Toyota Corolla Cross เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกในโลกที่เมืองไทยเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา การมาของครอสโอเวอร์รุ่นใหม่เป็นการแก้เกมของโตโยต้าเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง จากเดิมที่มี CH-R ทำตลาดอยู่ในกลุ่มนี้แต่รายนั้นมีข้อด้อยเรื่องพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โตโยต้าจึงจำเป็นต้องมี B-SUV ที่เพียบพร้อมทุกด้านทั้งสมรรถนะ ความประหยัด ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ความสะดวกสบาย ความอเนกประสงค์ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ครบครัน
Corolla Cross เหมือนจับเอา CH-R มาผสมกับ Corolla Altis คือให้ทั้งความสะดวกสบาย กว้างขวาง และการขับขี่ที่เฉียบคม มันพัฒนาบนพื้นฐานของสถาปัตยกรรม TNGA พร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรธรรมดา และเบนซินไฮบริด 1.8 ลิตร เจเนเรชันที่ 4 แบบเดียวกับ CH-R และ Altis ใส่ออปชั่นสำคัญมาครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัย Toyota Safey Sense ที่กลายเป็นสิ่งขาดไม่ได้เสียแล้วหากจะแข่งขันในยุคนี้
รูปลักษณ์โดยรวมมีขนาดใหญ่โตกว่า CH-R ชัดเจน พร้อมด้วยดีไซน์ที่ไม่ล้ำเท่าแต่ก็ได้ความทะมัดทะแมงบึกบึนในแบบเอสยูวีจริงๆ มาแทนที่ ภายในห้องโดยสารอันนี้แน่นอนว่ากว้างขวางกว่า CH-R หลายเท่า นั่งสบายกว่า พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ใหญ่กว่า ดังนั้นการใช้ Corolla Cross เป็นยานพาหนะในการเดินทางไกลช่วงวันหยุดหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากๆ
ขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Corolla Cross รุ่นท็อป เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 122 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร มีSPORT MODE และ ECO MODE ให้สับเปลี่ยนรสชาติในการขับขี่
การขับขี่
WHATCAR? Thailand ได้มีโอกาสลองขับเจ้า Corolla Cross เป็นกลุ่มแรกๆ ในโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามทดสอบของโตโยต้า บางนา กม.3 เป็นการขับในสถานีต่างๆ 5 สถานีซึ่งวัดประสิทธิภาพของรถได้เกือบทุกมิติ รถที่ใช้ในการทดสอบเป็น Corolla Cross รุ่นท็อป 1.8 Hybrid Safety ราคาค่าตัว 1,199,000 บาท มาพร้อมออปชั่นความปลอดภัยที่จัดเต็มที่สุด
สถานีแรกเป็นการทดสอบระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ ระบบนี้จะทำงานที่ 50 กม./ชม. ขึ้นไป จากการทดสอบเมื่อขับรถทับเส้นทึบโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับเข้าเลนให้มันมีโดยอัตโนมัติ ระบบตอบสนองได้ไวดีมาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดีในการขับขี่จริง แต่ถ้าหากกดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลนระบบจะไม่ทำงาน
