ตลาดกระบะในประเทศไทยไม่เคยมีการประนีประนอม ค่ายไหนไม่ปรับตัวก็สู้ค่ายคู่แข่งไม่ได้ ประกอบกับเทรนด์ปัจจุบันที่ผู้บริโภคก็นิยมชมชอบรถที่มีหน้าตาดุดันแข็งแกร่งกันมากขึ้น และรถกระบะยุคใหม่ต้องทรงพลังเพราะการมีแรงม้าสูงๆ ย่อมได้เปรียบทั้งในแง่ความพึงพอใจและด้านเงื่อนไขราคา
Toyota กระตุ้นตลาดอีกครั้งท่ามกลางช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วยการเปิดตัว Hilux Revo รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ปรับยกทั้งไลน์อัพทุกรุ่นย่อย ไฮไลท์คือ Revo Rocco โฉมใหม่ที่มาพร้อมกับหน้าตาอันหล่อเหลาและดุดันเป็นอย่างมาก นอกจากรูปลักษณ์ใหม่จะโดยใจไม่น้อยแล้ว เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ก็มีการปรับปรุงใหม่โดยเพิ่มกำลังเป็น 204 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร ม้าทะลุเกิน 200 ตัวไปแล้ว ถือเป็นการเปิดเกมสู้กับกระบะค่ายอเมริกันไปเลยทีเดียว
วันนี้ทีมงาน WHATCAR? Thailand ได้มีโอกาสมาทดสอบเจ้า Revo Rocco ที่สนามทดสอบของโตโยต้า บางนา กม. 3 เน้นการทดสอบสมรรถนะในสนามปิดที่มีทั้งออนโรด ขับไปตามสถานีต่างๆ และการทดสอบความสามารถด้านออฟโรด รถยนต์ที่ทดสอบเป็น Revo Rocco รุ่นท็อป Double Cab 2.8 4WD AT ราคา 1,239,000 บาท ไปดูกันว่า Revo Rocco ใหม่นั้นการขับขี่เป็นอย่างไร
ทดสอบออนโรด
เราเริ่มต้นด้วยการทดสอบออนโรดตามสถานีต่างๆ ประเดิมสถานีแรกด้วยการขับรถหักหลบสิ่งกีดขวางที่ความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. เพื่อทดสอบการตอบสนองของระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบ VFC (Variable Flow Control) เรารู้สึกว่าพวงมาลัยมีน้ำหนักที่เหมาะสม การหักหลบที่ความเร็วต่ำตอบสนองได้ไวจากระยะฟรีที่ไม่เยอะจนเกินไป คุมง่ายขึ้น ทั้งยังแม่นยำเมื่อหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง
สถานีต่อมาคือการทดสอบระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยช่วยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA สถานีนี้ให้ขับความเร็วเกิน 50 กม./ชม. แล้วปล่อยรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะส่งเสียงเตือนก่อนจะช่วยหักพวงมาลัยกลับเข้าเลนโดยอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเผลอขับออกนอกเลนได้เป็นอย่างดี
ต่อมาคือสถานี slalom ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อดูการตอบสนองของช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ถูกปรับจูนใหม่ เรารู้สึกได้ว่ารถโยนตัวน้อยลงเวลาหักเลี้ยว จังหวะเปลี่ยนทิศทางทำได้ราบรื่นไม่น่าหวาดเสียว มีการทรงตัวที่ดี ประกอบกับพวงมาลัย VFC ที่ตอบสนองได้อย่างเฉียบคมจากน้ำหนักและความไวที่เหมาะสม ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นและมั่นใจยิ่งขึ้น
สถานีต่อมาเป็นการทดสอบอัตราเร่งในทางตรง เราได้สัมผัสกับขุมพลัง GD 2.8 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ชัดเจนว่ามันเร่งดีขึ้นจาก Revo รุ่นก่อน แรงดึงมีมากพอให้ยิ้มกว้าง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดส่งต่อกำลังได้นุ่มนวลและต่อเนื่อง แต่ระยะทางทดสอบมันสั้นไปนิดจึงพิสูจน์อะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
