Balance of power
มีรถยนต์ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กจากค่าย DS และ Peugeot ถึงสองรุ่นพร้อมเข้าท้าชิงตำแหน่งกับรถยนต์คันโปรด Kia e-Niro ของเรา มาดูกันว่าผู้เข้าแข่งขันจะแข็งแกร่งแค่ไหน
NEW DS 3 Crossback E-Tense Ultra Prestige
ราคาปกติ 38,990 ปอนด์* (ราว 1,949,500 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 38,225 ปอนด์* (ราว 1,911,250 บาท)
ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นรถยนต์ทางเลือกที่มีความพรีเมี่ยมมากกว่า Peugeot e-2008 เปิดตัวมาด้วยระยะวิ่งไกลถึงเกือบ321.8 กิโลเมตร
Kia e-Niro 4+ Long Range
ราคาปกติ 39,145 ปอนด์* (ราว 1,957,250 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 39,145 ปอนด์* (ราว 1,957,250 บาท)
รถยนต์รุ่นแลนมาร์คที่ครองตำแหน่งรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกแห่งปี 2019 ทั้งกว้างขวางและมีระยะวิ่งที่น่าพอใจ มันยังคงเป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าคันโปรดของเรา
NEW Peugeot e-2008 GT Line
ราคาปกติ 35,915 ปอนด์* (ราว 1,795,750 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 35,212 ปอนด์* (ราว 1,760,600 บาท)
เช่นเดียวกับ E-Tense รถยนต์ e-2008 มีขนาดเล็กกว่า e-Niro และมีระยะวิ่งที่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มีความคุ้มค่าด้านราคา
คุณเคยเห็นเวลาที่ Robert de Niro โฆษณา Kia Niro รุ่นล่าสุดหรือไม่ มันเป็นการเล่นกับคำและการบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา หากมันดีพอที่จะครองรางวัลออสการ์ถึงสองสมัย มันก็น่าจะโอเคสำหรับเราด้วยเช่นกัน ในวันนี้ราจะมาหาคำตอบ: e-Niro ยังคงเป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่มีราคาน่าคบหาที่สุดในโลกอยู่หรือจะเป็น DS 3 Crossback E-Tense หรือ Peugeot e-2008 ในราคาใกล้เคียงกันที่พร้อมจะมาชิงตำแหน่ง
ต้องยอมรับว่า e-Niro เป็นผู้คว้ารางวัลรถยนต์แห่งปี 2019 ไป แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและกำลังปล่อยรถยนต์ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กกออกมาเรื่อย ๆ ราวกับพวก Little Focker
E-Tense เป็นรุ่นที่คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อน้อยที่สุดเพราะแบรนด์ DS ยังคงเป็นแบรนด์ที่เพิ่งถือกำเนิดมาใหม่ มันเป็นแบรนด์พรีเมียมลูกของ PSA Group อันได้แก่ Citroën, Peugeot และ Vauxhall ดังนั้น E-Tense จึงเป็นเสมือนฝาแฝดของ e-2008 ที่ผ่านการแต่งตัวปะแป้งใหม่ให้ดูทันสมัยทั้งภายในและภายนอก
แล้ว e-2008 เป็นอย่างไร Peugeot เหมือนอยู่ในช่วงกลางของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หลังจากไม่กี่ปีในการผลิตสินค้าที่ดีที่สุดในโลก SUV 3008 และ 5008 รุ่นล่าสุดได้รับการฟีดแบคที่ดีเช่นเดียวกับ 208 และ e-208 แฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็ก โดย e-2008 ได้ใช้เป็นพื้นฐาน
