BMW 630i GT M-SPORT เป็นที่มีความผสมผสานระหว่าซีดาน หรือ เอสยูวีมีความน่าสนใจทั้งเรื่องของ งานออกแบบ และความโดดเด่นที่มีความหรูหราตามสไตล์ BMW ซึ่งในยุคก่อนๆนั้นรหัส 6 เป็นแบบตัวถัง COUPE และ ปัจจุบันเองนั้นกลายมาเป็น GT หรือ Gran Tourismo หลังคาลาดเน้นการเดินทางไกล แต่ยังมีความสปอร์ตมาอยู่ด้วยซึ่งทำให้มันสะดวกกว่าแบบท้ายลาดปกติ
ถ้ามองจริงๆก็แอบเสียดายความ COUPE แต่ก็ได้ย้ายไปในตัว 8 Series แทน และ 6 เลยกลายมาเป็น GT ที่เป็นรถแนวเดินทางไกล แต่แฝงด้วยความสปอร์ตอยู่ด้วยนั้นเอง และ ออฟชันในไทยเองก็ถือว่าแน่น
รุ่นที่เราจะนำมาทดสอบกันในวันนี้คือ BMW 630i GT M-SPORT โดยราคาค่าตัว 4,099,000 บาท ในรุ่นที่เรารีวิวนั้นจะมาพร้อมกับสเปก เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานกับบอดี้ขนาดรถประมาณนี้ รวมถึงทางด้านออฟชันต่างๆให้มาครบมาก และ ใช้งานช่วงล่างแบบถุงลม
ถ้าดูจากดีไซน์ด้านหน้าจะคล้ายๆกับ Series 5 แต่ แต่ถ้าดูจากขนาดตัวถัง series 6 จะใหญ่กว่าอย่างชัดเจน มิติตัวรถเองใหญ่เกือบเท่า 7Series ซึ่งทรงมันดูสปอร์ต ซึ่งเราจะเห็นว่าด้านหน้าใหญ่เข้ากับตัวรถได้ดี รูปทรงอาจจะดูแปลกตา แปลกใหม่แต่ทาง BMW ก็ทำออกมาได้สวยและดูสปอร์ต
บริเวณกระโปรงหน้ารถดูมีเส้นสายและมีความเหลี่ยมทำให้มันมีความสะดุดตาและดูเท่ ต่อมาเริ่มที่กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ซ่อนกล้องหน้ามาให้เรียบร้อย เวลาดับเครื่องยนต์แล้วจะปิดช่องระบายความร้อนให้ และถ้าสตาร์ทเครื่องยนต์ช่องระบายความร้อนก็จะเปิดออกทันที
ส่วนของไฟหน้ามีความคล้าย Series 5 อยู่บ้าง แต่ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว หน้าตรงเราจะเห็นชุดกันชนหน้าที่ไม่ค่อยคุ้นตากับรุ่นอื่นๆของค่ายเท่าไรนัก มีเซนเซอร์รอบคัน และ กล้องรอบคันมาให้ครบ มาพร้อมไฟหน้า FULL LED พร้อม DRL แบบตัว L และไฟหน้าสามารถปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assistance ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของ BMW ในรุ่นนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่จะเล็กและบางลงมากกว่าเดิม
ดีไซน์ด้านข้างของคันนี้จะให้ความเป็นสปอร์ตและพรีเมียม จะเห็นว่ารถใหญ่มากๆในส่วนหลังคาที่เป็นแบบลาดและท้ายค่อนข้างยื่นแต่รถเองก็ไม่ได้ดูอ้วนเกินไป มีดีไซน์ตรงเสา C บ่งบอกถึงความเป็นคูเป้ได้อย่างดี และเป็นเอกลักษณ์ของ Series 6 ในขณะเดียวกันจุดเด่นของด้านข้างคือขนาดของล้ออัลลอย 20 นิ้ว โดยคู่หน้า 245/40 R20 และ คู่หลัง 275/35 R20 เป็นล้อที่กว้างมากและ ลายล้อคือคลาสสิก M เลย ออฟชั่นด้านข้างก็มีให้เช่นกัน อย่าง ระบบเตือนมุมอับตรงกระจกมองข้าง (blind spot), keyless entry และกล้องมองด้านข้างตรงกระจกมองข้าง เป็นต้น
