BMW M แผนกพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงของค่ายใบพัดฟ้าขาว แนะนำ M2 รุ่นใหม่ด้วยเวอร์ชันอัพเกรดที่ทรงพลังที่สุดในตอนนี้
M2 Competition เป็นโมเดลใหม่ประจำปี 2018 มาแทน M2 รุ่นสแตนดาร์ด เจ้าอสุรกายร่างเล็กตัวนี้มาพร้อมกับขุมพลัง 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 404 แรงม้า บล็อกเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน M3 และ M4 ขุมพลังชุดนี้จับคู่กับระบบส่งกำลังดูอัลคลัทช์ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม.
M2 ใหม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อยกระดับสมรรถนะของสปอร์ตคูเป้อายุ 2 ปีให้แข็งแกร่งเทียบเท่าคู่แข่งอย่าง Porsche Cayman GTS และ Audi TT RS ผลที่ได้คือ M2 Competition ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่งยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของแชสซีใหม่อย่างละเอียดไปพร้อมกัน
พละกำลังของ M2 Competition มาจากเครื่องยนต์ S55 ที่ทำการปรับจูนใหม่ เครื่องยนต์บล็อกนี้ให้พลังแรงม้าสูงถึง 404 แรงม้า ที่ 5,250-7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 2,350-5,200 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ N55 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ของ M2 รุ่นปกติ เครื่องบล็อกใหม่ให้แรงม้ามากกว่าถึง 40 แรงม้า และให้แรงบิดมากกว่า 84 นิวตันเมตร แต่ยังมีแรงม้าน้อยกว่า M3 และ M4 อยู่ 21 แรงม้า ส่วนแรงบิดมีเท่ากัน
น้ำหนักของ M2 Competition อยู่ที่ 1,550 กก. หนักกว่า M2 ตัวเก่ารุ่นเกียร์ธรรมดา 55 กก. ทั้งนี้เป็นเพราะเครื่องยนต์ที่ใหญ่โตขึ้น อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก (Power-to-weight Ratio) อยู่ที่ 261 แรงม้าต่อตัน เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 17 แรงม้าต่อตัน ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัทช์ 7 สปีด ลูกเดียวกับ M2 รุ่นปัจจุบันให้เลือกเป็นออปชันเสริม
เมื่อเครื่องยนต์และเกียร์จัดเต็มสิ่งต่อมาก็คือระบบขับเคลื่อน M2 Competition มาพร้อมกับเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปไฟฟ้า Active M Differential ที่สามารถล็อกล้อหลังได้ตั้งแต่ 0 จนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับแรงยึดเกาะ อัตราการเบี่ยงเบนของตัวรถ มุมการหักพวงมาลัย ไปจนถึงปัจจัยอื่นๆ
ไม่ต้องกลัวเลยว่าตัวแรงคันนี้จะสร้างมลพิษให้กับอากาศจนมากเกินงามเพราะ BMW M ได้ติดตั้งตัวกรองไอเสียให้กับเครื่องยนต์ ผลที่ได้คือค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำเพียง 225 กรัม/กม. และอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.0 กม./ลิตร เมื่อติดตั้งเกียร์ธรรมดา และ 10.8 กม.ลิตร เมื่อติดตั้งเกียร์ดูอัลคลัทช์
ตัวกรองไอเสียเป็นส่วนหนึ่งของระบบระบายไอเสียที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อมาแทนระบบเดิมของ M2 ตัวเก่า มันมีจุดเด่นที่ชุดปลายท่อไอเสียควบคุมดัวยระบบไฟฟ้า ความเจ๋งก็คือมันให้ทั้งสมรรถนะที่ดีขึ้นและสุ้มเสียงที่ดุดันเร้าใจ
BMW M ยืนยันว่า M2 Competition สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.4 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 4.2 วินาที ในรุ่นเกียร์ดูอัลคลัทช์ ทั้งสองระบบมีความสูงสุดเท่ากันคือถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ตามกฎหมาย แต่มาสามรถทำความสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม. เมื่อติดตั้ง Driver Package
ระบบเบรกได้รับการอัพเกรดใหม่เป็นจานหน้าขนาด 400 มม. จับคู่คาลิปเปอร์ 6 ลูกสูบ จานหลัง 380 มม. คู่กับคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ ขณะเดียวกันเฟืองท้ายก็ได้รับการอัพเกรดซอฟท์แวร์ใหม่ด้วยการเปลี่ยนระบบ DSC ที่สำคัญๆ ผ่าน MDM ใหม่ (M Dynamic Mode) ในโหมดการขับขี่ Sport+ ช่วยให้ดริฟท์ได้อย่างเต็มอารมณ์โดยไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์มาแทรกแซง ขณะเดียวกันระบบ DSC ก็ยังคงไว้ใจได้อยู่เมื่อขับขี่ทั่วไป
พูดถึงรายละเอียดทางเทคนิคมาพอประมาณ มาดูที่รูปลักษณ์ดีไซน์กันบ้าง อย่างที่เห็น M2 Competition มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ดูสปอร์ตขึ้น ก้าวร้าวดุดันมากขึ้น ด้านหน้าของรถมาพร้อมกับกันชนดีไซน์ใหม่ที่มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่สำหรับระบายความร้อนเครื่องยนต์ กระจงหน้าไตคู่ถูกออกแบบใหม่ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น รวมถึงไฟหน้าที่ให้ความดุดันและมาพร้อมกับฟังก์ชัน Adaptive LED เป็นมาตรฐาน
กระจกมองข้างถูกปรับดีไซน์ใหม่ดูแล้วใกล้เคียงกับรุ่นพี่ M3 และ M4 ไฟท้ายเปลี่ยนใหม่ รวมถึงกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ สเปกของ UK มาพร้อมกับล้อฟอร์จอัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport หน้า 245/35 หลัง 265/35
ภายในของ M2 Competition แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง สเปกของ UK จะมาพร้อมกับเบาะนั่ง M Sport, แผงหน้าปัด M, เข็มขัดนิรภัย M, ฟังก์ชัน M Drive, Park Distance Control และ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์สีแดง
ราคาค่าตัวของ M2 Competition เกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 49,285 ปอนด์ (ราว 2,464,250 บาท) เกียร์ดูอัลคลัทช์อยู่ที่ 51,930 ปอนด์ (ราว 2,596,500 บาท) กำหนดส่งมอบรถคันแรกในอังกฤษเดือนสิงหาคม