สาวกเฮดังๆ เพราะ Ford Mustang ถูกนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยฟอร์ด ประเทศไทย มาพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ 5.0L V8 GT และ 2.3L EcoBoost จัดเต็มเทคโนโลยีช่วยขับไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง พ่วงฟังก์ชันสำหรับพิชิตชัยในสนามแข่ง
ราคา
- Ford Mustang 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,799,000 บาท
- Ford Mustang 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,599,000 บาท
ฝันของคุณเป็นจริงแล้วเพราะตำนาน American Muscle Car อายุกว่า 54 ปี ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยฟอร์ด ประเทศไทย เรื่องชื่อเสียงไม่ต้องพูดถึงให้มากความเพราะทุกท่านที่ชอบรถยนต์ล้วนรู้จัก Mustang เป็นอย่างดี โดยฟอร์ดนำเข้ามาให้เลือก 2 รุ่นคือ 5.0L V8 GT Coupe และ 2.3L EcoBoost Coupe ทั้ง 2 รุ่นพ่วงท้ายด้วย Performance Pack เพื่อมอบสมรรถนะอันแท้จริงให้กับผู้เป็นเจ้าของ
สืบทอดดีเอ็นเอ
Mustang ทั้ง 2 รุ่นจะเป็นสปอร์ตหลังลาด (Fastback) มาพร้อมดีไซน์ที่แข็งแกร่งดุดันด้วยกระจังหน้าแบบ Shark Nose ขนาดใหญ่สำหรับสูดอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ ฝากระโปรงหน้าได้รับการปรับให้แบนราบลงพร้อมช่องระบายอากาศ ตัวรถถูกออกแบบเน้นหลักอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้นด้วยการปรับลดความสูงของช่วงหน้าลงและเพิ่มขนาดของสปลิตเตอร์หน้าเพื่อเพิ่มแรงกด
เอกลักษณ์ที่สืบทอดมตั้งแต่ Mustang รุ่นแรก ปี 1964 คือ ไฟท้าย 3 แถบ และโลโก้ม้าวิ่งที่ใช้เหมือนกันใน Mustang ทุกเจนเนอเรชัน ไฟหน้าเป็นแบบ LED Projector ไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์, ไฟเลี้ยว และไฟท้ายจะเป็น LED ทั้งหมด มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับด้านท้าย ในรุ่น GT มาพร้อมท่อไอเสีย 4 ท่อ และสปอยเลอร์หลังเป็นมาตรฐาน
ชุดแต่ง Performance Pack ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน Mustang ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเฟืองท้าย Limited-Slip และล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว รุ่น GT จะได้ระบบเบรก Brembo 6 ลูกสูบ พร้อมจานเบรก 380 มม. ยางซิ่ง Michelin Pilot Sport 4S หน้า 255/40 ZR19 หลัง 275/40 ZR19 และท่อไอเสีย 4 ท่อ
สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี คือ สีส้ม Orange Fury Metallic Tri-Coat, สีดำ Shadow Black Metallic, สีแดง เรซ เรด Race Red และ สีเทา Magnetic Metallic
ภายในได้อารมณ์
ภายในห้องโดยสารของ Mustang ได้รับการออกแบบให้มีความดิบ แข็งแกร่ง และทรงพลัง ตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มตลอดแนวประตู และชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวงมาลัยเป็นแบบสปอร์ต 3 ก้านพร้อมแพดเดิลชิฟท์ เบาะนั่งให้มาเป็นแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Ebony สีดำปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง อุปกรณ์มาตรฐานมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้ายขวา ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light และชายบันไดสแตนเลสเรืองแสง LED
โดดเด่นด้วยแผงหน้าปัดดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว สามารถแสดงภาพกราฟิกข้อมูลที่เหมาะสมกับโหมดขับขี่แต่ละโหมดทั้งวัดรอบ วัดความเร็ว ตำแหน่งเกียร์ โดยการแสดงผลจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่ที่เลือกโดยอัตโนมัติ สามารถปรับเปลี่ยนสีสันการแสดงผลได้ตามที่ผู้ขับด้องการ
Mustang ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบสาระบันเทิง SYNC 3 หน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง, Apple CarPlay, Android Auto, Wi-Fi, Bluetooth ตลอดจนระบบโทรฉุกเฉินถึง 1669 เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงาน ขับกล่อมบทเพลงระหว่างขับขี่ด้วยระบบเสียง Shaker Pro Audio วัตต์ ลำโพง 12 ตัว รุ่น GT จะได้ระบบแผนที่นำทางเพิ่มเข้ามา
สุดยอดสมรรถนะ
Mustang เวอร์ชันไทยมีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องเบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร มอบพลังสูงสุดถึง 460 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 556 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศมาเกี่ยวข้อง แรงม้าแรงบิดที่ได้มาจากเครื่องยนต์เต็มๆ และเครื่อง EcoBoost 4 สูบ ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดทั้ง 2 เครื่องยนต์
เครื่อง EcoBoost เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 5.3 วินาที ประหยัดน้ำมัน 10.8 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 217 กรัม/กม. มีฟังก์ชัน Overboost ช่วยเพิ่มบูสต์เทอร์โบให้ตอบสนองได้เร็วรวดพร้อมกับตัดบูสต์ไม่ให้ทำงานหนักจนเกิดไป ป้องกันเทอร์โบไปก่อนเวลาอันควร
เครื่อง V8 มีหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) หัวฉีดแรงดันสูงฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หัวฉัดแรงดันต่ำฉีดที่ท่อไอดี มอบแรงบิดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำไปถึงรอบสูง เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 7.8 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 297 กรัม/กม.
