Honda HR-V รุ่น RS ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV เป็นตัวที่ปรับปรุงโฉมใหม่ปลายปี 2024 ต้นปี 2025ความที่เจ้า HR-V เป็นรถ SUV Crossover ระดับ B-Segment ที่มีขนาดของตัวรถที่กำลังดี และมีพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้าง เหมาะสำหรับใช้งานบนถนนบ้านเรา ที่สำคัญมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดช่วยในเรื่องความประหยัด รวมถึงระบบความปลอดภัย Honda SENSING จึงทำให้ได้รับความนิยมสำหรับผู้ใช้รถในบ้านเรา
ดีไซน์ด้านหหน้า เรามาดูกันว่า มีอะไรปรับปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ระบบอำนวยความสะดวกต่างมีอะไรกันบ้าง กระจังหน้าใหม่นะครับโดดเด่นดูดุสไตล์ของ เค้าก็ยังคงเป็นแบบสไตล์รังผึ้งนะแล้วก็ ยังมีตัวโครเมียมสลับกับตัวสีเทาด้าน เนี่ยเออดูสวยทีเดียวครับโลโก้ Honda Hmask ที่เป็นสีบลูนะเพื่อแสดงว่าคัน เนี้ยเป็นรถยนต์ที่ใช้ขุมพลัง EHV หรือ ว่า Full Hybrid




เพิ่มเติมระบบ adaptive driving วิ่งบีมขึ้นมานะครับ ก็คือเป็นไฟ LED โปรเจคเตอร์ด้านในนะปรับ สูงต่ำอัตโนมัตินอกจากนี้นะครับยังสามารถ ที่จะdetคจากตัวกล้องเซ็นเซอร์ของระบบ Honda Sensing เนี่ยว่ามีรถเข้ามาด้าน หน้าจับได้ไฟก็จะดับฝั่งที่มีรถเข้ามานะ ครับแต่ฝั่งที่ไม่มีรถก็ยังฉายส่องไปไกล เพื่อความปลอดภัยสว่างมากยิ่งขึ้นส่วนตัว นี้นะครับก็เป็นไฟระบบ A DB นะครับหรือ ว่า Adaptive Driving Beam นะฮะก็จะมา พร้อมไฟ Daytime Running R นะครับซึ่ง สามารถที่จะเป็นไฟเลี้ยวแบบวิ่งได้นะ สำหรับตัวนี้มี Adaptive Cornering Beam มาให้ด้วยก็คือไฟปรับตามองศาพวงมาลัย เลี้ยวนั่นเอง


ด้านหน้าก็ไม่มีอะไรมากมายนะครับตัวชายขอบกันชนล่างก็มาในแบบรมดำ God back นะมีไฟ สปอร์ตไลท์แบบ LED มาให้นะครับแอมป up ยังอยู่นะตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเลยนะ ครับแล้วก็เป็นตัวโครเมียมตัดสลับกับชาย ขอบสีดำเออสวยทีเดียวอันนี้เป็นชุดแต่ง RS นะครับโลโก้ RS สีแดง

ด้านข้าง ส่วนของชายขอบซุ้มล้อ ซึ่งเป็นสดำล้อมากันมารอบคันก็ทำให้รถเนี่ยดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ประโยชน์ของเค้าก็คือกันหินกระเด็นกันเลอะต่างๆ แต่ตัวเนี้ยไม่ใช่เป็นสีด้านพลาสติกด้านนะ แต่เขาทำสีมาเป็นดำเงาล้อมากับตัวชายขอบสเกิร์ตหน้าและท้าย สเกิร์ตด้านหน้าด้านข้างก็ยาวมาเช่นเดียวกันนะครับตัดสลับกับเส้นสายโครเมียม ทำให้รถเนี่ยดูดุเห็นเป็นเส้นมีมิติมากยิ่งขึ้น




ดีไซน์ด้านท้ายเป็นทรงแบบคูเป้ เน้นความสปอร์ตและทันสมัย ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและไฟท้ายแบบ LED Light Strip ดีไซน์ใหม่ สี Smoke ช่วยเพิ่มความโดดเด่น ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) สำหรับคันนี้เป็นสีกากีซนซึ่งเป็น สีใหม่ผมดูตอนแรกผมคิดว่าเป็นสีทองนะแต่จริงๆ เนี่ยเค้าบอกว่ามันออกเป็นสีเขียวขี้ม้าเป็นสีกากีนี่กากีแซน ออกเทาๆ เขียวๆ ขี้ม้าตัวนี้ก็คือตัว RS เค้าก็จะทำสีตัดสีดำเงา God Blackมาให้ทำให้รถมีมิติมากยิ่งขึ้น ตัวหลังคาหลังคาเป็นหลังคากระจก Panoramic glass roof เคลือบสาร Low-E กันแสง UV เป็นสีดำชา ด้านในแสงผ่านประมาณสัก 60% ได้นะครับถ้าเทียบ กับติดฟิล์ม

