Lexus แบรนด์ย่อยใต้ชายคาโตโยต้าที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เริ่มต้นผลิตรถมาตั้งแต่ปี 1998 โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มลูกค้าตลาดบน และเป็นการตีตลาดรถหรูที่มาจากทวีปยุโรป ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถัน ความประณีต คุณภาพการผลิตขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ดีเลิศกว่ารถบ้านทั่วไป Lexus จึงมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก และสามารถแข่งขันกับรถยุโรปได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
หนึ่งในโมเดลที่ขายดีที่สุดของ Lexus คือ RX ครอสโอเวอร์ขนาดกลาง 5 ที่นั่งที่ปัจจุบันเดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 แล้ว สำหรับประเทศไทย Lexus เพิ่งเปิดตัว RX รุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 เครื่องยนต์ คือ RX 300, RX 350 และ RX 450h การไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดนี้มีการเพิ่มออปชั่นใหม่เข้ามาหลายรายการ ปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ และมีการอัพเดตอุปกรณ์ความปลอดภัยให้ครบครันยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทั้ง 3 รุ่นย่อยนี้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมเป็นอย่างดี
เป็นธรรมเนียมของการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่จะต้องมีทริปทดสอบสมรรถนะเกิดขึ้น ซึ่งทางเลกซัสกรุ๊ป โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย พา WHATCAR? ไปขับ Lexus RX ใหม่บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – อยุธยา ระยะทางรวมไป – กลับกว่า 160 กม. กิจกรรมนี้ขนทัพรถยนต์ Lexus RX มาให้ลองถึง 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ RX 300 Luxury, RX 300 Premium และ RX 300 F Sport ทั้ง 3 รุ่นใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 238 แรงม้า เหมือนกัน ต่างกันที่รายละเอียดออปชั่นยิบย่อยและการตกแต่ง ซึ่งเราได้มีโอกาสลอง RX 300 Premium รุ่นกลางของไลน์อัพ
การขับขี่
เริ่มต้นออกสตาร์ทที่โรงแรมเพนินซูลา ใจกลางกรุงเทมหานคร แน่นอนว่าการจราจรช่วงแรกจะต้องเจอกับความหนาแน่นและติดขัดของกรุงเทพฯ ซึ่ง RX 300 Premium ก็มอบความสุขสบายในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ห้องโดยสารเงียบ สามารถป้องกันเสียงแวดล้อมภายนอกรถได้ดีมาก เครื่องยนต์และเกียร์ทำหน้าที่ได้อย่างนุ่มนวลทั้งจังหวะเร่ง ชะลอ และเบรก ไม่พบอาการกระตุกในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลดเกียร์แต่อย่างใด อีกทั้งเสียงของเครื่องยนต์ในรอบต่ำและรอบเดินเบาก็เงียบมาก
จังหวะที่ต้องเร่งแซงรถขับช้าในช่วงระยะสั้นๆ หรือออกตัวจากแยกไฟแดง RX 300 Premium ตอบสนองได้อย่างฉับไว กดคันเร่งปุ๊บจะรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่พอประมาณและความกระฉับกระเฉงของรถที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า การขับขี่ในเมืองรู้สึกนุ่มสบายจากช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ปรับเซ็ตมาเอาใจคนเมือง พวงมาลัยเบามือในความเร็วต่ำ ขณะที่ความรู้สึกขอช่วงล่างนั้นก็นุ่มนวลและดูดซับแรงสะเทือนจากรอยปะถนน ฝาท่อ และเส้นจราจรได้ดี แม้ในจังหวะขับผ่านลูกระนาดโดยไม่ใช้การหยอดก็ไม่รู้สึกถึงการกระแทกกระเทือนมากนัก
