BMW X3 เป็นรถยนต์ SAV ขนาดกลางของ BMW ซึ่งในวันนี้มีรุ่นย่อยใหม่ BMW X3 xDrive30e M Sport เข้ามาเสริมทัพ ซึ่งมีขนาดกลางที่เป็นความต้องการของตลาด และราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่า รวมไปถึงอยู่กระแสการใช้งานรถยนต์ไร้มลพิษอีกด้วย
ในรุ่นนี้เป็น PHEV โดยปัจจุบัน BMW ก็ต้องการให้รถยนต์ในทุกแพลตฟอร์มเป็นพลังงานสะอาดทั้งหมด
BMW X3 xDrive30e M Sport ที่รหัสรุ่นมีตัวอักษร ‘e’ ต่อท้าย นั้นหมายความว่ามันเป็น Plug-in Hybrid ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Twin Power Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Electric Motor ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร พร้อมฟังก์ชั่น Electric Boost ” XtraBoost ” ให้กำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 292 แรงม้า ทำงานคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive
นอกจากนี้มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 12.0 kWh สามารถขับเคลื่อนได้ไกล 60 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง และสามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าได้ 140 km/h
โดยคันที่เรามาทดสอบครั้งนี้เป็นสีใหม่ Brooklyn Grey metallic ซึ่งอยู่ในไลน์อัพของ X3 โดยวีจะออกเหลือบมุกเล็กน้อยไม่ใช่สีเทาด้าน มาพร้อมกับชุดแต่ง M Aerodynamics
BMW X3 xDrive30e M Sport โดดเด่นมากในกระจังหน้า kidney grille สีดำขนาดใหญ่ชัดเจน ทำให้ดูเข้มและดุดัน บริเวณกระจังหน้ามีกล้องหน้าที่ทำงานกับกล้อง Surround View รอบคัน รวมไปถึงเซนเซอร์หน้า 6 จุด และถึงเซนเซอร์รอบคัน
ถ้าจะบอกว่ารูปลักษณ์ภายนอกไม่มีความแตกต่างกันเลยก็คงจะไม่ถูกสักเท่าไร บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สั่งออพชันเพิ่มเติมมาให้เพื่อสร้างความแตกต่าง ทั้งไฟหน้า Adaptive LED พร้อมระบบ High-beam assistant หรือระบบปรับไฟสูงอัตโนมัตินั้นเอง รวมไปถึงล้ออัลลอยเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้ว ที่ความกว้างล้อหน้าและล้อหลังต่างขนาดกัน และชุดคาลิปเปอร์เบรก M Sport ซึ่งส่วนต่างๆนี้เราจะบอกรายละเอียดในลำดับถัดไป
บริเวณไฟหน้าแต่งเป็น BMW Individual Lights Shadow Line ซึ่งเป็นการลงโคมไฟหน้าด้วยสีดำ โดยไฟทั้งหมดเป็น LED เต็มระบบ โดยการที่เป็น Adaptive LED ไม่ใช่แค่ปรับไฟสูงอัตโนมัติแต่รวมไปถึงส่องเข้าโค้งอัตโนมัติและสามารถดับไฟเฉพาะจุดได้ ซึ่งไฟหน้า BMW Adaptive LED มีความสว่างที่สูงมากๆ ทำให้การขับขี่ในถนนที่มืดมิดเป็นเรื่องที่ง่ายดาย และด้วยความที่เป็น M sport จึงมีชุดแต่ง m รอบคันมาให้ด้วยซึ่งที่ด้านหน้าเราก็จะเห็นเป็นชุดแต่งสีดำ เข้ม ดุดัน ดึงความสปอร์ตออกมาเต็มที่
ถัดมาที่ด้านข้างเป็นล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว ลาย double-spoke สีทูโทนและยังคงสีฟ้ารอบ ๆ โลโก้เช่นเดิม ยางด้านหน้าขนาด 245/45 R20 ด้านหลัง 275/40 R20 นั้นหมายความว่าล้อหลังทำงานมากกว้าล้อหน้า เป็นยาง run flat สามารถวิ่งได้ในขณะที่ยางไร้ลมยาง มีคาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงินมาให้ด้วย
ถัดขึ้นมาที่ด้านซ้ายของรถจะเป็นช่องชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าเพราะว่าในรุ่นนี้เป็นรุ่นไฮบริดโดยใช้พอร์ท AC Type 2 รับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 3.6 kW ชาร์จแบตเตอร์รี่จนเต็มจาก 0-100% ได้ภายใน 4 ชั่วโมง