โหมดการขับขี่มีให้เลือกทั้งหมด 5 โหมด ประกอบด้วย Normal ขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน, Snow/Wet สำหรับขับบนถนนเปียก ป้องกันการลื่นไถล, Sport+ ปรับคันเร่งและพวงมาลัยให้ไวขึ้น, Track ตอบสนองอย่างเต็มที่สำหรับลงสนามแข่ง และ Drag Strip มอบอัตราเร่งสูงสุดสำหรับแข่งแดร็ก พวงมาลัยมีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Comfort, Normal และ Sport มีฟังก์ชัน My Mode ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่และเสียงท่อไอเสียได้ตามต้องการ
ระบบปรับระดับความดังท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับความดังเสียงของท่อไอเสียได้ตามความต้องการได้ 4 ระดับ ได้แก่ Quiet, Normal, Sport และ Trackนอกจากนี้ ยังสามารถตั้งเวลาการใช้โหมด Quiet ได้ด้วย เพื่อลดการรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชนเมื่อสตาร์ทรถตอนเช้า
กันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง กันสะเทือนหลังแบบอิสระอินทริกรัลลิงค์พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โช้คอัพของ Mustang ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ในขณะที่ช่วงล่างได้รับการออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยข้อต่อแบบ Cross-Axis ช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในการเข้าโค้งที่สามารถนำไปสู่การบิดของตัวถังได้ เหล็กกันโคลงที่หนาขึ้นยังช่วยลดอาการโคลงและช่วยให้ควบคุมรถได้เฉียบคมยิ่งขึ้น
ฟังก์ชันเพื่อความท้าทาย
Mustang ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับ Track Apps ฟังก์ชันที่จะช่วยเพิ่มความสนุกเมื่อลงสนามแข่ง ระบบจะช่วยประมวลผลและแสดงผลทั้งสมรรถนะของรถและการขับขี่ เช่น จับเวลา 0-100 กม./ชม. จับเวลาต่อรอบสนามแข่งโดยใช้ GPS ของตัวรถ แสดงผลมาตรวัดแรง G และฟังก์ชัน Electronic Line Lock ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเบิร์นยางคู่หลังได้อย่างง่ายดายเพื่อพร้อมสู่การแข่งทางตรง
เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่
ระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน Mustang ทั้ง 2 รุ่น ผสานกับระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และระบบแจ้งเตือนระยะห่าง (Distance Alert) เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ Mustang ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อีกมากมาย เช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางและแจ้งเตือนเมื่อออกนอกช่องทาง (Lane Keeping System) ซึ่งทำการเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเส้นทางโดยไม่ตั้งใจ และช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยเพื่อนำรถกลับเข้าสู่ช่องทาง
เสริมความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นด้วยถุงลมนิรภัย 8 จุด, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง กล้องมองหลัง และเซ็นเซอร์ถอยหลัง
Ford Mustang พร้อมให้จับจองแล้ว ณ ผู้จำหน่ายฟอร์ดอย่างเป็นทางการ 19 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับแพ็กเก็จ ฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถนานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ในการตรวจเช็คตามระยะ 5 ครั้ง ยาวนานถึง 60 เดือน หรือ 75,000 กิโลเมตร อีกทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ford.co.th หรือ www.facebook.com/FordThailand
Gallery