โตโยต้า ยังใช้กลยุทธ์เดิมด้วยการทำซ้ำใหม่คล้าย Tesla ที่มีไฮโทรเจนเป็นการขับเคลื่อน วางขาย ปัจจุบัน ราคา 49,995 ปอนด์ (ราว 2,499,750 บาท)
Max Adams
[email protected]
TOYOTA MIRAI เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไม่ได้อนุรักษ์โลกของอนาคตอีกต่อไป ตอนนี้กำลังเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่สองด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ค่อนข้างเทอะทะรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง (EV) คันนี้ไม่ปล่อยอะไรนอกจากน้ำ แต่มีระยะการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเบนซินหรือดีเซลธรรมดา
ซึ่งแตกต่างจาก EV ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเติมพลังงาน Mirai สร้างกระแสไฟฟ้าโดยใช้แหล่งจ่ายไฮโดรเจนที่สามารถเติมได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที สามารถวิ่งได้ไกลถึง 640 กม.ไกลกว่าแบตเตอรี่ EV ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน
ข้อมูลสำหรับผู้ซื้อ | |
Toyota Mirai Design Premium | |
ราคา | 3,249,750 บาท |
เครื่องยนต์ | เชื้อเพลิง + มอเตอร์ไฟฟ้า |
พละกำลัง | 178 แรงม้า |
แรงบิด | 300 นิวตันเมตร |
ระบบส่งกำลัง | เกียร์อัตโนมัติ 1 สปีด |
0-100 กม./ชม. | 9.0 วินาที |
ความเร็วสูงสุด | 173 กม./ ชม. |
ประหยัดเชื้อเพลิง | 640 กม. |
CO2, ภาษี | 0 กรัม/กม., 1% |
มอเตอร์ไฟฟ้าของ Mirai ให้กำลัง 178 แรงม้า และพุ่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 9.0 วินาทีนั่นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดและไม่ได้อยู่ในลีกเดียวกับ Tesla 3 ที่รวดเร็ว แต่ก็แข็งแกร่งพอในสถานการณ์ส่วนใหญ่
การขับขี่นั้นสะดวกสบายกว่ารถ Plug-inHybrid ของ BMW 530e (อย่างน้อยในระบบกันสะเทือนแบบมาตรฐาน) เพื่อหลีกเลี่ยงอาการสะเทือนของตัวถังและ Mirai ได้พิสูจน์การควบคุมที่ดีด้วยความเร็วสูงแล้วพบว่าก็จัดการได้ดีเช่นกัน มีที่จับมากมาย การบังคับเลี้ยวมีความแม่นยำอย่างมากบนความเร็วสูง คุณจึงเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ แต่ดันตกม้าตายที่ความเร็วต่ำทำให้การขับขี่ไม่สนุกเท่า 530e และ Model 3
มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้อย่างราบรื่นและเงียบมากเมื่อรถแล่นไปตามทาง สิ่งที่คุณจะได้ยินคือเสียงกระหึ่มขณะเร่งความเร็วอย่างหนัก มีเสียงลมเล็กน้อยที่ความเร็วสูงและเสียงรบกวนจากช่วงล่างบนพื้นผิวที่มีรอยบุ๋ม แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงเกินไป
หากเลื่อนมาดูที่ด้านความสะดวกสบายในการขับขี่ เบาะนั่งคนขับและคอพวงมาลัยสามารถปรับตำแหน่งได้มากมาย แผงหน้าปัดสูงบดบังฝากระโปรงหน้า เช่นเดียวกับหน้าต่างด้านข้างและด้านหลังที่ตื้น แถมมีเสาหลังที่หนา แต่ได้มีอุปกรณ์เสริมความสะดวกมาให้ เช่น เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง กระจกมองข้างขนาดใหญ่ และกล้องมองหลังแบบมาตรฐาน
แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 8.0 นิ้ว ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน แม้ว่าจะไม่สามารถกำหนดค่าได้หรือใช้งานง่ายเหมือนระบบ Virtual Cockpit ของ Audi โชคดีที่มีการควบคุมสำหรับฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อย เช่น เครื่องปรับอากาศ
- ขับขี่สบายทุกระดับความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าไม่ส่งเสียงดัง
ผู้ซื้อสามารถปรับแต่งตามระดับต่างๆ ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบดาวเทียมในตัว เลย์เอาต์ของธีมนั้นดูสับสนและตอบสนองต่ออินพุตได้ช้า แต่รองรับ Android Auto/Apple CarPlay คุณภาพภายในนั้นดี แต่ Audi E-tron และ 530e ยังดีกว่า
ตำแหน่งที่นั่งด้านหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะ ที่วางขาที่วางแขนมากมายแต่เบาะหลังเป็นคนละเรื่องพื้นที่เหนือศีรษะและที่วางขาที่นั่งด้านหลังจะคับแคบสำหรับคนตัวสูงและเข่าก็ต้องงอตามไปเช่นกัน
. . คู่แข่ง . .
BMW 530e
พลังงานปลั๊กอินไฮบริดทำให้ 5 ซีรี่ส์มีการปล่อย CO2 ต่ำ นอกเหนือไปจากแพ็คเกจที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
Hyundai Nexo
ไฮโดรเจนมีประโยชน์จริงในตัวของมัน แต่มีราคาแพงมากและไม่เหมาะที่จะขับ
ตัวรถมีรูปทรงเพรียวบางแต่ Mirai กลับมีพื้นที่จุสัมภาระแบบธรรมดาที่เล็กกว่าคู่แข่งที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่วางของที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้การโหลดสิ่งของยาวๆ เช่น ชุดไม้กอล์ฟจะไม่สะดวกนัก
Mirai มีเพียงพลังงานไฮโดรเจนเท่านั้นที่จะเฉือนเอาชนะ ฮุนได Nexo SUV คู่แข่งไปได้ ทั้งราคา อุปกรณ์ต่าง ๆ คุณภาพดีรวมทั้งความปลอดภัยที่ให้มาครบครันอัดแน่นเต็มคันรถ ถึงอย่างนั้นราคาก็ยังสูงกว่า Model 3 (ซึ่งเริ่มต้นที่ 2,049,500 บาท) และหากมาพิจารณาค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงานให้แก่ Mirai แล้ว ก็ยังมีความยากลำบาก เพราะทั่วสหราชอาณาจักรยังมีเพียงแค่ 11 สถานีเท่านั้น ดังนั้นเรายังยืนยันที่จะแนะนำรถปลั๊กอินอย่าง 530e หรือไม่ก็ Model 3
WHATCAR? SAYS
การขับขี่ไม่แย่แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับคนส่วนใหญ่เนื่องจากการขาดแคลนสถานีเติมน้ำมัน