เวทีที่ดุเดือดนี้จะนำรถยนต์รุ่นท็อปของ 3 แบรนด์มาประชันกัน เพื่อพิสูจน์ว่า e-2008 จะไร้ที่ติ หรือ E-Tense จะเป็นรถยนต์ของพระเจ้า และ e-Niro จะร้อนแรงจริงหรือไม่ ได้เวลาพิสูจน์แล้ว
การขับขี่
สมรรถนะ, ความรู้สึกในการขับขี่, ความประณีต
หากคุณได้อ่านบทความที่เราเขียนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ คุณจะรู้ว่าเราตั้งธีมในการเขียนเช่น Blackpool ผ่านหิน: การเร่งเครื่องอย่างทันทีทันใด สำหรับ e-2008 และ E-Tense อาจทำให้เข้าใจผิดแบบนั้นเพราะทั้งสองรุ่นแทบจะไม่มีความต่างกันเอาเสียเลย
DS 3 CROSSBACK E-TENSE
สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงในวันที่เราทำการทดสอบ แม้ว่าอากาศจะมืดครึ้มราวกับนครเดลีในช่วงมรสุม รถยนต์ทั้งสองรุ่นก็ไม่แสดงอาการงอแงด้านระบบควบคุม เวลาที่ดีที่สุดจาก 0-100 กม./ชม. E-Tense (บนถนนที่แห้ง) อยู่ที่ 8.8 วินาที ไวกว่า e-2008 ในหลักหน่วยวินาที
เมื่อลองเปลี่ยนไปทดสอบ e-Niro มันให้ความรู้สึกราวกับคุณกำลังอยู่บน Dragster และสามารถพาคุณพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 6.5 วินาที การเร่งความเร็วเพื่อแซงก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน 50 – 110 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที ซึ่งคาดการณ์คร่าว ๆ ว่าไวกว่าแบรนด์คู่แข่งประมาณ 3 วินาที
DS 3 CROSSBACK E-TENSE
การที่มีความเร็วสูงหมายความว่ามันจะกินพลังงานแบตเตอรี่มากกว่าหรือไม่ ไม่เลย มันมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุด ที่ช่วยให้คุณเดินทางได้ไกลถึง 453 กิโลเมตรต่อการชาร์จครั้งเดียว เทียบกับรุ่นอื่นที่ได้เพียง 331 กิโลเมตรเท่านั้น เราได้ทดสอบความสามารถในการวิ่งระยะทางจริงของ e-Niro ที่ 407 กิโลเมตร
Covid-19 มีผลต่อการปฏิบัติงานของเราในการทดสอบระยะจริง ดังนั้น E-Tense และ e-2008 จึงได้รับการยกเว้นจากการทดสอบ เราได้ทำการทดสอบรถยนต์ทั้งสามรุ่นพร้อมกันบนถนนแบบปิด เพื่อให้ได้ไอเดียในการใช้พลังงาน และจากการทดสอบนี้เราได้ผลการทดสอบว่า e-2008 สามารถวิ่งได้ระยะทาง 289 กิโลเมตร และ E-Tense 281 กิโลเมตร – อย่างน้อยก็น้อยกว่า e-Niro 112 กิโลเมตร
KIA E-NIRO
แบตเตอรี่ของ e-Niro มีน้ำหนักมากสุดและมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งทั้งสอง มันจึงมีความปราดเปรียวน้อยที่สุดจริงหรือ มันไม่ใช่ Porsche Taycan แต่มันก็เป็นรถยนต์ที่กระฉับกระเฉงที่สุดในกลุ่มผู้ท้าชิง เริ่มที่ระบบเลี้ยว มันมาพร้อมกับน้ำหนักและความแม่นยำที่สามารถขับเคลื่อนตัวเองไปตามทางโค้งตัว S ได้อย่างราบเรียบและนุ่มนวลเมื่อเคลื่อนที่ผ่านถนนที่เป็นคลื่น
พวงมาลัยขนาดเล็กของ e-2008 ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยแต่มันกลับให้ความรู้สึกไม่สมเหตุสมผล โดยเมื่อใดก็ตามที่คุณพยายามที่จะขับขี่เป็นเส้นตรงบนทางมอเตอร์เวย์หรือต้องการจะแซง คุณจำเป็นต้องใช้พลังในการควบคุมพวงมาลัยมากกว่า e-Niro และ e-2008 ที่มาพร้อมกับช่วงล่างแบบนุ่ม ทำให้มันมีความกระฉับกระเฉงในการขับขี่น้อยกว่า