ต่อมาเป็นสถานี Slalom ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. พร้อมหักหลบสิ่งกีดขวางและเบรก Corolla Cross มีแฮนด์ลิ่งที่ดี พวงมาลัยมีระยะฟรีและน้ำหนักที่เหมาะสมทั้งยังตอบสนองไวและแม่นยำ ทำให้การหักเลี้ยวค่อนข้างกระชับว่องไว ช่วงล่างปรับเซ็ตมาดี ล้อหน้าจิกเข้าโค้งได้หนึบพร้อมกับตัวถังที่ไม่โยนมากจนเกินงาม ตัวถังยุบและคืนตัวได้เร็ว ไม่ยวบย้วยระหว่างเคลื่อนที่ผ่านแต่ละกรวย เมื่อออกจาก Slalom จะพบกับจุดให้หักหลบสิ่งกีดขวางเป็นรูปตัว S พร้อมกับกดเบรกจนรถหยุดนิ่ง เจ้า Corolla Cross ตอบสนองได้อย่างเฉียบคม พอเบรกหนักๆ พร้อมหักเลี้ยวกะทันหันรถไม่เสียการทรงตัว ไม่ไถล ไม่เซ จนรถหยุดนิ่ง ต้องขอบคุณระบบควบคุมการทรงตัวที่ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ
สถานีต่อมาเป็นทดสอบอัตราเร่งทางตรง ขุมพลังลูกผสม 122 แรงม้า พาเจ้า Corolla Cross พุ่งทะยานอย่างนุ่มนวล แรงดึงไม่ได้หนักหน่วงรุ่นแรงมากนัก ออกแนวนุ่มๆ พร้อมความเร็วที่ค่อยๆ ไต่ขึ้นแบบต่อเนื่อง เราไม่ได้ลงจับเวลาแต่รถก็ทะยานสู่ 100 กม./ชม. ได้ทันก่อนที่จะหมดระยะ หลักจากเร่งมาเต็มแม็กซ์ก็ต้องกดเบรกให้เหลือความเร็ว 30 กม./ชม. สังเกตได้ว่าหน้ารถจิกพื้นได้แน่นดีมาก ท้ายรถไม่มีอาการส่าย เบรกหนักๆ ยังไว้ใจได้ดี แป้นเบรกตอบสนองเป็นธรรมชาติพร้อมกับมีความนุ่มนวลจากระยะฟรีที่เหมาะสม
สถานีต่อมาเป็นการขับวนเป็นวงกลมเพื่อดูการยึดเกาะของช่วงล่างพร้อมกับทดสอบมุมมองตรงเสา A-pillar ช่วงล่างของ Corolla Cross ให้ความมั่นใจได้ดีในการเข้าโค้งโดยที่ตัวถังไม่โยนมาก มีอาการท้ายออกบ้างเล็กน้อยถ้าใช้ความเร็วสูง ส่วนการออกแบบเสา A-pillar ที่ยื่นไปหน้ารถทำให้ลดการบดบังทัศนวิสัยตรงบริเวณมุมรถได้ดี มองเห็นปลายโค้งได้ถนัดยิ่งขึ้น
สถานีสุดท้ายเป็นการทดสอบความนุ่มนวลของระบบกันสะเทือนผ่านพื้นผิวขรุขระและเนินสลับ Corolla Cross มาพร้อมชุดกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานบิดทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ต่างจาก C-HR และ Altis ที่เป็นแบบอิสระ ดังนั้นเรื่องความนุ่มอาจเป็นรองอยู่บ้างเล็กน้อย จาการทดสอบ โช๊คอัพและสปริงดูดซับแรงสะเทือนได้ดี ขับผ่านผิวขรุขระได้โดยไม่ทรมาน ขึ้น-ลงสะพานก็ยับคงรองรับแรงกระแทกได้ดี คืนตัวได้ไว พร้อมกับหนึบแน่นไม่กระเด้งกระดอนให้น่ารำคาญ พอผ่านเนินสลับตัวรถมีการโยนเหวี่ยงไป-มาแต่ไม่มาก นั่งแล้วไม่มึนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การทดสอบวันนี้เป็นเพียงการขับในสถานีทดสอบที่โตโยต้าจัดขึ้น เบื้องต้นเราได้รู้แล้วว่า Corolla Cross มีนิสัยใจคออย่างไร แต่ก็ยังมีอีกหลายแง่มุมที่ยังไม่สามารถทดสอบได้ อาทิ คุณภาพการขับขี่ อัตราสิ้นเปลือง การป้องกันเสียงรบกวน เป็นต้น พวกนี้ต้องลองขับบนถนนจริงอีกครั้งและเราจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร
ภายในกว้าง นั่งสบายขึ้น
Corolla Cross เกิดมาเพื่อลบจุดด้อยของ CH-R นั่นคือพื้นที่ภายในห้องโดยสาร เมื่อเข้ามานั่งขับหลังพวงมาลัยก็รู้สึกได้ทันทีว่าโปร่งสบายมากขึ้น ตำแหน่งเบาะนั่งอยู่สูงสามารถก้าวขาเข้ามานั่งได้อย่างสะดวก ทัศนวิสัยรอบคันก็ดีขึ้น มองเห็นหน้ารถได้ไกล มองรอบคันได้ถนัด มุมมองผ่านกระจกมองหลังเคลียร์ชัดกว่า CH-R แบบคนละเรื่อง บรรยากาศโดยรวมรู้สึกสบายและผ่อนคลายกว่า