ด้านท้ายจะเห็นได้ชัดเลยว่า ช่วงหลังคาด้านหลังจะลาดเอียงลงมา เพื่อช่วยในเรื่องของ Aerodynamics เวลาขับขี่หรือตอนใช้ความเร็วสูงได้ดีขึ้น และมีการที่ใส่ไฟท้ายขนาดใหญ่ เป็นไฟท้าย LED เต็มระบบ ที่ยังคงสวยเวลาเปิดใช้งาน เสริมด้วยชุดกันชนหลัง M Sport โทนสีดำข้างล่างเข้ามาทำให้ท้ายมันไม่หนาเกินไป เสริมด้วย สปอยเลอร์หลังแบบ Active ตามความเร็วหรือสั่งเปิดได้ เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจและทำให้ตัวรถเองมีอะไรมากกว่าเดิมจุดนี้ทำให้รถเท่ขึ้นและเสริมด้วยท่อคู่จริงมีเสียงปรับตามโหมดการขับขี่ได้
สเปคเครื่องยนต์
Body Style | Sedan |
Description | รถซีดาน 4 ประตู |
Engine | เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร |
Fuel Consumption | 14.31 km/l |
Fuel Type | เบนซิน |
Make | ฺBMW Series6 |
Max Power | 258 แรงม้า |
Max Torque | 400 นิวตันเมตร |
Model | BMW 630i GT M-SPORT |
Price Guide | 4,099,000 บาท |
Release Date | 9 เมษายน 2566 |
0-100 km/h | 7.92 วินาที |
Transmission | เกียร์อัตโนมัติ 8จังหวะ |
การขับขี่
การขับขี่ BMW 630I GT นั้นแม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ก็ตามแต่พละกำลังของตัวรถและการขับขี่ถือว่าก็ทำได้ดีแอบมีความสนุกในการขับขี่ต่างๆ ดีกว่าที่คิดมาก อาจจะด้วยการเซ็ตช่วงล่างแบบถุงลมที่เน้นความสนุกแบบ BMW แต่บางคนอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่สำหรับการเซตอัพช่วงล่างแบบนี้ เพราะเท่าที่ลองทดสอบมาตลอดระยะทาง มีทั้งวิ่งบนทางหลวงปกติ ตรง ๆ ยาว ๆ ก็มีทั้งประทับใจบ้างและไม่ประทับใจบ้างกับช่วงล่างของรถคันนี้ ในส่วนที่ไม่ประทับใจเพราะว่าต้องเพิ่มความมั่นใจด้วยการกระชับพวงมาลัยให้แน่นขึ้นเวลาที่ใช้ความเร็วสูงส่วนหนึ่งอาจจะด้วยขนาดของตัวรถที่มีลักษณะค่อนข้างใหญ่
แต่ถึงแม้ตัวรถใหญ่แต่ยังคงความคล่องตัวในการแซง หรือ เปลี่ยนเลน รวมถึงความโยนของตัวรถในโหมด Sport ถือว่าคุมความใหญ่ของตัวรถได้เป็นอย่างดี และยังคงความนุ่มอยู่ระดับนึงเพราะว่าด้วยความที่ตัวรถขนาดใหญ่และเน้นให้คนนั่งข้างหลังนั่งสบายทำให้ตัวรถมันยังคงนั่งนุ่ม และ ข้างหลังไม่กระเด้งกระดอนเกินไปซึ่งจุดนี้เรามองว่าทำได้ดีสำหรับคนนั่งหลัง และคนขับก็ยังสนุกไปกับตัวรถอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านอัตราสิ้นเปลืองในเมืองถือว่ายังไม่เกิน 10 กิโล/ลิตร และ ทางด้านอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที และทางด้าน 80-120 ใช้เวลาภายใน 4.2 วินาทีเท่านั้น ถือว่าอัตราเร่งดีกว่าที่คิดกับบอดี้ขนาดใหญ่แบบนี้ถือว่าโอเค ลองสังเกตเมื่อขับด้วยความเร็วเกินกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สปอยเลอร์หลังจะถูกยกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มแอโร่ไดนามิกในการขับขี่ให้ดีขึ้น ช่วยเติมอารมณ์สปอร์ตเข้ามา
จังหวะกดทำความเร็วเครื่องยนต์รถคันนี้ตอบสนองได้ดีมาก ๆ ตามสไตล์ของบีเอ็มฯเครื่องยนต์มีความดุดันและจัดจ้านเอาเรื่อง ซึ่งบีเอ็มฯไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องความแรงไว้ใจได้