KIA E-NIRO
คุณจะรู้สึกได้ว่า E-Tense มีกลไกที่คล้ายคลึงกับ e-2008 เพราะคุณจะเจอปัญหาคล้าย ๆ กัน เพียงแต่มันแย่กว่า นั่นเป็นเพราะ DS มีระบบช่วงล่างที่นุ่มกว่าแต่ระบบเลี้ยวกลับมีความน่าพึงพอใจน้อยที่สุด รถยนต์มีการเอียงตัวขณะเลี้ยวมากกว่าคู่แข่งและตอบสนองกับอุปสรรคทุกขนาดบนถนนไวกว่า ส่งผลให้ด้านหลังกระดกและกระโดด
ช่างน่าขันที่ E-Tense กลายเป็นรถยนต์ที่นั่งสบายน้อยที่สุด แน่นอนว่ามันขับขี่นุ่มนวลเมื่อวิ่งผ่านตัวหนอนลดความเร็ว แต่ในการเคลื่อนที่ผ่านถนนลักษณะอื่น ๆ มันกลับกระดกและโยกไปมา จนคุณรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าตุ๊กตาสุนัขหน้ารถที่ส่ายหัวด็อกแด็กไปมา
PEUGEOT E-2008
หากคุณเมารถบ่อย E-Tense ก็น่าจะเป็นรถยนต์ที่ทำหน้าคุณหน้าซีดหน้าเขียวที่สุด คุณจะรู้สึกว่า e-2008 มีการทำงานไม่ต่างจาก E-Tense แต่มันกลับน่าดึงดูดมากพอ แม้ว่าจะยังมีการสะเทือนบ้างเมื่อวิ่งผ่านตัวหนอนหรือสันบนถนน แต่มันก็ยังมอบความนุ่มนวลได้เพียงพอ
ช่างน่าแปลกที่ e-Niro ดูเหมือนจะเป็นรถยนต์ที่เฟิร์มที่สุด แต่มันกลับไม่สามารถรับมือกับฝาท่อตามถนนได้ดีกว่าแบรนด์คู่แข่ง ทั้งนี้มันก็แลกมากับความสามารถในการคุมตัวรถมากที่สุด ดังนั้นมันจึงเป็นรถยนต์ที่ขับขี่มั่นคงที่สุดในสามรุ่น
PEUGEOT E-2008
e-Niro เป็นรถยนต์ที่มีระบบเบรกในแง่ของความรู้สึกดีที่สุด ที่มีความก้าวหน้ากว่าของ E-Tense และ e-2008 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของระบบเบรกรีเจนเนอร์เรทีฟ ที่จะทำการดึงพลังงานที่สูญเสียไปจากการเบรกกลับมาบรรจุในแบตเตอรี่ แป้นเหยียบเบรกจึงเป็นเสมือนปุ่มเปิด-ปิด
ในการขับขี่รอบเมือง คุณจะได้ยินเสียงจากช่วงล่างของ E-Tense และ e-2008 ทั้งสามรุ่นมีเสียงลมแทรกเข้ามาขณะวิ่งความเร็วมอเตอร์เวย์ในปริมาณที่พอเหมาะ e-Niro มีเสียงรบกวนจากถนนมากที่สุด จึงเป็นรถยนต์ที่มีเสียงรบกวนมากที่สุด ในขณะที่ e-2008 เป็นรถยนต์ที่มอบความสงบในการขับขี่มากที่สุด
หลังพวงมาลัย
ตำแหน่งคนขับ, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต
เราได้กล่าวไปแล้วเรื่องพวงมาลัยขนาดเล็กของ e-2008 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ i-Cockpit ของ Peugeot โดยอิงกับทฤษฎีที่ว่าพวงมาลัยขนาดเล็กและต่ำช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นหน้าจอดิจิทัลได้ง่ายขึ้น แต่หลายคนกลับรู้สึกว่าพวงมาลัยอยู่ใกล้ขาเกินไปหรือถ้าพวกเขาปรับมันขึ้น มันก็จะบังค่าต่าง ๆ บนหน้าจอ ราวกับว่าเป็นการพิสูจน์ความไร้ประโยชน์ของการเปลี่ยนขนาดพวงมาลัย ซึ่งรถยนต์อีกสองรุ่นกลับไม่พบปัญหาเรื่องนี้
DS 3 CROSSBACK E-TENSE
รถยนต์ทั้งสามรุ่นมีเบาะคนขับแบบปรับเพิ่มความสูงได้ โดยเบาะของ e-2008 และ E-Tense มีความแคบกว่าของ e-Niro และรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสทั้งสองรุ่นไม่มีระบบปรับส่วนรองรับช่วงเอว e-Niro จึงได้เปรียบด้านความสบายในการเดินทางระยะยาว ในขณะที่ E-Tense ไม่มีการรองรับอะไรเลย คุณต้องเกร็งตัวเองเมื่อเลี้ยวในมุมต่าง ๆ
