยวัสดุการพิมพ์แบบใหม่สำหรับกระบวนการ FDM (Fused Deposition Modelling) จะทำมาจากขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติกใช้แล้ว ซึ่งนับเป็นวัสดุอเนกประสงค์และเป็นพลาสติกที่มีความเสถียร ไม่เป็นอันตราย และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเป็นวัสดุพื้นฐานสำหรับการทำโฟมรองนั่งที่ด้วยการพิมพ์ 3 มิติ เนื่องจากมีความทนทานทั้งในเชิงเทคนิค ทนความร้อน และทนทานต่อสารเคมีได้ดี ทั้งยังสามารถใช้งานเพื่อความหรูหราและแทบมองไม่เห็นเมื่อถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าหุ้มเบาะ อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้งหลังหมดอายุการใช้งาน โดยสัดส่วนของวัสดุที่นำกลับมารีไซเคิลได้จะอยู่ระหว่าง 45-100% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของขยะ

โร้ดแมปการลดคาร์บอน “Direzione Cor Tauri” ของลัมโบร์กินี

       ลัมโบร์กินีให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและหลีกเลี่ยงการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นเวลาหลายปี นับตั้งแต่ปี 2015 โรงงานที่ Sant’Agata Bolognese ซึ่งมีพื้นที่ 182,000 ตร.ม. ได้ดำเนินการในฐานะบริษัทที่เป็นกลางทางคาร์บอนตามแผนงานการลดคาร์บอน “Direzione Cor Tauri” ที่ประกาศไว้ในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งระบุว่าบริษัทจะมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย นับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

       “Cor Tauri” เป็นภาษาละตินแปลว่าหัวใจวัว ในขณะเดียวกันก็เป็นชื่อของดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวราศีพฤษภ ซึ่งส่องแสงให้ลัมโบร์กินีมองเห็นหนทางสู่อนาคตแห่งพลังงานไฟฟ้าที่สดใส และยังคงเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของแบรนด์อีกด้วย “แผนการใช้พลังงานไฟฟ้าของลัมโบร์กินีคือการเปลี่ยนแปลงที่มิอาจหลีกเลี่ยงเนื่องจากบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราต้องการมีส่วนร่วมเยียวยาเรื่องนี้ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการที่เป็นรูปธรรมของเรา”  มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ กล่าวในงานเปิดตัว

        ลัมโบร์กินีวางแผนที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2024 โดยบริษัททุ่มงบลงทุนกว่า 1.9 พันล้านยูโรในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพื่อการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์อิตาลี โดยแนวคิดรถยนต์รุ่นที่ 4 ไม่ใช่แค่เครื่องสาธิตทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็น “ห้องปฏิบัติการติดล้อ” ที่ได้รับการปรับปรุงในแง่ของวัสดุที่ยั่งยืนอีกด้วย คอนเซ็ปต์คาร์เวอร์ชันผลิตจริงจะพร้อมมอบสุดยอดสมรรถนะตั้งแต่ปี 2028 เป็นต้นไป และจะก้าวสู่ระดับแถวหน้าของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ โดยยังคงไว้ซึ่ง DNA ของแบรนด์อย่างสมบูรณ์ และพร้อมยกระดับการผลิตของลัมโบร์กินีที่สืบทอดมานานกว่า 60 ปี ไปสู่ทศวรรษใหม่

         แนวคิดรถยนต์รุ่นที่ 4 ครอบคลุมทั้งการออกแบบ ประสิทธิภาพ และยังเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าลัมโบร์กินีกำลังมุ่งหน้าไปทิศทางใดในอนาคต “สำหรับเรานั้น รถยนต์รุ่นที่ 4 ถือเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอในปัจจุบันที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง โดยป็นการเชื่อมโยงที่สมบูรณ์แบบระหว่างรุ่น Urus และรถซูเปอร์สปอร์ตรุ่นอื่น ๆ ของเรา” มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ กล่าว รถยนต์รุ่นที่ 4 นี้จะช่วยให้ลัมโบร์กินีได้สร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต ซึ่งผสานรถซูเปอร์สปอร์ตอันเร้าใจเข้ากับเครื่องยนต์ไฮบริด รวมถึงใน Urus รุ่นถัดไปที่จะใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริดด้วยเช่นกัน

        Lanzador ไม่ใช่แนวคิดของนักออกแบบหรือวิศวกร แต่เป็นการแสดงตัวอย่างที่เด่นชัดของรถยนต์รุ่นผลิตจริงที่ลัมโบร์กินีจะนำเสนอในปี 2028 ซึ่งรถยนต์รุ่นที่ 4 นี้จะดำเนินการผลิตในโรงงาน Sant’Agata Bolognese และเพื่อการผลิตที่สมบูรณ์แบบ ลัมโบร์กินีกำลังวางแผนขยายโรงงานและจ้างพนักงานเพิ่มเติมต่อไป  

 

1 of 69
- +

1.