สุทรียภาพการขับขี่
ภายในห้องโดยสาร เรียกว่ากว้างขวางสุด ๆ ยังคงหรูหราตามฉบับ BMW ด้วยการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หรูหราและพรีเมียมถึงแม้ว่างานออกแบบภายในยังคงเป็นเจนเก่าของทางค่าย BMW ซึ่งอาจจะได้ไม่หวือหวา แต่การใช้งานต่างๆ เราจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งต่าง ๆ หรือการใช้งาน อีกทั้งมีการตกแต่งภายในด้วยสีดำและน้ำตาล ในบริเวณแดชบอร์ดใช้วัสดุสีดำตัดกับสีเงิน ซึ่งดีไซน์โทนสีอาจจะเน้นไปทางความหรู เป็นหลักมากกว่าสปอร์ต
ส่วนที่อัปเกรดเลยคือหน้าควบคุมและความบันเทิงซึ่งใหญ่ขึ้นมีขนาด 12.3 นิ้ว และเป็นหน้าจอแบบสีแล้ว และยังรองรับระบบสัมผัสและสั่งงานผ่าน Gesture Control ได้เช่นเดิม รวมไปถึงแม้แต่การเปลี่ยนมุมมองของกล้องรอบคันก็สามารถใช้งานแบบ Gesture Control ได้ รองรับ Apple Carplay แบบไร้สาย มันมีการใช้งานที่ดีขึ้น รวมถึง UI ที่พัฒนามากกว่าเดิมและการใช้งานนั้นไม่มีปัญหา แต่อาจจะขาดเรื่องความทันสมัยเท่านั้นซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ชอบเท่าไร
เบาะนั่งเป็นหนังสีน้ำตาลที่มีขนาดใหญ่นั่งสบายให้ความรู้สึกอบอุ่นและตำแหน่งของเบาะที่นั่ง ถูกจัดวางมาได้อย่างลงตัวพร้อมระบบอุ่นเบาะ คอนโซลกลางนั้นหน้าตาเป็นแบบเจนเก่าของทางค่าย BMW ส่วนปรับแอร์เข้ามาเพิ่มเติม แยกโซนอิสระ 4 โซน ระบบสัมผัสยังไม่ค่อยเยอะเท่าไรนัก ยังคงเป็นการใช้งานปุ่มต่างๆ เยอะกว่า ส่วนหัวเกียร์นั้นยังคงเป็นแบบเก่าพอสมควรรวมถึงหน้าตา iDrive เจนก่อนหน้า แต่ยังดีที่รองรับการชาร์จไร้สายในด้านหน้า มาพร้อมกับไฟ Ambient Light ปรับแต่งสีได้ รวมถึงตามขอบประตูด้วยเช่นกัน ด้านบนหลังคามีหลังคากระจก Panorama Roof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
พวงมาลัยรูปทรงกลม พร้อมสัษลักษณ์ M Sport ที่มีความหนาหนาและนุ่มจับได้ถนัดและเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีปุ่มควบคุมต่างๆ ครบพร้อมการตั้งระยะ Adaptive Cruise Control และ ยังมี Paddle Shift ให้ + /- เล่นเกียร์เสริมความสนุกได้เช่นกัน ส่วนเรือนไมล์ BMW Live Cockpit Professional ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนหน้าตาได้ 3 แบบโทนสีแตกต่างกันไป
ถัดมาที่ห้องโดยสารด้านหลังหลังเราจะเห็นเลยว่ากว้างและเบาะนั่งรองรับได้สบายเช่นกัน และที่เด่นๆเลยคือแอร์หลังมีการแยกโซนซ้ายขวาชัดเจน ในส่วน Legroom เหลือเยอะมากคนสูงนั่งได้สบาย ถือว่ากว้างขวาง และมีช่องชาร์จไฟ USB-C ในด้านหลังเหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือคนที่เน้นการใช้งาน และมีและหลังคาม่านบังแดดด้านข้าง ซึ่งถือว่าเป็นรถที่พื้นที่ข้างหลังเยอะมากๆซึ่งพื้นที่กว้างพอๆกับ 7 Series เลยนะ
การออกแบบฝาท้ายแบบชิ้นเดียวท้ายลาดทำให้เวลาเปิดอาจจะกินพื้นที่สูงพอสมควรครับเป็นจุดนึงที่ต้องระวัง แต่ทั้งนี้ตัวรถก็สามารถตั้งค่าได้ในหน้าจอส่วนกลางทำให้ควบคุมความสูงสุดได้อยู่