KIA E-NIRO
ขอบกระจกด้านหน้าและข้างของ E-Tense และ e-2008 มีลักษณะหนาและยื่นเข้ามาใกล้คุณมากกว่าคุณจะสามารถมองไปรอบ ๆ โดย E-Tense มีทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากขอบหน้าต่าง รถยนต์ทั้งสามรุ่นมีขอบคานด้านหลังที่หนาและกระจกหลังแคบ แต่ e-Niro มีทัศนวิสัยด้านหลังดีที่สุด ต้องขอบคุณที่ทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับเซนเซอร์ช่วยจอดและกล้องด้านหลัง รวมถึงไฟ LED ด้านบน สำหรับไฟของ E-Tense และ e-2008 เป็นแบบปรับได้ จึงไม่ทำให้แยงตาผู้ขับขี่บนถนนรายอื่น
PEUGEOT E-2008
DS มุ่งเน้นในด้านการเป็นรถยนต์พรีเมียม แต่ E-Tense ให้ความรู้สึกหรูหราที่สุดจริงหรือ ที่จริงแล้วการออกแบบภายในของมันดูโก้หรู แต่คุณกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ผ่านการประกอบมาอย่างดีเท่า e-2008 จากที่เราสังเกต e-2008 มีสวิตช์ที่ดูทำมาจากวัสดุที่ดีกว่าปุ่มกดพลาสติกสีเงินของอีกรุ่น อย่างไรก็ตามทั้งสองรุ่นมีการผสมผสานวัสดุที่ลงตัว e-Niro ก็ทำได้ดีสูสีกันกับคู่แข่งทั้งสอง
พื้นที่และความอเนกประสงค์
พื้นที่ด้านหน้า, ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นของที่นั่ง, พื้นที่ท้ายรถ
ไม่น่าสงสัยเลยว่า ด้านหน้าของ E-Tense และ e-2008 ให้ความรู้สึกคับแน่นกว่า e-Niro ที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบภายในที่มีพื้นที่น้อยกว่า แต่ทั้งสามรุ่นก็มาพร้อมกับพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขาที่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารสูง 180 ซม. แม้ว่าจะได้รับการติดตั้งหลังคาซันรูฟเพิ่มเติมใน e-2008 และ e-Niro ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
DS 3 CROSSBACK E-TENSE
เบาะด้านหน้าของแต่ละคันมีที่เท้าแขน แต่ e-Niro มาพร้อมกับกล่องและถาดอเนกประสงค์ รวมถึงที่วางแก้วน้ำขนาดใหญ่ที่สุด E-Tense และ e-2008 มีช่องเก็บของขนาดเล็กหลายตำแหน่ง แต่ของ E-Tense มีจำนวนน้อยที่สุด
e-Niro ถือว่ามีพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 3 คน มีพื้นที่เหนือศีรษะและวางขาเหลือเฟือเนื่องจากมีพื้นเรียบเสมอกัน จึงทำให้ผู้โดยสารที่นั่งตรงกลางมีพื้นที่เพิ่ม e-2008 มีความกว้างเป็นลำดับถัดไป ด้วยพื้นที่เหนือศีรษะมากที่สุดและเพียงพอสำหรับผู้โดยสารสูง 180ซม. จำนวน 2 คน และลำดับสุดท้ายคือ E-Tense ที่มีเบาะหลังแบบที่คุณไม่อยากได้ ทั้งประตูทางเข้าด้านหลังที่แคบเข้าลำบากสำหรับคนตัวสูง เมื่องอตัวเข้าไปได้แล้วคุณจะพบว่ามันแทบจะไม่มีพื้นที่เหนือศีรษะเหลืออยู่และเกือบจะไม่มีพื้นที่วางขา ทั้ง E-Tense และ e-2008 ไม่มีที่เท้าแขนตรงกลางสำหรับเบาะหลังแต่ e-Niro มี
KIA E-NIRO