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชัน Comfort asset เป็นระบบปลดล็อคประตูอัจฉริยะซึ่งมือประตูก็เป็นสีเดียวกับตัวรถ ในระบบ Comfort asset เพียงแตะเบาๆ ก็ล็อกและปลดล็อกได้ทันที หากเรามีกุญแจอยู่ที่ตัวเราใช้มือสัมผัสประตูก็สามารถเปิดได้โดยทันที และถ้าหากต้องการจะล็อครถให้ใช้นิ้วแตะไปที่มือจับประตูก็จะสามารถล็อคได้ แต่หากแตะค้างไว้กระจกข้างก็จะพับอัตโนมัติ ซึ่งกระจกมองข้างจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ มีระบบเตือนมุมอับสายตาขณะถอยหลังและ bild sport ในส่วนของหลังคามีราวรถมีราวหลังคาสีดำเงารวมไปถึงหลังคากระจกพาโนราม่าที่สามารถเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ในส่วนของด้านท้ายรถจะเป็นไฟท้าย led ดีไซน์ใหม่ที่เป็นทรงสามมิติที่ให้ในเรื่องของความปลอดภัยเพราะว่าสว่างชัดเจนทำให้สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ โลโก้ของ BMW มีสีฟ้าอยู่ด้านนอกเหมือนโลโก้ด้านหน้าที่แสดงว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ไฮบริด รวมไปถึงยังมีโลโก้ที่แสดงรุ่นเป็นโครเมียม มีเสาอากาศครีบฉลาม ไฟเบรกดวงที่ 3 และบริเวณด้านล่างมีดิฟฟิวเซอร์ที่ช่วยตัดลมมาให้พร้อมท่อไอเสียคู่ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งสองท่อไม่ใช่ท่อหลอก
ประตูท้ายรถสามารถเปิดได้ด้วยไฟฟ้าหรือใช้ระบบเปิดฝาท้ายอัตโนมัติก็ได้เพียงใช้เท้าเตะผ่านประตูทำให้เราสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้นเวลาที่เราขนสัมภาระ
สเปคเครื่องยนต์
Body Style | SUV |
Description | รถ SUV 5 ประตู |
Engine | เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Twin Power Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Electric Motor |
Fuel Consumption | 20 กม./ลิตร |
Fuel Type | เบนซิน |
Make | BMW X |
Max Power | 292 แรงม้า |
Max Torque | 420 นิวตันเมตร |
Model | BMW X3 xDrive30e M Sport |
Price Guide | 3,799,000 บาท |
Release Date | 8 สิงหาคม 2565 |
0-100 km/h | 8.0 วินาที |
Transmission | เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic |
การขับขี่
ในการขับขี่สิ่งที่สัมผัสได้อันดับแรกเลยคือเรื่องของเกียร์ เพราะว่าในรุ่นนี้ได้เกียร์แบบ sport steptronic ซึ่งก็จะต่างจากรุ่นดีเซลที่กลายเป็นแค่ steptronic โดยเกียร์ในรุ่นนี้ให้ความรู้สึกฉับไวและมีความลื่นไหลมากขึ้น ถือว่าเป็นเกียร์ออโต้ที่ปรับเปลี่ยนได้เร็วมีความสมูททำให้เวลาเปลี่ยนเกียร์ไม่รู้สึกสะดุด เรายิ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินด้วยเราเราจะยิ่งรู้สึกถึงความสบายมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลเครื่องยนต์ดีเซลมันจะมีความกระด้างอยู่บ้าง
ในคันแค่นี้แต่มีถึง 292 แรงม้า และ 400 แรงบิด ถือว่าแรงพอควร เราจะมาดูในเรื่องของอัตราเร่งกันบ้างอัตราเร่งของคันนี้จาก 0- 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 6.1 วินาทีเมื่อเราออกตัวไปมันอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าพุ่งออกมาอย่างเร็วแรงแต่พอมันลอยตัวขับไปเรื่อยเรื่อยแล้วมันก็อยู่ในความเร็วที่ถือว่าใช้ได้ มันมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึง 60 