เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจกับการเปิดตัวกระบะน้องใหม่ล่าสุดของเมืองไทย MG Extender นี่คือผู้เล่นรายที่ 10 ในตลาดที่ร้อนแรงดั่งพายุ หลายคนตื่นเต้น หลายคนให้ความสนใจ หลายคนร้องยี้ มีมากมายหลายความคิดเห็นปะปนกันไป แต่ที่แน่ๆ คือเอ็มจีเล่นใหญ่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ากระบะของตัวเองดีพอที่จะช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์จากเจ้าตลาดได้
MG Extender ยังคงคอนเซ็ปต์หลักของค่ายผู้ผลิตคือความคุ้มค่าคุ้มราคากับออปชั่นที่จัดเต็มแน่นคัน พี่ยักษ์จากแดนมังกรนำเสนอตัวตนด้วยความแข็งแกร่งบึกบึนและขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่โต พร้อมกับขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับคู่แข่งอีก 9 รุ่นในตลาดได้ เบื้องต้น MG Extender ทำตลาดเพียงแค่ 2 รูปแบบตัวถัง คือ แค็บแบบเปิดได้ และ 4 ประตู แบ่งเป็น 9 รุ่นย่อย สำหรับกระบะตอนเดียวและตัวถังเอสยูวีจะยังไม่ทำในช่วงเวลาอันใกล้นี้
การเปิดตัวรอบสื่อฯ ในวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เอ็มจีไม่ปล่อยให้โอกาสสูญเปล่าเลยจัดเทสไดรฟ์สั้นๆ ให้สื่อมวลชนได้รู้จักเจ้า Extender ให้มากขึ้น โดยรถทดสอบเป็นรุ่นท็อปสุดของไลน์อัพ MG Extender 2.0 DC GRAND 4WD X 6AT ซึ่งมีการทดสอบทั้งในสนามทางเรียบ และเส้นทางออฟโรด การขับขี่เป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
แรง นุ่ม ควบคุมดี
WHATCAR? Thailand เริ่มต้นการทดสอบในสนามก่อน เป็นการขับเข้าสถานีต่างๆ คนละ 1 รอบ ต้องบอกก่อนว่า MG Extender ของเรามาพร้อมขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 161 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์เกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด จากสเปกถือว่ากระบะคันนี้มีของพอตัว
สถานีแรกเป็นสถานีทดสอบอัตราเร่ง เราเข้าประจำจุดสตาร์ท ดันเกียร์ไปที่ D แล้วกดคันเร่งมิดด้าม อัตราเร่งของ Extender มาแบบนุ่มๆ ไม่ดึงมาก เสียงเครื่องคำรามลั่น เกียร์ 1 ลากรอบไปสูงถึง 3 พันรอบกว่าๆ แล้วตัดเข้าเกียร์ 2 จังหวะนี้นุ่มนวลไม่อาการกระตุก ด้วยระยะทางที่มีให้ซัดนั้นไม่ไกลมาก เราจึงกดไปได้ประมาณ 80 กม./ชม. เท่านั้น ก่อนจะกดเบรกจนสุดเพื่อดูการทำงานของระบบป้องกันล้อล็อก ABS จากความรู้สึก Extender เป็นรถที่ออกแนวนุ่มนวล อัตราเร่งไม่จี๊ดจ๊าดมาก ขับง่าย เป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัย
ระบบเบรกดีตามมาตรฐาน จากความเร็ว 80 – 0 กม./ชม. ใช้ระยะไม่เยอะมาก ABS ทำงานได้ดี เบรกหนักๆ รถยังนิ่ง ท้ายไม่สะบัด
ต่อจากการทดสอบเบรกก็เป็นสถานีสลาลอม พวงมาลัยของ Extender เป็นระบบไฮดรอลิค การตอบสนองของมันอยู่ในเกณฑ์ดี น้ำหนักกำลังพอดีไม่หนักหรือเบาจนเกินไป มีความแม่นยำ แม้พวงมาลัยจะไม่ไวมากแต่ก็เอาตัวรอดในสถานีนี้ได้โดยไม่ยากเย็นนัก ขณะที่ที่ช่วงล่างก็ตอบสนองได้ดี ยุบและคืนตัวได้ไว อาการโยนมีไม่มากจนเกินไป
ต่อจากสถานีสลาลอมเป็นสถานีทดสอบแฮนด์ลิ่งขับเข้าโค้งซ้าย-ขวาตามไลน์ที่กำหนด จุดนี้เราใช้ความเร็วราว 50-60 กม./ชม. ซึ่ง Extender ยังคงตอบสนองการขับขี่ได้ดี รถมีการเกาะถนนที่ดีเมื่อขับเข้าโค้ง พร้อมกับอันเดอร์สเตียร์นิดๆ อาการโยนจะเริ่มมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่จะหนักขึ้นเล็กน้อย โดยรวมถือว่าให้ความมั่นใจได้ดีพอสมควรเมื่อขับในทางคดเคี้ยว