เบนซิน 1.5 ลิตร e:HEV เครื่องยนต์รหัส LEC6 เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20 แบตเตอรี่ Lithium-ionทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พละกำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT
สเปคเครื่องยนต์
Body Style | Sedan |
Description | รถซีดาน 4 ประตู |
Engine | เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร |
Fuel Consumption | 14.31 km/l |
Fuel Type | เบนซิน |
Make | ฺBMW Series6 |
Max Power | 258 แรงม้า |
Max Torque | 400 นิวตันเมตร |
Model | BMW 630i GT M-SPORT |
Price Guide | 4,099,000 บาท |
Release Date | 9 เมษายน 2566 |
0-100 km/h | 7.92 วินาที |
Transmission | เกียร์อัตโนมัติ 8จังหวะ |

การขับขี่
มาถึงในช่วงลองขับ Honda เนี่ยมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวอยู่อย่างนึงที่ผมชอบก็คือในเรื่องของการจัดตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่ เบาะนั่งสบายได้สรีระ ตำแหน่งของพวกมาลัยปรับได้ 4 ทิศทางจับกระชับมือ การออกแบบคอนโซลจัดเรียงได้ดี ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
การวางตำแหน่งเสา A ในมุมอับสายตา เนี่ยถึงแม้ว่ามันจะใหญ่แต่ออกแบบมาให้สามารถที่จะมองรอดช่องว่างได้ ตัวกระจกมองข้างไม่ได้บดบังทัศนวิสัยมากมายซะทีเดียวมองได้ชัด สำหรับ Honda Land Watch เหมาะใช้งานในเมืองนะ มองในเรื่องของมอเตอร์ไซค์ทีเค้าจะซิกแซกมาเราจะเห็นได้ชัดเจนถ้าเราไม่เปิดไฟเลี้ยวเราก็กด ปุ่มที่ก้านไฟเลี้ยวค้างไว้ ใช้เวลาเราจอดขนานด้านข้าง มองเห็นไหล่ทางต่างๆล้อรถจะได้ไม่เบียดแน่นอน เราไปบูลลี่น้องมาหลายปี 555 แต่ประโยชน์ของเขาก็มี ไม่น้อยทีเดียว

โหมดการขับขี่มี 3 รูปแบบ ECON Mode Normal Mode และ Sport Mode ทุกครั้งที่สตาร์ทรถจะเป็น Normal Mode เสมอการออกตัวขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Drive Mode ในความเร็วต่ำ มอเตอร์ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ ในขณะที่เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ทำให้การขับขี่เงียบและประหยัด จากนั้นเมื่อเพิ่มความเร็วก็จะเข้าสู่โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟและมอเตอร์จะช่วยขับเคลื่อนล้อ
เมื่อเหยียบคันเร่งรถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล โดยระบบเกียร์ E-CVT จะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ปรับตามการโหมดขับขี่ที่หลากหลาย เช่น โหมดขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ โหมดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า หรือโหมดผสมผสาน ตอบสนองการใช้งานในเมืองเมื่อจอดติดไฟแดงนาน สภาพการจราจรที่หนาแน่น

ส่วนการขับขี่นอกเมืองอัตราเร่งจาก 80-120 กม./ชม. ตอบสนองได้ค่อนข้างไว หรือในความเร็วสูง เครื่องยนต์จะส่งกำลังไปยังล้อโดยตรงผ่านชุดล็อกอัพคลัชท์ ในโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) หากวิ่งทางไกลๆ ถ้าปรับมาที่ Sport Mode ด้วยแล้วทำให้มีอัตราเร่งที่ดีขึ้น และขับสนุกขึ้นด้วยในจังหวะที่ต้องการเร่งแซงระยะกระชั้นชิดทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น และขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงด้วย
การบังคับควบคุมพวงมาลัยตึงมือกำลังดี ผมชอบนะเป็นระบบพวงมาลัย VGR (Variable Gear Ratio) หรือระบบแปรผันอัตราทดพวงมาลัย ที่ช่วยให้การบังคับเลี้ยวรถยนต์มีความคล่องตัวและตอบสนองได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในรุ่น RS ระบบนี้จะปรับอัตราทดของพวงมาลัยให้เหมาะสมกับความเร็วและสภาพการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องหมุนพวงมาลัยมากนักเมื่อต้องการเลี้ยวในความเร็วต่ำ หรือต้องการความแม่นยำในการเลี้ยวในความเร็วสูง