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง และวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. เลยทีเดียว แต่พอวิ่งจริงๆ มันอยู่ที่ 40 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง อาจะมีบวกลบเพิ่มนิดหน่อย ซึ่งมันเพียงพอต่อการใช้างานในเมืองหรือในระยะทางสั้นๆ ซึ่งถ้าหากคุณชาร์จไฟทุกวันเพื่อใช้งานในทุกๆวันถือว่าเป็นฟังก์ชันที่คุ้มค่า เพราะคุณสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนล้วนได้ในระยะทางขนาดนี้ก็ถือว่าสามารถประหยัดน้ำมันไปได้เยอะทีเดียวในในโหมดอีวี หรือจะเป็นโหมดไฮบริดก็ยังประหยัดอยู่ดีโดยมันประหยัดได้ถึง 35.7 ซึ่งอ้างอิงผล Eco sticker ก็ถือว่าประหยัดเลยทีเดียว
โหมดการขับขี่มีโหมด sport hybrid electric ระหว่างทางเราก็ได้ใช้ไฮบริด แน่นอนว่าโหมดนี้เหมาะกับการใช้ในเมืองอยู่แล้ว ขับในเมืองได้ชิวๆ มีให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลเพราะว่าเค้ามี sport steptronic มาให้ทำให้ไม่รู้สึกสะดุด ในการขับขี่ 90 ถึง 100 กิโลเมตร ก็ยังให้ความสมูทจะขับเรื่อย ๆ สบายๆ ก็ได้ก็ให้ความรู้สึกชิวแต่ถ้าต้องการต้องการเร่งเหยียบไปพละกำลังเค้าก็จะมาทันทีเพื่อให้คุณเร่งแซงได้ ช่วงล่างเขาาสามารถทำให้คุณสามารถขับได้ทั้งเรื่อยๆและแบบสายซิ่งแต่ถ้าคุณวิ่งแบบซิ่งเลยก็อาจจะรู้สึกถึงการโยกของตัวรถสักนิด
ในโหมด electric คุณต้องมีพลังงานเต็มก่อนถึงจะใช้ได้ ถ้าพลังงานหมดก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ 2.0 ลิตร มันก็ยังทำงานได้ดีเพราะพลังของเครื่องยนต์มันก็ตั้ง 292 แรงม้า สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดเพราะด้วยความที่เป็นไฮบริดก็อาจจะเน้นใช้งานในเมืองมากกว่าสักหน่อยแต่ถามว่าเดินทางไปได้ไหมก็เดินทางไกลได้ด้วยพลังงานที่เขาให้มามันก็เยอะเหมือนกัน
ช่วงล่างของ BMW X3 xDrive30e ไม่แข็ง ไม่ย้วย ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแต่ก็ไม่ได้นุ่มไปซะทีเดียว อีกทั้งมีความแน่นความเฟิร์มอยู่ด้วย และยังให้ paddle shift มาอีก บอกได้เลย่วาขับขี่สะดวกอย่างสุดๆ ถ้าเราวิ่งมาเร็วๆกำลังสรุกเราก็เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้เลย ไม่ต้องไปจับที่คอนโซลกลางแล้ว นอกจากนี้ยังมีเสียงรบกวนเข้ามาน้อยอีกด้วย
เปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ตกันบ้างแน่นอนว่าการเปลี่ยนมาใช้โหมดนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อแสดงถึงความเร็วแรงความสปอร์ตสิ่งที่รู้สึกคือ การตอบสนองของเครื่องยนต์มากขึ้นก็จะได้ยินเสียงเครื่องที่มันรุนแรงขึ้นเหมาะกับความเป็นสปอร์ตสปอร์ตแต่ก็ไม่สปอร์ตขนาดนั้นเพราะว่ารถคันนี้มันเหมาะกับการใช้งานแบบสบายๆมากกว่าการเหยียบซิ่งขับ ในโหมดสปอร์ตถ้าเราต้องการความเร็วแรงสามารถใช้เอ็กซ์ตร้าบูธได้ซึ่งเราก็จะรู้สึกถึงหลังติดเบาะ มีเอ็กซ์ตร้าบูธมาให้ด้วยซึ่งเอ็กซ์ตร้าบูก็จะทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น ถ้าโหมดสปอร์ตก็สามารถปรับเป็น xtra boost ได้ ก็คือการเอามอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ในการเร่งแซง
อีกหนึ่งจุดเด่นของตัวรถนั้นคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ซึ่งช่วยควบคุมตัวรถให้มีการยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม แม้เจอฝนตกหนัก ถนนเปียกลื่น ทัศนวิสัยของ BMW X3 xDrive30e ทำได้ดีเยี่ยมตามสไตล์รถยนต์ SUV กระจกบังลมด้านหน้าขนาดใหญ่ กระจกมองข้างที่วางตำแหน่งมาแบบใส่ใจรายละเอียด ทำให้รถคันนี้มีจุดอับสายตาที่น้อยมาก
ความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
- ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับตนขับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง(ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
- ระบบ Teleservices
- ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
- ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน(DTC)
- ระบบห้องกันล้อล็อคขณะเบรก (ABS)
- เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
- ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
- ระบบ Active Protection
- ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
- ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง
- ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)
สุนทรียภาพขณะเดินทาง
การตกแต่งเป็นตามสไตล์ของ BMW ที่เน้นความหรูหราและดูพรีเมียม แต่ยังคงความสปอร์ตไว้เพื่อให้เข้ากับรุ่น ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุ Carbon Fibre ช่วยเสริมความสปอร์ต ซึ่งจะใช้โทนสีดำทั้งหมด
หน้าจอมัลติมีเดียระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ BMW OS7 บอกข้อมูลการขับขี่และข้อมูลความบันเทิงครบครัน ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม I drive ที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง อีกทั้งยังสามารถสั่งการด้วยการเขียนได้อกีด้วยถือว่าสามารถควบคุมได้หลากหลายแบบเลยทีเดียว มีระบบเชื่อมต่อ Smartphone ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto และมี BMW ConnectedDrive คือบริการและแอพพลิเคชันที่ทำให้คุณได้เข้าถึงข้อมูล ระบบความบันเทิง และผู้ช่วยได้อย่างครบวงจรจากภายในรถยนต์ BMW อีกทั้งระบบเครื่องเสียงเป็นชุดเครื่องเสียง Harman Kardon คุณภาพสูง ซึ่งต่างจาก xDrive20d ที่ใช้เป็น HiFi loudspeaker
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องโดยสารเราจะพบกับความหรูหราและความพรีเมียมที่ทาง BMW ให้มา ซึ่งความหรูหราและความสบายแรกที่เราได้สัมผัสก็คือเบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ต ปรับไฟฟ้า 6 ตำแหน่ง พร้อมระบบจดจำตำแหน่งของคบขับ และสามารถปรับความกระชับให้กับร่างกายได้ ในส่วนของเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่ง ใช้ลวดลายแบบ ภายในห้องโดยสารยังมีไฟ Ambient Light ที่ปรับสีได้ตามโหมดการขับขี่
แดชบอร์ดบุด้วยหนัง Sensatec สีดำ ใช้วัสดุนุ่มที่ด้านบนส่วนด้านล่างเป็นวัสดุแข็ง และมีการตกแต่งด้วย kevla เล็กน้อย ถัดลงมาก็จะเป็นในส่วนของเรื่องระบบปรับอากาศและระบบเครื่องเสียงต่างๆ ซึ่งระบบอากาศอัตโนมัติเป็นแบบแยกปรับอิสระซ้ายขวา ในส่วนของคอนโซนกลางจะมีที่บังสายตาและเมื่อเปิดออกก็จะเป็นที่เก็บของได้เล็กๆน้อย ๆ และวางแก้วน้ำได้ 2 แก้ว มีช่อง usb รวมไปถึง Power outlet อีกหนึ่งช่อง แต่สิ่งที่เราไม่เห็นในช่องนี้เลยคือ wireless charger ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเพราะก็ถือว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอีกอย่างหนึ่งที่รถหลายๆ คันมี