ความปลอดภัย
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant Professional PLUS
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Lane Change Warning
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Steering and Lane Control Assist with Support in Narrow Place
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Crossing-traffic Warning Rear
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ City Braking Function
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด Rear Collision Prevention
- ระบบปรับองศาการเลี้ยวอัตโนมัติ เมื่อจะเกิดการชน Evasion Assist
- ระบบเตือนป้ายจราจร และ ทางแยก Crossroads Warning with Braking Intervention
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go Function
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Active Protection
- ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เหนื่อยล้า Attentiveness Assistant
- นอกจากหน้าจอบนรีโมตแล้วก็ยังสามารถใช้งานรีโมตสั่งงานตัวรถได้ ในการเดินหน้า หรือ ถอยหลังเข้าซองจอดรถได้ผ่านรีโมต ซึ่งถือว่าน่าสนใจในการใช้งานและเป็นไม่กี่รุ่นของ BMW ที่สามารถใช้งานได้ด้วย
สรุปความน่าใช้
BMW ยังคงโดดเด่นในหลายๆเรื่องทั้งการขับขี่ที่มีความสนุกรวมถึงช่วงล่างก็สามารถตอบสนองได้ดีแม้จะอยู่ในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่แบบตระกูล 6 ก็ตามเมื่อมองเห็นบอดี้ภายนอกแล้วอาจจะไม่คิดว่าจะขับได้อารมณ์ BMW แบบนี้ก็ตาม แต่ความแน่น ความหนึบ ผสมกับอัตราเร่งต่างๆที่ทำได้ดีกว่าที่คิดมันกลายเป็นรถยนต์ที่เหมากับคนที่อยากได้รถใหญ่แบบ 5 /7 Series แต่ก็ไม่ได้อยากได้ทรงรถแบบซีดาน หรือ SUV ยังคงอยากได้รถแนวเตี้ย และ เก็บของพาครอบครัวไปเที่ยวได้โดยที่ไม่มองเป็นรถยนต์ผู้บริหารมากเกินไป วัยรุ่นขับก็ได้ตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้แบบทันที รวมถึงพื้นที่นั่งข้างหลังก็สามารถรองรับได้อย่างดีทั้งออฟชันและพื้นที่ แม้เรื่องของงานออกแบบภายในอาจจะไม่ได้ทันสมัยมากนัก แต่ด้วยราคาแบบนี้ กับ ขนาดตัวรถ และ ออฟชันที่ใส่เข้ามาทำให้มันค่อนข้างน่าสนใจอย่างมากทีเดียว
The Review
BMW 630I GT M Sport
BMW 630i GT M-SPORT เป็นที่มีความผสมผสานระหว่าซีดาน หรือ เอสยูวีมีความน่าสนใจทั้งเรื่องของ งานออกแบบ และความโดดเด่นที่มีความหรูหราตามสไตล์ BMW
PROS
- ความเร็ว แรง สามารถทำได้ดี
- ภายในกว้างขาง พื้นที่เหลือเยอะ
- อัปเกรดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นและเป็นแบบสี
CONS
- ภายในดีไซน์ยังคงเป็นเจนฯเก่า
- บางคนอาจไม่ชอบเพราะคันใหญ่อาให้ความรู้สึกไม่คล่องตัว
Review Breakdown
-
Driving
-
Engine&Trans
-
Fuel Consumption
-
Practicality
-
Price and Features
-
Design
-
Saftey