ช่วงล่างรุ่น RS ทางวิศวกรฮอนด้าบอกว่าปรับค่า K ของสปริงให้แข็งขึ้งจากรุ่นอื่นเพราะมีน้ำหนักชุดแต่งที่เพิ่มขึ้นทำให้รถมีความหนึบขึ้นมา แต่ถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ขับแล้วไม่นุ่มจนเกินไป มีความหนึบนุ่มกว่ารุ่น E , EL ด้วยขนาดของล้อ 18 นิ้ว และยางขนาด 225/50 ทำให้รู้สึกว่าขับดีทีเดียวครับ
ต้องบอกก่อนสไตล์การขับรถของผมขับแบบเรื่อย ๆ เร็วได้ก็เร็ว 80 90 100 กม./ชม. เร่งแซง 120 กม./ชม. หรืออาจจะมีมากกว่านั้นในจังหวะที่เราจะต้องไป แต่ก็ไม่เกินกฎหมายกำหนด ประหยัดอยู่ 21.1 กม./ลิตร ผมขับมาประมาณ เกือบ 200 กม. ในเมืองแล้วก็ออกมานอกเมือง ถือว่าตอบโจทย์นะประหยัดสำหรับรถยนต์ไฮบริดในยุคนี้






สุทรียภาพการขับขี่
ภายในห้องโดยสาร การตกแต่สไตล์สีดำเน้นเส้นสายสีแดงแบบ RS ตัดสลับกับวัสดุสีดำเงา ไม่ได้แตกต่างอะไรจากรุ่นก่อนหน้า เพิ่มถาดวางของบริเวณใต้แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ถัดลงมามีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger มีการปรับรูปทรงเบาะนั่งคู่หน้าทำให้ห้องโดยสารดูกว้าง ตัวเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้และหนังสังเคราะห์ เดินตะเข็บด้ายสีแดงมีความนุ่มแน่นกำลังดีปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี้ นั่งสบายรับแผ่นหลัง และเพิ่มสัญลักษณ์ RS บริเวณพนักพิงเบาะนั่งคู่หน้าดูสวยมากยิ่งขึ้น



ช่องลมแอร์เป็นแนวนอนยาวขนานไปกับแผงคอนโซลหน้าดูไม่รกสายตา ปุ่มปรับทิศทางลมที่มุมด้านซ้ายและขาวใช้สะดวก กระจกหน้าต่างคู่หน้าสามารถเลื่อนขึ้น – ลงแบบ One-touch พร้อมกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติช่วยให้มองเห็นรถด้านหลังได้ดีขึ้นในเวลากลางคืน

ระบบสารบันเทิง เปลี่ยนรูปทรงหน้าจอกลางเป็นแบบกึ่งลอยตัวดูสวยลงตัวขึ้น หน้าจอกลางระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้วเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย Bluetooth พร้อมชุดเครื่องเสียงลำโพง 8 ตำแหน่ง ถือว่าดีพอใช้สำหรับการใช้งาน สั่งการด้วยเสียง Siri ได้ รวมถึงแอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อกับตัวรถ Honda CONNECT ทำผู้ใช้งานสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบสถานะรถ, ตำแหน่ง, และข้อมูลอื่นๆ ของรถได้



มีการปรับปรุงกล้องมองภาพด้านหลังให้มีความคมชัดขึ้นสามารถปรับมุมองศาการมองได้แบบกว้าง และแคบ 3 ระดับปลอดภัยยิ่งขึ้น




พวงมาลัยรูปทรงกลม 3 ก้านหุ้มหนังจจับกระชับมือ ตกแต่งแบบ RS ปรับได้ 4 ทิศทาง ผมชอบการออกแบบที่ตัดกับวัสดุสดำเงาทำให้ไม่สะท้อนแสงแดดมาก ถ้าเทียบกับโคเมี่ยม สั่งการระบบช่วยเหลือการขับข่ และระบบสาระบันเทิงแบบปุ่มมัลติฟังก์ชัน เข้าถึงระบบต่างๆ ได้เร็ว ใช้งานได้สะดวก