ถัดมาที่คอนโซนเกียร์ฝั่งด้านซ้ายจะเป็นปุ่ม I drive ที่ใช้ควบคุมหน้าจอระบบสาระบันเทิงด้านบนส่วนด้านขวาจะเป็นคันเกียร์ ไฟฟ้าซึ่งปุ่ม Start Stop ก็จะอยู่บริเวณนี้รวมไปถึงโหมดการขับขี่ต่างๆ และการดูกล้องรอบคันหรือกล้องหลังด้วย
ถัดมาที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ M และแน่นอนว่าโลโก้จะต้องมีสีฟ้าล้อมรอบอยู่ข้างนอก ด้านขวาจะเป็นการเพิ่มเสียงรถเสียงหรือรับสายวางสายโทรศัพท์และด้านซ้ายจะเป็นในเรื่อง Cruise Control และจำกัดความเร็ว ปรับระดับได้สี่ทิศทางด้วยระบบแมนนวล อีกทั้งยังมี paddle shift ที่สามารถเพิ่มเกียร์ลดเกียร์ได้จากพวงมาลัยโดยที่เราไม่ต้องไปขยับเกียร์ตรงคอนโซลกลางเลย
มีการอัพเดทให้เป็น BMW Live Cockpit Professional อย่างเต็มรูปแบบซึ่งหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีต่างๆตามโหมดการขับขี่ พร้อมระบบ BMW Head-Up Display เรียบร้อยแล้ว มาตรวัดแบบนี้อาจจะต้องปรับตัวกันในตอนใหม่ๆ แต่พอเริ่มคุ้นเคยก็จะพบว่ามันสามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในรถยนต์ PHEV ที่มีหลายโหมดการขับขี่
ที่วางแขนสามารถเก็บของได้แล้วข้างในก็มีช่องUSB-C ให้อีกหนึ่งช่อง มีที่บังแดดให้ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารข้างหน้ารวมไปถึงมีกระจกให้พร้อมด้วยไฟสองสว่าง กระจกมองหลังสามารถปรับลดแสงอัตโนมัติ ไฟในห้องโดยสารก็เป็นแบบ LED และยังมีปุ่ม SOS ที่สามารถใช้ในการขอความช่วยเหลือได้ ถ้าต้องการให้ห้องโดยสารโปร่งโล่งสบายก็สามารถเปิดหลังคาพาโนรามิกซันรูฟที่สามารถเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดดที่หลังคา
ห้องโดยสารด้านหลังถือว่ากว้างขวาง ไม่อึดอัด leg room และ head room ยังเหลือเฟือ ผู้โดยสารตัวสูงนั่งได้สบาย มีเบาะนั่งหุ้มหนังสีน้ำตาลที่สามารถปรับพนักเบาะเบาะได้อีกด้วย มาพร้อมกับที่พักแขนบริเวณตรงกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 แกว ตัวเบาะสามารถแยกพับได้เป็น 40/20/40 เมื่อพับลงแล้วจะไม่ราบ 100% จะนูนขึ้นมานิดหน่อยเพราะว่าข้างใต้มีแบตเตอรี่อยู่ หลังคากระจกจะยาวมาถึงตอนหลัง
แผงข้างประตูเป็นลาย Kevla มาพร้อมสัญลักษณ์ X โดยวัสดุก็จะเป็นทั้ง soft touch และวัสดุแข็ง เป็นโทนสีน้ำตาลตัดดำซึ่งก็จะเข้ากับบริเวณอื่นๆของรถ ทำให้ดูเข้ากัน และก็มีลำโพง อีกทั้งมาพร้อมกับม่านบังแดด
ช่องแอร์ 2 ช่อง แบบอัตโนมัติแยกปรับอสิระและสามารถปรับอุณหภูมิได้ นอกจากนี้มีช่องเสียบ USB-C 2 ช่อง
ประตูท้ายห้องเก็บสัมภาระความจุอยู่ที่ 450 ลิตร และสามารถเพิ่มได้สูงสุด 1,500 ลิตร ด้วยการพับเบาะนั่งแถว 2 ลง เมื่อเปิดประตูเราจะเจอส่วนนี้นูนขึ้นมาซึ่งเราคิดว่าถ้ามันเป้นสีเดียวกันทั้งหมดจะสวยกว่านี้ และเปิดด้านใต้ขึ้นก็จะเจอที่อแดปเตอร์ขาร์จแบตที่ BMW แถมมาให้และมีที่บังสายตาซึ่งสามารถถอดออกได้
สรุปความน่าใช้
BMW X3 xDrive30e M Sport มีราคาค่าตัวที่ 3,799,000 บาท ซึ่งมีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อีกทั้งมีการขับขี่ที่น่าตกใจมาหเพราะมีกำลังถึง 290 แรงม้า และแรงบิดที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 420 นิวตันเมตร และยังมีระบบ Xtra Boost มาเสริมให้อีกด้วย เมื่อเทียบกับ BMW X3 ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ว่าประหยัดแล้ว แต่พอเจอรุ่นนี้ประหยัดยิ่งกว่าเพราะมีโหมดการทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคือโหมดการขับขี่แบบไฮบริด