e-Niro และ e-2008 มีพื้นที่ท้ายรถขนาดเท่ากัน โดยสามารถจุกระเป๋าเดินทางแบบ carry-on จำนวน 5 ใบได้อย่างง่ายดายไม่เกินชั้นกั้น ท้ายรถของ E-Tense มีขนาดเล็กที่สุดแต่ก็ยังคงจุกระเป๋าเดินทางได้ 5 ใบเช่นกัน มันยังมีขอบท้ายรถสูงที่สุด ไม่มีพื้นแบบปรับความสูงได้ (ซึ่งมีใน e-2008) และไม่มีที่สำหรับเก็บสายเคเบิล e-Niro ก็ไม่ได้มาพร้อมกับพื้นแบบปรับได้เช่นกัน แต่คุณสามารถบรรจุสิ่งของต่าง ๆ รวมถึงสายเคเบิลใต้พื้นได้
PEUGEOT E-2008
รถยนต์ทั้งสามรุ่นมีเบาะนั่งพับได้แต่มันไม่สามารถเลื่อนหรือเอนได้ เมื่อพบเบาะลงไปคุณจะได้พื้นที่ราบสำหรับบรรจุของเพิ่มบน e-Niro และ e-2008 แต่บน E-Tense พื้นจะยกสูงขึ้นมาไม่เสมอกัน มันจึงสร้างความประทับใจน้อยที่สุด
การซื้อและการเป็นเจ้าของ
ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัย
ในปัจจุบัน รถยนต์ EV ที่ถูกซื้อในนามรถยนต์บริษัทต้องมีการเสียภาษี BIK ไม่ต่างจากรถยนต์เบนซินหรือดีเซล แต่ทั้งสามรุ่นจะมีภาระภาษีที่ไม่เกิน 300 ปอนด์ หรือ 15,000 บาท (สำหรับผู้มีฐานภาษี 40%) จนถึงเดือนมีนาคม 2023 หากคุณเลือกที่จะเช่าซื้อ สำหรับ e-Niro คุณจะมีค่าผ่อนเดือนละ 240 ปอนด์ หรือ 12,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกที่สุด และตามด้วย e-2008 (256 ปอนด์ หรือ 12,800 บาท) และ E-Tense (312 ปอนด์ หรือ 15,600 บาท)
สำหรับผู้ที่ซื้อด้วยเงินสด e-2008 มีราคาติดไว้ต่ำสุด e-Niro มีราคาสูงที่สุด และรุ่นหลังยังไม่มีส่วนลดราคาอีกด้วย แม้ว่าจะขายมาเป็นเวลาสองปีแล้ว ค่าเสื่อมของทั้งสามรุ่นไม่ต่างกันเมื่อเทียบราคาการเป็นเจ้าของในระยะเวลาสามปี
ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าและระยะวิ่งที่ไกลกว่า e-Niro จึงใช้ระยะเวลาในการชาร์จนานที่สุดถึง 10 ชั่วโมงครึ่งจากศูนย์กล่องชาร์จ เทียบกับอีกสองรุ่นที่ใช้เวลาเพียง 7 ชั่วโมง 15 นาที E-Tense และ e-2008 สามารถชาร์จได้ที่ 100kW ในขณะที่ e-Niro มีลิมิตที่ 77kW นั่นหมายความว่าคู่หูสัญชาติฝรั่งเศสสามารถชาร์จพลังจาก 10-80% ได้ภายใน 30 นาทีหากคุณใช้งานที่ชาร์จแบบด่วน ซึ่ง e-Niro จะต้องใช้เวลามากถึง 45 นาที
ที่ e-Niro มีราคาสูงกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันมากับอุปกรณ์ที่มากกว่าพร้อมทั้งเบาะนั่งด้านหน้า ด้านหลัง และพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ รวมถึงหลังคาซันรูฟ กระจกแบบส่วนตัวและกระจกประตูพับได้ด้วยไฟฟ้า
ระบบรักษาความปลอดภัยของแต่ละรุ่นประกอบด้วย ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบจดจำสัญญาณไฟจราจร, ระบบรักษาเลนและระบบช่วยเตือนจุดบอดสำหรับ E-Tense และ e-Niro ซึ่งต้องติดตั้งเพิ่ม 200 ปอนด์ หรือ 10,000 บาท
รถยนต์ทั้งสามรุ่นนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในการจัดสำรวจอันดับความน่าเชื่อถือของรถยนต์แห่งปี 2020 โดย What Car? แต่จากผลการจัดอันดับแบรนด์ Kia อยู่ในอันดับที่ 31 และ Peugeot อยู่ในอันดับที่ 25 รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสทั้งสองรุ่นมีระยะประกัน 3 ปี ในขณะที่ e-Niro มีระยะประกันยาวนาน 7 ปี
. . WHATCAR? SAY . .