พอหลุดจากตัวเมืองเราก็ได้โอกาสลองสมรรถนะของเจ้า RX 300 Premium แบบเต็มๆ เริ่มจากโหมด Normal ก่อน การตอบสนองของรถมีความว่องไวดี เร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียงอึดใจ อัตราเร่งมาแบบนุ่มๆ แล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปแบบต่อเนื่อง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดส่งต่อกำลังได้อย่างราบรื่น การคิ๊กดาวน์ต้องกดคันเร่งลึกแล้วจะมีจังหวะดีเลย์เล็กน้อยก่อนเกียร์จะชิฟท์ลงต่ำ 1 จังหวะพร้อมกับเรียกกำลังแรงบิดที่เพียงพอสำหรับการเร่งแซง โหมดแมนวล +/- ของเกียร์ตอบสนองได้ฉับไวเช่นเดียวกับแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย
ในช่วงความเร็วเดินทาง 110 กม./ชม. RX 300 Premium พุ่งทะยานอย่างหนักแน่นและมั่นคง ตัวรถนิ่ง ไม่โคลงเคลง ไม่ส่าย จังหวะเทเข้าโค้งไม่มีการย้วย มีโยนบ้างเล็กน้อยตามประสารถยกสูงแต่ไม่มากจนน่าหวาดเสียว สมดุลการทรงตัวดีทั้งทางตรงและในโค้ง จังหวะกระโดดคอสะพานชุดกันสะเทือนซับแรงได้แน่น เด้งสองครั้งแล้วนิ่ง ขณะที่พวงมาลัยก็จะปรับความหนืดขึ้นให้สัมพันธ์กับความเร็วที่ขับ ความหนืดที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ทำให้ขับยากขึ้นเพราะอัตราทดยังเท่ากับตอนความเร็วต่ำซึ่งมีระยะฟรีที่เหมาะสมอยู่แล้ว ทำให้สามารถบังคับทิศทางของรถได้อย่างแม่นยำและมีความมั่นใจมากขึ้น
ลองเปลี่ยนมาขับโหมด Sport จะรู้เลยว่า 238 แรงม้ากับแรงบิด 350 นิวตันเมตรบนรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ก็สามารถสร้างรอยยิ้มได้เหมือนกัน การตอบสนองของรถมีความกระฉับกระเฉงขึ้นเล็กน้อย คันเร่งไวขึ้น เกียร์ลากรอบสูงขึ้น ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ตได้อย่างชัดเจน แต่พวกช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวไม่รู้สึกแตกต่างจาก Normal มากนัก ที่สำคัญโหมดนี้ซดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นแน่นอน
การตอบสนองของแป้นเบรกมีความรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติ มีระยะฟรีของแป้นให้รู้สึกถึงความนุ่มนวล การหน่วงความเร็วสัมพันธ์กับน้ำหนักการเหยียบทำให้สามารถควบคุมและกะระยะการเบรกได้ง่าย ไม่ต้องปรับตัวสร้างความเคยชินมากนักในการขับครั้งแรก การเบรกจากความเร็วสูงสามารถเอารถได้อยู่หมัดโดยไม่เสียอาการ
สำหรับเสียงรบกวนในย่านความเร็วสูงนั้น RX 300 Premium สามารถป้องกันเสียงลมและเสียงถนนได้ดีเทียบเท่ากับรถยุโรป เราได้ยินเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาเบาๆ ที่บริเวณขอบกระจกหน้าต่างตอนความเร็ว 110 กม./ชม. ขณะที่เสียงยางเริ่มดังที่ 100 กม./ชม. เบาะหลังได้ยินดังกว่า เสียงช่วงล่างออกแนวแน่นดึบ เสียงเครื่องยนต์ไม่ดังเลยยกเว้นตอนเร่งเครื่อง
ด้านระบบช่วยขับขี่นั้น RX 300 Premium ของเรามีทั้งระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมเตือนมุมอับสายตา Lane Change Assist with Blind Spot Monitor ที่เป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาขับขี่ในเมืองที่ไม่รู้ว่ามอเตอร์ไซค์จะแทรกมาตอนไหน ระบบช่วยรักษาช่องทางการวิ่ง Lane Tracing Assist ช่วยได้มากเมื่อต้องขับทางไกลนานๆ มันควบคุมช่วยให้รถอยู่กึ่งกลางเลนและจะสั่นเตือนพร้อมกับหน่วงรั้งพวงมาลัยกลับเข้ากลางเลนเมื่อคุณขับคร่อมลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบตัวนี้สามารถปิดได้หากได้ต้องการใช้บริการ อีกระบบหนึ่งที่มีประโยชน์คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control เหมาะกับการขับขี่ทางไกลอย่างมาก มันตรวจจับรถข้างหน้าได้ไว เร่งและชะลอตามได้อย่างนุ่มนวล นี่คือตัวช่วยคลายความเมื่อยล้าชั้นดีเลยล่ะ แต่การใช้งานอาจไม่สะดวกเพราะแทนที่จะเป็นปุ่มให้กดบนก้านพวงมาลัยมันกลับเป็นแป้นให้ปรับที่คอพวงมาลัยด้านล่างซ้ายแทน ดังนั้นต้องทำความเคยชินกับมันซักพักถึงจะใช้งานได้อย่างคล่องมือ
RX 300 Premium ยังมาพร้อมกับอัตราสิ้นเปลืองที่เหมาะสมหากคุณไม่เหยียบแบบไร้ความปราณี จากการขับขี่ของเรา ที่ความเร็วคงที่ 110 กม./ชม. คอมพิวเตอร์วัดอัตราสิ้นเปลืองแบบเรียลไทม์ของรถแสดงตัวเลขอยู่แถวๆ 14 กม./ลิตร รอบเครื่องอยู่ที่ราว 2,300-2,500 รอบต่อนาทีในเกียร์ 6 เมื่อดูอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดทริปที่ไม่ได้เน้นขับประหยัดเลย ใส่หนักบ้างตามจังหวะของการจราจร ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของรถคำนวณออกมาที่ 10.5 กม./ลิตร เทียบกับตัวเลขของโรงงาน 12.30 กม./ลิตร แล้วก็ถือว่าใกล้เคียง และอย่าลืมว่านี่คือรถครอสโอเวอร์เอสยูวีขนาดกลางที่หนักเกือบ 2 ตัน กินน้ำมันประมาณนี้คือเหมาะสมแล้ว
สุนทรียภาพในห้องโดยสาร
ตลอดเส้นทางการขับขี่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ใน RX 300 Premium คือทัศนวิสัยรอบคันที่ดีจากการตำแหน่งนั่งขับที่อยู่สูง คุณสามารถมองรอบคันได้อย่างชัดเจน มุมมองด้านหน้ากว้างไกล กระจกบังลมหน้ามีความลาดเอียงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเพราะว่าเสา A-pillar ไม่ได้หนาเตอะจนเกะกะสายตา จุดนี้ช่วยให้มุมมองด้านมุมข้างไม่ถูกบังด้วย ขณะที่มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหน้าต่างบานหลังก็ค่อนข้างเคลียร์
จุดต่อมาที่เราชอบคือความสบายของเบาะ มันมีขนาดใหญ่ หนา นุ่ม ทรงของเบาะมีการโอบกระชับที่ดี ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทาง มีตัวดันหลังปรับไฟฟ้าเพิ่มการรองรับ และมีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่ง หมดปัญหาการปรับเบาะเมื่อต้องเปลี่ยนผู้ขับบ่อยๆ อีกทั้งเบาะคู่หน้ายังมีฟังก์ชั่นอุ่นเบาะและระบายอากาศด้วย สำหรับพื้นที่ของเบาะหน้านั้นเพียงพอสำหรับคนสูง 180 ซม. และเข้า-ออกรถได้อย่างสะดวกจากประตูขนาดใหญ่และความสูงที่ไม่มากเกินไป
พวงมาลัยของ RX 300 Premium ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง-เข้า-ออก เครื่องปรับอากาศแบบแยก 2 โซน ซ้าย-ขวา มีระบบปรับสภาพอากาศ Nano-e ซึ่งแผงควบคุมของมันนั้นเป็นปุ่มกดที่หน้าตาอาจไม่ทันสมัยแต่ก็ได้ความเรียบง่ายในการใช้งาน อีกจุดที่ค่อนข้างตรงข้ามกับภาพลักษณ์ความทันสมัยก็คือชุดหน้าปัดที่ยังเป็นแบบเข็มอนาล็อกอยู่ มีจอแสดงข้อมูลขับขี่ TFT 4.2 นิ้วอยู่ตรงกลางที่บอกข้อมูลได้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเท่ๆ อย่าง Head-up display ที่กระจกหน้าผู้ขับ และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายมาเป็นมาตรฐาน
เบาะแถวสองมาพร้อมกับความสบายเต็มพิกัดจากพื้นที่อันกว้างขวาง สามารถปรับพนักพิงได้ด้วยระบบไฟฟ้า คนสูงมานั่งยังมีพื้นที่ว่างเหลือๆ การเข้า-ออกก็สะดวก ตัวเบาะมีความนุ่ม นั่งทางไกลหลับแน่ๆ เบาะหลังตัวกลางดึงลงมาเป็นที่เท้าแขนและที่วางแก้วได้ อุโมงค์กลางขนาดไม่ใหญ่มากทำให้คนนั่งเบาะตัวกลางไม่รู้สึกลำบากเกินไป