เมื่อพ้นช่วงทดสอบอัตราเร่งก็ต้องชะลอความเร็วเพื่อเข้าสู่สถานีต่อไป จุดนี้เป็นการวัดประสิทธิภาพเบรกไปในตัว โดยสเปกของระบบเบรกยังเป็นดิสก์เบรกล้อหน้า ดรัมเบรกล้อหลังเหมือนเดิม การตอบสนองของตัวแป้นเบรกค่อนข้างดี ระยะฟรีไม่ลึกมาก สามารถคุมน้ำหนักการเบรกได้ง่าย ทำให้กะระยะการเบรกได้ตรงตามที่กำหนด
สุดท้ายเป็นสถานีทดสอบความนุ่มนวลของระบบกันสะเทือนด้วยการขับขึ้น-ลงเนิน รถมีการดูดซับแรงกระแทกไดดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จังหวัลงเนินก็ไม่กระเด้งกระดอนมากจนเกินไป ต่อด้วยการขับผ่านพื้นผิวขรุขระที่ความเร็ว 30 กม./ชม. จุดนี้ชัดเจนว่ารถดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น ไม่ส่งแรงสะเทือนขึ้นมาบนห้องโดยสารมากเกินไป โดยรวมแล้ว Revo Rocco ใหม่ทำได้ดีขึ้นในด้านการป้องกันแรงสะเทือน
ลุยออฟโรด
สถานี Off Road หลัก ๆ จะมี 2 สถานี คือ ภูเขาจำลองสูง 5 เมตร ความชัน 43 องศา และสถานีเนินสลับ ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เนินแค่นี้สบายๆ สำหรับ Revo Rocco เพียงแค่ใช้เกียร์ต่ำ ใช้รอบต่ำ ค่อยๆ เดินคันเร่งช้าๆ เบาๆ รถก็ไหลขึ้นเนินได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับการมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ที่ทำงานไวขึ้นก็ช่วยในการขับขึ้นเนินชันเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น ขาลงเนินก็ง่ายดาบด้วยระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน DAC คอยช่วยควบคุมความเร็ว รถจะค่อยๆ ไหลลงเนินอย่างช้าๆ เพื่อความปลอดภัย
ในสถานีเนินสลับ เราปรับมาเป็นโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ 4L รถสามารถผ่านเนินสลับได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงมาก เมื่อล้อใดล้อหนึ่งไม่แตะพื้นและเกิดอาการหมุนฟรี ระบบ A-TRC จะเข้าไปควบคุมเพื่อเกิดความสมดุลในการขับเคลื่อน ทำให้การขับออฟโรดในสถานีจำลองนี้เป็นเรื่องง่าย
สรุปความน่าใช้
Toyota Hilux Revo Rocco ใหม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นแทบทุกด้าน เริ่มตั้งแต่น่าตาที่ใครชอบกระบะเท่ๆ ดุๆ เห็นแล้วต้องยิ้มแน่นอนโดยเฉพาะตัวถังสีเทาเขียว Oxide Bronze Metallic เครื่องยนต์ดีเซล GD 2.8 ลิตร ที่มาพร้อมกำลังมากถึง 204 แรงม้า สะใจคนชอบความแรง เราลองขับแล้วก็รู้สึกว่าอัตราเร่งดีขึ้น ว่องไวขึ้นจริงๆ ประกอบกับช่วงล่างและระบบพวงมาลัยใหม่ที่มีการปรับปรุงใหม่ทำให้การบังคับควบคุมดีงามขึ้นอย่างมาก และสุดท้ายกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่ติดตั้งมาก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจขณะขับขี่ได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้ Revo Rocco น่าสนใจขึ้นหลายเท่า
ในแง่การขับขี่จัดว่าดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก แต่ในแง่ออปชั่นสำหรับรถกระบะราคา 1.239 ล้านบาท เรามองว่ายังขาดอะไรไปนิดหน่อย อย่างน้อยก็น่าจะมีระบบเตือนมุมอับสายตา เพราะคู่แข่งบางแบรนด์เขาใส่มาให้แล้ว
ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปก Toyota Hilux Revo Rocco ได้ที่ https://bit.ly/2XY7wzA
Gallery