E-Niro อาจดูเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงที่สุดในที่นี้ แต่สำหรับผู้ที่ซื้อในนามของรถยนต์บริษัทกลับพบปัญหาน้อยที่สุดและยังเป็นการลงทุนที่ฉลาดสำหรับผู้ที่ซื้อเป็นรถยนต์ส่วนตัว ลองคิดถึงสิ่งที่คุณจะได้รับ: ความเร็วที่มากกว่า, พื้นที่มากกว่า, ระยะประกันรถยนต์ใหม่ที่ยาวกว่า, ระดับความน่าเชื่อถือที่ดีกว่า และอีกมากมาย ประเด็นคือมันมีข้อดีมากกว่านั่นเอง และยังไม่รวมระยะวิ่งที่เหนือกว่า
เว้นแต่ว่าคุณจะเดินทางระยะสั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีนี้ e-2008 น่าจะมีระยะที่เหมาะสมกับคุณ และหากคุณพิจารณาองค์ประกอบอื่น เช่น ภายในที่หรูหรา, ความอเนกประสงค์ที่สมเหตุสมผล และราคาที่ต่ำกว่า ก็คงมีเหตุผลมากพอที่เราจะขอแนะนำ e-2008
แม้ว่าคุณอาจจะถูกใจรูปลักษณ์ที่แปลกตาน่าสนใจและความเอ็กคลูซีฟของแบรนด์ DS ปัจจัยเดียวที่ E-Tense โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นคือเรื่องของความปลอดภัย ระยะวิ่งและสมรรถนะสูสีกับ e-2008 แต่กลับมีความอเนกประสงค์น้อยกว่าและมีราคาสูงเกือบเท่า e-Niro อีกทั้งยัง
เป็นรถยนต์ที่มอบความพึงพอใจในการขับขี่น้อยที่สุด
ข้อดี การเร่งเครื่องโดดเด่น, ระยะวิ่งมากที่สุด, ขับขี่คงที่ที่สุด, ตำแหน่งคนขับดีที่สุด, ภายในกว้างขวาง, เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์และมีระยะประกันรถใหม่ยาวที่สุด
ข้อเสีย มีราคาสูงที่สุดในการซื้อเงินสดและเงินผ่อน PCP, มีเสียงรบกวนจากถนนมากที่สุด
อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ ไม่มี
ข้อดี เงียบแม้วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด, การตกแต่งภายในเลิศ, พื้นที่ด้านหลังและท้ายรถเหมาะสม, ราคาถูกที่สุด
ข้อเสีย ความรู้สึกในการขับขี่เฉย ๆ, สมรรถนะปานกลาง, ตำแหน่งคนขับอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน
อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ สีเมทัลลิก (575 ปอนด์ หรือ 28,750 บาท)
ข้อดี เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและมีคะแนน NCAP ที่ยอดเยี่ยม อุปกรณ์ครบครัน
ข้อเสีย ความรู้สึกในการขับขี่ไม่หนักแน่น, ทัศนวิสัยแย่, เบาะหลังคับแคบ, พื้นที่ท้ายรถน้อยที่สุด, ระบบสาระบันเทิงอืด
อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ สีเมทัลลิค (550 ปอนด์ หรือ 27,500 บาท), safety pack แบบพรีเมียม 550 ปอนด์ หรือ 27,500 บาท)