RX 300 Premium ของเรามาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูล Electro Multi Vision (EMV) ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ตำแหน่งของมันอยู่ในระดับสายตา มองง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนมากนัก คุณสามารถควบคุมหน้าจอนี้ได้จาก Remote Touch Interface บริเวณคอนโซลกลาง สามารถจับและกางนิ้วเพื่อขยายแผนที่ได้ และในขณะที่ลากนิ้วบนแป้นทัชแพดก็จะมีการสั่นเล็กน้อยพอให้เรารู้สึกถึงการเลื่อนผ่านในแต่ละเมนูบนหน้าจอ หน้าจอนี้ไม่ได้มีดีแค่ความใหญ่เต็มตา กราฟิกของมันยังสวยงาม มีความคมชัด ลื่นไหล หน้าตาเมนูต่างๆ เข้าใจง่าย นอกจากนี้มันยังมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน อาทิระบบแผนที่นำทาง การเชื่อมต่อ Apple CarPlay และแสดงภาพจากกล้องรอบคัน ด้านระบบเสียงนั้นเป็นของ Pioneer ลำโพง 12 ตำแหน่ง คุณภาพดีใช้ได้ ฟังเพลินทุกแนวเพลง
พื้นที่เก็บสัมภาระของ RX 300 Premium มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่เพียงพอการการขนสัมภาระออกไปเที่ยววันหยุดกับครอบครัว ที่สำคัญมันมาพร้อมกับประตูท้ายไฟฟ้าที่มีระบบเปิด-ปิดแบบแฮนด์ฟรี เพียงสอดเท้าไปใต้กันชนหลังก็จะสามารถเปิด-ปิดประตูท้ายได้แต่อย่าลืมพกกุญแจรถติดตัวไว้ด้วยล่ะ
สรุปความน่าใช้
Lexus RX 300 Premium เป็นรุ่นที่อยู่ตรงกลางของไลน์อัพ RX 300 ที่เรามองว่าถ้าจะเล่นก็เล่นรุ่นนี้แหละดีที่สุด มันมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ได้รับการเสริมแต่งให้น่ามองยิ่งขึ้นจากรุ่นเริ่มต้น Luxury เอกลักษณ์ที่เด่นชัดอย่างกระจังหน้า Spindle Grille ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับรถได้เป็นอย่างดี มองก็รู้ทันทีว่าเป็นรถ Lexus ความประณีตหรูหรา และความกว้างขวางสะดวกสบายภายในห้องโดยสารคือสิ่งที่คุณจะต้องประทับใจเมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งในรถคันนี้ เช่นเดียวกับเรื่องของออปชั่นที่เรียกได้ว่ามาครบและเพียงพอกับความต้องการ คุณจะได้ออปชั่นหลายรายการที่อัพเกรดมาจากรุ่น Luxury ขณะที่รุ่น F Sport นั้นจะมีออปชั่นที่เหนือกว่าไม่มากนักแต่ได้อัพเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD และรูปลักษณ์ภายนอกแบบสปอร์ตเต็มขั้น ด้านการขับขี่นั้น RX 300 Premium คือครอสโอเวอร์หรูที่ขับดีอีกรุ่นหนึ่ง สมรรถนะของมันยอดเยี่ยมสมราคา คุณภาพการขับขี่ไม่ได้เป็นรองรถหรูจากยุโรปแบบฟ้ากับเหว รวมถึงระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยก็ใช้งานจริงได้ดีและใส่มาให้อย่างครบครัน
โดยรวมแล้วเรามองว่าในงบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาทกับรถครอสโอเวอร์เอสยูวีขนาดกลางระดับพรีเมี่ยม RX 300 Premium ที่มีราคาค่าตัว 4,740,000 บาท น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง หากมองค่ายยุโรปคุณอาจต้องบวกเงินเพิ่มเป็นหลักแสนเพื่อที่จะได้รถในระดับเดียวกันนี้ แต่ถ้าคุณอยากลองตัวเลือกใหม่ที่สามารถสู้กับรถยุโรปได้อย่างสูสีแล้วล่ะก็ รถคันนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณ เลกซัสกรุ๊ป โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปก Lexus RX ได้ที่ http://bit.ly/2IgaZCk
Gallery