2.

3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

40.

41.

42.

43.

44.

45.

46.

47.

48.

49.

50.

51.

52.

53.

54.

55.

56.

57.

58.

59.

60.

61.

62.

63.

64.

65.

66.

67.

68.

69.

Related Posts

New Car

New Porsche Macan all-electric SUV  มาคันน์ เอสยูวี ไฟฟ้า 100 % น้องใหม่จากค่าย ปอร์เช่

January 27, 2024
New Car

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic  2024 (Facelift) 

January 26, 2024
New Car

Mazda6 20th Anniversary Edition

December 2, 2023
New Car

‘MAZDA ICONIC SP’ รถต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์

November 1, 2023
New Car

Volkswagen ID.X Performance Concept เปิดตัว  EV 550 แรงม้า พร้อม Aggressive Aero

September 10, 2023
New Car

ใหม่ 2024 Lotus Emeya ซาลูนไฟฟ้าเผยโฉมด้วยกำลัง 905 แรงม้า รถยนต์ซาลูนสมรรถนะสูงแห่งแรกของแบรนด์อังกฤษนับตั้งแต่ Carlton มาถึงในรูปแบบ EV กำลังสูง

September 8, 2023
Leave Comment

What Car? Thailand

 

นิตยสารและเว็บไซต์ whatcar.co.th เนื้อหาลิขสิทธิ์รถยนต์ที่แรกที่เดียวในไทย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ จาก What Car? whatcar.com ประเทศอังกฤษซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกมายาวนานกว่า 45 ปี.

Follow us

Categories

  • Awards
  • Big Bike
  • Comparison
  • CSR
  • Feature
  • First Drive
  • Insights
  • Inter News
  • New Car
  • News
  • PR
  • Promotion
  • Reviews
  • Road Test
  • Road Trips
  • Tip Technic
  • Uncategorized
  • Your Cars

Instagram

  • ลาก่อน EQS สวัสดี S-Class รถยนต์ไฟฟ้า : Mercedes จะรวมทั้งสองรุ่นเข้าด้วยกันในปี 2030 ⚡
  • พักเบรกกับค่ายจีน 🇨🇳ที่กำลังลงมาเล่นตลาด ⚡🔋
รถยนต์ไฮบริด (Hybird) นั่งกันไม่ติดและ ญี่ปุ่น 🇯🇵
.
ไม่รู้ว่านุดมีแมว...หรือแมวมีนุดกันแน่ 😆
 "ประกาศิต" ก็เป็นทาสจ๊ะ 555
.
แม่น้ำตาลเป็นแมวที่อายุใกล้ 20 ปี ก็จะดูวัยรุ่นหน่อย 😸
โลกนี้ให้ความสำคัญกับแมวอยู่นะ.... “วันแมวโลก”  International Cat Day 
8 สิงหาคมของทุกปี
.
#InternationalCatDay 
#แม่น้ำตาลหวานเจียบ
  • เดินทางด้วยรถ Benz E 220 d AMG Line 😆🌊🌴
จากเส้นทางภูเก็ต - พังงา ถึง รร.เยาววิทย์ 
ทริป /CSR เมอร์เซเดสเบนซ์ ประเทศไทย
.
ขนาดตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,935 x 1,852 x 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,939 มิลลิเมตร
.
เครื่องยนต์
.
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
.
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed 238 km/h
.
ภายนอก
- ชุดตกแต่งภายนอก AMG Body Styling
- ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
- ไฟหน้า LED High Performance
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
- ระบบกุญแจ Keyless-GO
- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate
- ระบบช่วยปิดประตู Power Closing Doors (ประตูดูด)
.
ภายใน และระบบอำนวยความสะดวก
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 2-Zones
- ระบบปรับสมดุลอากาศ - ฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL (HEPA)
- ม่านบังแดดประตูคู่หลัง
- ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง
- หน้าจอ MBUX Multimedia HyperScreen และ หน้าจอมาตรวัดแบบ 3D
- Passenger Screen หน้าจอแยก สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ที่แยกควบคุมกับจอกลางได้ โดยไม่รบกวนการควบคุมของส่วนกลางภายในรถ
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูลงจากรถ Exit Warning
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Active Distance Assist DISTRONIC with Stop&Go
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Lane Tracing Package
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Active Lane Keeping Assist
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Collision Warning
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driving Assistance System
.
.
#MercedesBenz #EClass #E220d #E220dAMGLine
  • สีดำ....หล่อแบบเข้ม เข้ม 😆
เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด
ด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วย ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ 
.
เครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้กำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น 
.
เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) 
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) 
-ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) 
-ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) 
-ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) 
-ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) 
-กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) 
-พร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) 
.
ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ละเอียด แม่นยำ พร้อมปกป้องคุณให้ปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปในแบบ 360 องศา
.
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay ที่พร้อมเชื่อมต่อแบบไร้สาย และ Android Auto 
.
#WHATCARThailand
#MitsubishiMotorsThailand #mitsubishitritonblackedition
#triton #blackedition
  • A5 Sedan ใหม่ ตัวแทน Audi A4 Sedan คู่แข่งใหม่ BMW 3 Series และ Mercedes C-Class
.
ภายนอกออกแบบใหม่ด้วยกระจังหน้าเพรียวขึ้น ไฟหน้าแบบ LED daytime running และไฟท้ายแบบ OLED ที่สามารถปรับการแสดงผลได้สูงสุด 8 รูปแบบ ที่นอกจากจะแสดงความแตกต่างเพื่อความสวยงามแล้ว สำหรับไฟท้ายยังสามารถใช้เป็นการสื่อสารกับรถคันหลังได้อีกด้วย
.
ภายในออกแบบหน้าจอ  3 ชิ้น โดยเลือกใช้แนวคิดการยึดหลักผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ virtual Cockpit ใช้เทคโนโลยีหลอดไฟแบบ OLED ขนาด 11.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว เป็นระบบสัมผัส ทั้งยังมีออฟชั่นหน้าจอสำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 10.9 นิ้ว
ความพิเศษยังอยู่ที่ A5 Sedan ที่ติดตั้งฝากระโปรงท้ายแบบยกเปิด เสมือนเป็นรุ่น Sportback จากโรงงาน
.
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง เบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
2.0 TDI
เครื่องยนต์ดีเซล TDI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร  สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
2.0 TFSI
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อคู่หน้าเท่านั้น และรุ่นอัพเกรด 204 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
รุ่น S5
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48-volt เพื่อลดมลพิษสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
.
#WHATCARThailand
#AUDI #A5Sedan
  • #Promotion #Toyota ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถในงาน #MOTORSHOW2024
#PR #promote #whatcar #whatcarthailnd 🥳👍🫰
  • #Tesla #Cybertruck ลองกระสุนเบอร์ไหนเข้า...? คุ้มนะถ้า 2.5m Baht คนไทยพร้อมซื้อ (รวย)😆🥳😃🧐🤓
#whatcar #whatcarthailand
  • พาชม #Porsche ในงาน Motor Show 2024
#whtacarthailand #whatcar
  • พาชม #Mitsubishi ในงาน Motor Show 2024
#whatcar #whatcarthailnd