ถัดมาที่ห้องโดยสารด้านหลังทำได้ดีมีพื้นที่กว้าง เบาะออกแบบมาดีนั่งสบาย ผมตัวใหญ่แบบมาตรฐานไม่รู้สึกอึดอันอะไรมาก พื้นที่เข่า และเหนือศรีสะยังเหลือ มีช่องลมแอร์ กับช่องชาร์จไฟ USB-C 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มีเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX อีก 2 ตำแหน่ง

ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Walk Away Auto Lock ระบบล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ สำหรับผู้ที่กังวลว่าตัวเองนั้นได้ล็อกรถหรือยัง ระบบนี้ช่วยได้แน่นอนครับเพราะเพียงแค่เดินห่างจากตัวรถไประยะ 1.5 เมตรจากตัวรถ ระบบจะทำการล็อกให้อัตโนมัติ





พื้นที่เก็บสัมภาระมีความจุ 335 ลิตร ผมชอบฮอนด้าในเรื่องของการออกแบบเบาะมาให้ปรับเปลี่ยนบรรทุกสัมภาระได้หลากหลายทั้งแนวตั้งและแนวยาว เมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นเป็น 1,026 ลิตร พับได้แบบอเนกประสงค์ 60:40 นอกจากนี้ยังปรับเบาะได้ 3 รูปแบบได้แก่ Utility Mode, Long Mode และTall Mode เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย.
ความปลอดภัย
- ระบบความปลอดภัย Honda SENSING
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
- ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure Notification System
ระบบความปลอดภัยอื่นๆ
- กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electric Parking Brake
- ระบบ Auto Brake Hold
- ถุงลมคู่หน้า
- ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
- ม่านถุงลมด้านข้าง
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ Auto Door Lock by Speed
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบสัญญาณกันขโมย
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS





รุ่น RS มีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจากรุ่น EL ดังนี้
- ไฟหน้าแบบ Full LED
- ระบบไฟหน้า Adaptive Driving Beam
- ไฟส่องสว่างบริเวณมุมด้านหน้า Active Cornering Light
- ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential
- กระจังหน้าแบบสปอร์ต ดีไซน์เฉพาะรุ่น RS
- กันชนหน้า – หลังแบบสปอร์ต ดีไซน์เฉพาะรุ่น RS
- ชายกันกระแทกด้านข้างสีดำเงา ตกแต่งด้วยโครเมียม
- กระจกมองข้างด้านซ้าย ปรับมุมลดลงอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
- ยาง ขนาด 225/50 R18
- อัตราทดพวงมาลัยแบบแปรผัน VGR
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
- เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้และหนังสังเคราะห์ เดินตะเข็บด้ายสีแดง
- วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารสีแดง
- หลังคากระจก Panoramic Roof
- กระจกหน้าต่างเลื่อนขึ้น – ลง แบบ One-touch 4 บาน
- ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารตอนหลังแบบ LED ระบบสัมผัส
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- แอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อกับตัวรถ Honda CONNECT
- แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย

สรุปความน่าใช้
หลังจากได้ทดลองขับ Honda HR-V e:HEV RS ความรู้สึกโดยรวมหลังการขับขี่ชอบรถคันนี้ ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ อัตราเร่ง และช่วงล่าง ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน (e:HEV)
การทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ตัดต่อสลับกันได้อย่างราบรื่นและดีมาก ทำให้ไม่รู้สึกว่ามอเตอร์กำลังชาร์จไฟหรือมอเตอร์ขับเคลื่อนกำลังทำงาน ให้ความรู้สึก สมูทและมั่นใจ โดยเฉพาะตอนเร่งแซง.
เมื่อเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะออกตัวก่อน จากนั้นเมื่อความเร็วสูงขึ้น (100-120 กม./ชม.) เกียร์ ECVT จะจัดการร่วมกับ Lockup Clutch เพื่อตัดการทำงานไปที่เครื่องยนต์โดยตรง.
การขับขี่ในเมือง (โหมด Econ):ดีมากและชอบ เพราะเน้นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก มีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่และใช้พลังงานไฟฟ้าขณะรถจอดติดไฟแดงหรือหยุดนิ่ง ช่วยให้ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ในเมืองที่ต้องเหยียบและเบรกบ่อยครั้งการออกตัวด้วยไฟฟ้า นุ่มนวลและประหยัด.
การขับขี่นอกเมืองทำงานได้ เต็มประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องรอรอบหรือหน่วงคันเร่งมากนัก การขับขี่ค่อนข้างสมูท เมื่อขับด้วยความเร็วสูง (เกิน 100-120 กม./ชม.) ระบบจะตัดการทำงานมาใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ทำให้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงาน เหมือนขับรถยนต์ปกติ เมื่อลดความเร็วลง (20-100 กม./ชม.) ระบบจะกลับมาเป็นโหมดไฮบริด โดยใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเร่งแซง ทำให้แรงบิดสูงขึ้นและรถพุ่งตัวได้ดีการเบรก ค่อนข้างมั่นใจเพราะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ
ช่วงล่างสำหรับรุ่น RS มีการ ปรับค่า K สปริง เนื่องจากมีน้ำหนักของชุดแต่งเพิ่มขึ้นทำให้รถมีความ แน่น หนึบ แต่ยังคงมีความ นุ่มนวล อยู่บ้างนั่งสบาย เหมาะสำหรับรถครอบครัว ไม่เหนื่อย ไม่เมื่อย และไม่สะเทือนมากเมื่อขับทางไกลด้านหน้าเป็น MacPherson Strut ปีกนกอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็น Torsion Beam ซึ่งให้ความนุ่มนวล การเข้าโค้งอาจมีโยนตัวเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าใช้ได้.
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขับขี่แบบปกติ (80-100 กม./ชม. มีเร่งแซงบ้างถึง 120 กม./ชม.) ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.5 กม./ลิตร (ขับทั้งในเมืองและนอกเมือง)สำหรับการขับขี่ในเมืองที่รถติดหนัก อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 19 กม./ลิตร เนื่องจากเครื่องยนต์ทำงานตลอดเวลาเพื่อชาร์จไฟอัตราสิ้นเปลืองที่เคลมไว้คือ 25.6 กม./ลิตร.
ออปชันที่เสริมเข้ามาใหม่ไฟหน้าแบบ Adaptive Driving Beam (ADB) ที่ทำงานร่วมกับระบบ LED Projector ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในเวลากลางคืน โดยสามารถดับไฟบางจุดเมื่อมีรถสวนมา แต่ยังคงสาดไฟในพื้นที่ว่างเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย Parking Sensor เพิ่มขึ้นมา กล้องมองรอบคันยังไม่มีให้
ความคุ้มค่าและราคา 1,179,000 บาท
ความคุ้มค่าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่สำหรับผู้ที่มองข้ามรถไฟฟ้าและต้องการใช้รถไฮบริดที่ ไม่ต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ ถือว่า คุ้มค่าน่าลงทุน.
ค่าดูแลรักษา ไม่ได้สูงมาก และ ค่าประกันภัย ไม่สูงเท่ารถยนต์ไฟฟ้ามีศูนย์บริการ Honda ทั่วประเทศ และระบบไฮบริดเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องค่า maintenance.
เมื่อเทียบกับรุ่น E (919,000 บาท) หากต้องการเพียงระบบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน (20 กม./ลิตร) ก็สามารถเลือกรุ่นล่างสุดได้เป็นรถ BSUV ขนาดใหญ่ สำหรับครอบครัว มี Ground Clearance สูงกว่า 190 มม. สามารถลุยได้ในหลายเส้นทาง ไม่ต้องกลัวน้ำท่วม นั่งสบาย
ผู้ที่สนใจไปทดลองขับและสัมผัสรถได้ที่โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ
The Review
Honda HR-V RS
Honda HR-V e:HEV เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มองหารถ Crossover สำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก เน้นความประหยัดน้ำมันสูงสุด ดีไซน์สวยงามทันสมัย ภายในกว้างขวางอเนกประสงค์ และให้ระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก คนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่ต้องการรถคันเดียวที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
PROS
- อัตราเร่งดี
- ประหยัดเชื้อเพลิง
- ภายในกว้างขวางอเนกประสงค์
- เป็นรถแบบ Crossover ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- มีระบบความปลอดภัย Honda SENSING เป็นมาตรฐานทุกรุ่น
CONS
- เสียงดังเมื่อต้องการใช้ความเร็วสูง
- หลังคากระจกที่ต้องคอยถอดเปิดปิดและโยนไวด้านหลังรถ
- ไม่มีกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
- แม้จะออกตัวได้ดี แต่อัตราเร่งช่วงความเร็วสูง (หลัง 120 กม./ชม.) แผ่วลง
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine&Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey
Honda HR-V RS DEALS
We collect information from many stores for best price available