ตัวเบาะนั่งใหญ่ นุ่ม โอบกระชับลำตัวได้ดี เป็นเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง-เข้า-ออก ทำให้หาตำแหน่งนั่งขับที่เหมาะสมได้ง่ายไม่ว่าขนาดตัวผู้ขับจะเป็นอย่างไร พื้นที่บริเวณเบาะตอนหน้ากว้างขวาง พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ช่วงขามีมาก มาพร้อมจอหน้าปัดดิจิตอลขนาด 7 นิ้วแบบเดียวกับ Altis บอกข้อมูลครบ อ่านค่าง่าย
เบาะตอนหลังกว้างกว่า CH-R อย่างเห็นได้ชัด นั่งสบายกว่า พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ช่วงขามีมากกว่า ตัวเบาะหนานุ่มกำลังดี ปรับเอนพนักพิงได้ 2 ระดับเพิ่มความสบายยิ่งขึ้นเมื่อเดินทางไกล บานประตูขนาดใหญ่ทำให้การเข้า-ออกรถง่ายกว่าโดยไม่ต้องก้มหรือมุดเข้าไปแบบ CH-R เบาะหลังตัวกลางดึงลงมาเป็นที่วางแขนได้ อุโมงค์กลางไม่สูงใหญ่จนน่ารำคาญดังนั้นนั่งหลัง 3 คนก็ยังพอไหว และไม่ต้องกลัวร้อนเพราะมีช่องแอร์ตอนหลังมาให้
ระบบความบันเทิงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ติดตั้งในตำแหน่งที่ดี อ่านค่าง่าย ไม่ต้องก้มหรือละสายตาจากถนนมากนัก หน้าจอแสดงผลคมชัด กราฟิกสวยงาม ลื่นไหล ตอยสนองไวพอสมควร หน้าตาเมนูใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นมาตรฐานครบครันและยังรองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง รวมถึงระบบ T-Connect ที่มีฟีเจอร์โดดเด่นมากมาย
เหนือสิ่งอื่นใดคือระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่ให้มาครบครันสมใจคนชอบออปชั่นเยอะๆ ซึ่งเราก็มองว่ามันเป็นจุดขายที่สามารถชักจูงลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมอบความอุ่นใจมากขึ้นยามเดินทาง ซึ่งนอกจากระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติที่เราได้ทดสอบไปแล้ว ก็ยังมีระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control With Lane Tracing Assist) ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอีกหลายรายการ ไม่ต้องกลัวเลยว่า Corolla Cross จะเป็นรองคู่แข่ง
สรุปความน่าใช้
Corolla Cross ผสมผสานข้อดีของ Altis และ CH-R เข้าด้วยกันได้อย่างน่าชื่นชม มันเป็นครอสโอเวอร์ที่ขับสบายและเป็นมิตรกับทุกคน พละกำลังเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป การควบคุมดีเยี่ยม ช่วงล่างนุ่ม ห้องโดยสารกว้างนั่งสบายทุกตำแหน่ง ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ แม้วันนี้จะยังทดสอบได้ไม่ครบทุกแง่มุมแต่เท่าที่เราได้รู้จักนิสัยของเจ้าคันนี้ มันเป็นรถที่น่าใช้มากๆ อีกรุ่นหนึ่ง และตอนนี้กระแสตอบรับในงานมอเตอร์โชว์ก็ดีมาก ยอดจองทะลุ 400 คันไปแล้ว ดังนั้นถ้าสนใจ รีบไปลองขับกันได้เลย
ขอขอบคุณ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปก Toyota Corolla Cross ได้ที่ https://bit.ly/2AIAD22
ราคาจำหน่าย Toyota Corolla Cross
- รุ่น 1.8 Sport ราคา 959,000 บาท ถึง 30 ก.ย. 2563 (ราคาปกติ 989,000 บาท)
- รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท
- รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท
- รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท
Gallery