Newsletter

© 2022 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.

  • About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้นโยบายคุกกี้ กด “ยอมรับ”
Cookie settingsยอมรับ
Manage consent

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.
Necessary
Always Enabled
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. These cookies ensure basic functionalities and security features of the website, anonymously.
CookieDurationDescription
cookielawinfo-checkbox-advertisement1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Advertisement" category .
cookielawinfo-checkbox-analytics1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Analytics" category .
cookielawinfo-checkbox-functional1 yearThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Necessary" category .
cookielawinfo-checkbox-others1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Others".
cookielawinfo-checkbox-performance1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Performance".
CookieLawInfoConsent1 yearRecords the default button state of the corresponding category & the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie.
Functional
Functional cookies help to perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collect feedbacks, and other third-party features.
Performance
Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.
CookieDurationDescription
_lscache_vary2 daysNo description available.
Analytics
Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.
CookieDurationDescription
_ga2 yearsThe _ga cookie, installed by Google Analytics, calculates visitor, session and campaign data and also keeps track of site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognize unique visitors.
_gat_gtag_UA_51917967_11 minuteSet by Google to distinguish users.
_gid1 dayInstalled by Google Analytics, _gid cookie stores information on how visitors use a website, while also creating an analytics report of the website's performance. Some of the data that are collected include the number of visitors, their source, and the pages they visit anonymously.
Advertisement
Advertisement cookies are used to provide visitors with relevant ads and marketing campaigns. These cookies track visitors across websites and collect information to provide customized ads.
CookieDurationDescription
_fbpsessionThis cookie is set by Facebook to display advertisements when either on Facebook or on a digital platform powered by Facebook advertising, after visiting the website.
advanced_ads_browser_width1 monthThis cookie is set by Advanced ads plugin.This cookie is used to measure and store the user browser width for adverts.
personalization_id2 yearsTwitter sets this cookie to integrate and share features for social media and also store information about how the user uses the website, for tracking and targeting.
Others
Other uncategorized cookies are those that are being analyzed and have not been classified into a category as yet.
CookieDurationDescription
jnews_view_counter_visits[0]2 months 2 days 15 hoursNo description
muc_ads2 yearsNo description
pvc_visits[0]1 dayThis cookie is created by post-views-counter. This cookie is used to count the number of visits to a post. It also helps in preventing repeat views of a post by a visitor.
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact

© 2021 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.