ปิดท้ายการทดสอบบนสนามด้วยการขับผ่านเชือกขนาดใหญ่ที่วางพาดถนนเพื่อดูการสั่นสะเทือนของรถ Extender สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้อยู่หมัด ตัวถังนิ่ง ไม่กระเด้งกระดอนเมื่อขับผ่านที่ความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. นี่คือข้อพิสูจน์ที่ทีมออกแบบของเอ็มระบุไว้ว่าช่วงล่างของกระบะคันนี้ถูกเซ็ตมาเพื่อการนั่งโดยสารมากกว่าการบรรทุกหนัก มันจึงดูดซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า
ลุยออฟโรด
จบจากบนสนามทางเรียบก็มาลุยออฟโรดกันต่อ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ MG Extender มี 3 โหมด ประกอบด้วย 2H 4H และ 4L ที่มาพร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย เริ่มต้นด้วยด่านแรกเป็นเนินสลับ เราเลือกโหมด 4L แล้วเคลื่อนตัวขึ้นเนินช้าๆ กำลังจากเครื่องยนต์มีเหลือเฟือทำให้สามารถตะกุยเนินขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อล้อใดล้อหนึ่งลอยไม่ติดพื้น ระบบล็อกเฟืองท้ายจะเข้ามาทำหน้าที่ส่งถ่ายกำลังไปที่ล้อข้างที่ติดพื้นให้มากขึ้น ทำให้รถสามารถตะกุยผ่านอุปสรรคไปได้
ตลอดเส้นทางออฟโรดเต็มไปด้วยหลุมบ่อและดินที่อ่อนนุ่มเพราะฝนเพิ่งตก แต่ MG Extender ก็ขับผ่านได้อย่างไร้ปัญหา ช่วงล่างรับแรงกระแทกได้ดี และยังคงมอบความนุ่มนวลที่น่าพอใจ จังหวะขึ้นเนินชันที่พื้นผิวเต็มไปด้วยหินและกรวดรถก็มีกำลังมากพอทำให้ไม่ต้องเค้นอะไรมาก ไม่ต้องห่วงเลยว่ากำลังของรถจะไม่ไหว
ไฮไลท์ของสนามออฟโรดคือเนินจำลองสำหรับการทดสอบระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เนินนี้เราเปลี่ยนมาใช้โหมด 4H พบว่ารถยังมีกำลังขับมากพอที่จะไต่ขึ้นเนินสบายๆ เมื่อลองหยุดรถกลางเนิน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันจะเข้ามาช่วยเบรกไม่ให้รถไหลถอยหลังไว้ประมาณ 3 วินาที หากเกินจากนี้รถจะไหลถอยหลังลงมา ระบบนี้มีประโยชน์มากในจังหวะออกตัวบนทางชัน
ขาลงเนินเราลองเปิดระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันแล้วปล่อยเบรกให้รถไหล ระบบจะคุมความเร็วของรถให้ค่อยไหลลงเนินช้าๆ แต่จังหวะการทำงานแอบมีดีเลย์เล็กน้อย
ลงเนินมาก็เจอบ่อโคลน จังหวะนี้ให้ขับลงบ่อไปให้โคลนกระจายโดยไม่ต้องชะลอรถ ช่วงล่างของ MG Extender ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างน่าประทับใจ หมดห่วงเรื่องการลุยน้ำลึกไปได้เลย
ดีงามสมราคา
แม้การทดสอบในครั้งนี้จะเป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เราได้รู้จัก MG Extender ในหลายๆ แง่มุม ในเรื่องการขับขี่ทางเรียบนั้น Extender มีคาแร็กเตอร์แบบสุขุมนุ่มนวล เป็นรถที่ขับง่าย เป็นมิตรกับทุกคน แรงพอประมาณ การควบคุมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่เอ็มจีวางไว้คือกระบะเพื่อการโดยสาร ดังนั้นความนุ่มสบายจึงต้องมาก่อน
ด้านออฟโรด Extender สามารถลุยทางโหดๆ ได้สบาย เครื่องยนต์มีกำลังเพียงพอกับการตะกุยปีนป่ายบนเส้นทางทุรกันดาร แถมมีตัวช่วยอย่าง ระบบล็อกเฟืองท้าย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ทำให้การขับออฟโรดเป็นเรื่องง่าย สามารถพารถคันนี้ขับไปได้ทุกที่ในเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม การเป็นน้องใหม่ในวงการยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ ยังต้องโดนรับน้องอีกพอสมควร การทดสอบครั้งนั้นยังไม่สามารถตอบได้ทั้งหมดว่า MG Extender ยอดเยี่ยมรอบด้านหรือไม่ แต่นี่คือกระบะที่เริ่มต้นได้สวยและมาถูกทางแล้วคือใช้ความคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นจุดขาย บวกกับการขับขี่ที่มีคุณภาพตอบโจทย์คนชอบความนุ่มสบาย ดังนั้นมันจึงเหมาะมากกับคนที่ยากจะลองอะไรใหม่ๆ ท้ายที่สุดแล้วการลองขับด้วยตัวเองนั่นแหละที่จะตอบได้ว่า Extender เหมาะกับคุณหรือไม่
ขอขอบคุณ เอ็มจี ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปกและราคาได้ที่ http://bit.ly/2OQHpck
Gallery