ความรู้สึกจะเหมือนการที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดาที่มีจังหวะปล่อยไหล มีเรื่องของเปลี่ยนพลังงานในระหว่างการขับขี่ที่รวดเร็ว และมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ในราคา 3,799,000 บาท มาพร้อมแพ็คเกจ BMW BSI ซึ่งเป็นแพ็คเกจที่จะทำให้คุณหมดกังวลเรื่องระบบบช่วงล่างต่างๆ และถ้าเรามาพูดถึงคู่แข่งของเขามีอะไรบ้าง ในไลน์ของเขา ไม่ว่าจะเป็น BMW 530e หรือ BMW iX3 ซึ่งเป็นตัวไฟฟ้าล้วน สำหรับไลฟ์สไตล์ของเราที่ไม่ได้มีเวลาไปหาที่ชาร์จมากมายหรือการคำนวณระยะทางในการใช้รถไฟฟ้าเท่าไหร่นัก BMW 520d ตอบโจทย์เรามากที่สุดเพราะสามารถขับโหมดไฮบริดที่วิ่งแล้วมันมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร
โดยรวมแล้วในความคิดของเรา 520d คือรุ่นที่คุ้มค่าและน่าจับจอง อีกครั้งความรู้สึกในการขับขี่ก็ยังไม่ทิ้งความรู้สึกแบบสปอร์ตเพราะว่าตัวนี้มีช่วงล่างเป็น Adaptive Suspension ซึ่งมันสามารถปรับความหนืดได้ หากปรับโหมด Comfort ก็นุ่มนวล ส่วนโหมดสปอร์ตก็แข็งหน่อยและพวงมาลัยไฟฟ้ายังให้ความรู้สึกตึงมือมากกว่าโหมดอื่น และในรุ่นนี้ยังสามารถวิ่งไฟฟ้าล้วนได้อีกด้วย
นอกจากนี้เขายังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือในเรื่องการปรับเบาะที่สามารถปรับดันหลังส่วนล่างได้หรือปรับปีกเบาะให้โอบกระชับได้ อีกทั้งห้องโดยสารอย่างกว้างขวาง แต่ถึงจะมีข้อดีมากมายเท่าไหร่ก็ยังมีข้อเสียติดมาบ้างคือในรุ่นนี้ไม่มี Adaptive Cruise control มาให้ ซึ่งคนที่ขับรถทางไกลอาจจะรู้สึกว่าควรมีมาให้ในรถระดับราคาเท่านี้ อีกอย่างการชาร์จไฟที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วน EV ที่ยังน้อยไปซึ่งขับจริงได้ 40 กิโลเมตร โดยบวกลบกันแล้วไม่เกินนี้หรืออาจจะมากกว่านี้ตามพฤติกรรมการขับขี่ แต่ถ้าให้มามากกว่านี้ก็น่าจะคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก ถึงแม้ช่วงล่างจะเป็นแบบ Adaptive Suspension หรือว่าปรับได้ตามโหมดการขับซึ่งใครที่คิดว่ารุ่นนี้เป็น M Sport ที่ช่วงล่างจะมาอย่างรวดเร็วและแรงโดยคนที่ชอบขับรถซิ่ง ในคันนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าขับขี่ในระดับไม่เกิน 140 กิโลเมตร คันนี้ถือว่าดีนุ่มนวลและหนึบใช้ได้ อีกอย่างหนึ่งคือไม่มี wireless charger ซึ่งควรใส่มาให้ในรถระดับราคานี้
The Review
BMW X3 xDrive30e M Sport
BMW X3 เป็นรถยนต์ SAV ขนาดกลางของ BMW ซึ่งในวันนี้มีรุ่นย่อยใหม่ BMW X3 xDrive30e M Sport เข้ามาเสริมทัพ ซึ่งมีขนาดกลางที่เป็นความต้องการของตลาด และราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่า รวมไปถึงอยู่กระแสการใช้งานรถยนต์ไร้มลพิษอีกด้วย
PROS
- ประหยัดน้ำมัน
- เป็นปลั๊กอินไฮบริด
- เบาะปรับกระชับร่างกายได้
- มีพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่
- เกียร์แบบ sport steptronic
- ห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง
- ความปลอดภัยให้มาครบครัน
- มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
- แถมที่ชาร์จแบตเตอรี่รถ
CONS
- ไม่มี Adaptive cruise control
- ควรมีระยะทางไฟฟล้าล้วนมากกว่านี้
- ช่วงล่างไม่ได้สปอร์ตเต็มที่
- ไม่มี wireless charger
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine&Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey