• About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact
What Car? Thailand
Mazda-CX-3-Banner-whatcar-728x90-102023
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact
No Result
View All Result
What Car? Thailand
No Result
View All Result
Home Reviews Road Test

BMW 520d M Sport รถหรูซีดาน เร็ว แรง ในการขับขี่

August 4, 2022
in Road Test
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

Overview Of Car

BMW 520d M Sport เป็นซีรีส์ 5 ที่มาพร้อมกับชุดตกแต่งแบบ Sport Line รอบคัน ซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยระบบอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีใหม่ๆ จุดเด่นที่สำคัญของ BMW 520d Sport นั้น คงหนีไม่พ้นชุดตกแต่งแบบ Sport Line ที่เพิ่มบุคลิกความเป็นซีดานผู้บริหารมาดสปอร์ตให้ชัดเจนมากขึ้นตามสโลแกน Business Athlete

BMW 520d M Sport มีการปรับโฉมทั้งภายนอกและภายใน มีการใช้ชุดแต่งจาก M Sport ซึ่งเราจะไปดูกันว่าที่มีการปรับโฉมใหม่นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน และจะมีความสปอร์ตมากขึ้นขนาดไหนกัน

          BMW 520d M Sport รุ่นนี้เป็นเจเนอเรชั่น G30 ก็คือเป็นรุ่น LCI มาในรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือชุดแต่ง M Sport เราจึงได้นำมารีวิวในครั้งนี้ ไม่วาจะเป็นเรื่องของความคุ้มค่าหรือสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ในเครื่องยนต์ดีเซลของรถคันใหญ่ในรุ่นนี้

         BMW 520d M Sport  เครื่องยนต์นั้นเป็นขุมพลังดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 1,995 ซีซี แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.5 วินาที และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตาม ECO Sticker อยู่ที่ 20 กม./ลิตร ส่วนคู่แข่งอย่าง 530e M Sport เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร แบบปลั๊กอินไฮบริด ให้กำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 252 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 420 นิวตันเมตร และมีอัตราเร่งจากศูนย์ถึง 100 กิโลเมตร อยู่ที่ 5.9 วินาที อัตราสิ้นเปลืองพลังงานมีความประหยัดมากขึ้นเพราะเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจึงสามารถประหยัดได้ถึง 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร แต่โดยส่วนตัวของเราเราคิดว่ารุ่น 520d ก็ประหยัดมากพอสมควรอยู่แล้ว

        มาเริ่มกันที่กระจังหน้าที่เป็นแบบ kidney grill ที่ปลี่ยนดีไซน์ใหม่โดยจะใหญ่ขึ้นซึ่งจะเหมือนกับ 530e ซึ่งจะดูสมส่วนกับไฟหน้า รุ่นนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่งก็คือจะมีบานพับที่สามารถเปิดปิดได้ในกระจังหน้าเพื่อระบายความร้อนแต่เมื่อออกตัวรถกระจังหน้าจะปิดลงเพื่อไม่ให้ลมไปปะทะเข้าไปที่เครื่องด้านในทำให้การต้านอากาศมันน้อย ซึ่งมันจะมีผลกับพวกพลศาสตร์ต่างๆ 

         บริเวณหน้ารถไม่มีกล้องหน้าและมีเรดาห์เหมือนตัว 530e แต่ทาง BMW ได้ให้เซ็นเซอร์รอบคันมาแทน อีกทั้งมีไฟหน้าเป็นแบบ Individual Lights Shadow Line ซึ่งเป็นโคมดำ ไฟหน้าแบบใหม่นี้มีลักษณะเป็นทรงเราขาคณิต มาพร้อมเทคโนโลยีไฟ BMW LED รุ่นนี้เป็นตัว Adaptive LED ก็คือสามารถปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติและยังมีไฟตัดหมอกซ่อนอยู่ในตัวอีกต่างหากซึ่งไฟตัดหมอกจะไม่ได้อยู่บริเวณกันชนหน้าแล้ว นอกจากนี้มีไฟ Day time running ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สว่างเพียงพอสำหรับทั้งกลางวันและกลางคืน

        ส่วนกระจังหน้าเป็นแบบชิ้นเดียว ส่วนตัวระบายอากาศด้านล่างจะเป็นลายคล้ายๆรังผึ้ง ในรุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์หกจุด มีที่ด้านหน้า 2 จุด ด้านข้าง 2 จุด และข้างล้ออีก 2 จุด ซึ่งถือว่าให้มาเยอะพอสมควร

       ถัดมาที่ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ซึ่งต่างจากรุ่น 530e ที่จะเป็นขนาด 19 นิ้ว อีกทั้งยางก็จะมีขอบบางกว่า 520d ซึ่งรุ่นนี้ค่อนข้างหนา อีกทั้งเป็นยางรันแฟลต ขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 245/45 R18 หน้ายางกว้าง 8 นิ้ว ส่วนล้อหลังอยู่ที่ 275/40 R18 หน้ายางกว้าง 9 นิ้ว  แม็กเป็นลาย Double-spoke ซึ่งเป็นลายก้านคู่และมีการลงสีเทาดำกับโครมเมียม เมื่อมองดูแล้วให้ความรู้สึกสปอร์ตโดยก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราชอบ ซึ่งที่รถคันใหญ่ขนาดนี้ทุกคนสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงล้อขนาด 18 นิ้ว นั้นก็เพราะว่าวิศวกรต้องการเซทรถใหม่มีความสามารถในการขับขี่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันหรอือัตราเร่งซึ่งทาง BMW ก็คงคิดมาเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งาน ในส่วนของเบรกเป็นดิสเบรคขนาดใหญ่ ไม่มีรูระบายอากาศและมีคาลิเปอร์เบรกแบบธรรมดา 

       ด้านข้างมาพร้อมโลโก้ M ที่แสดงถึงความเป็น M Sport และใกล้ๆ กันก็มีช่องครีบที่เป็นที่ระบายอากาศ ซึ่งมันจะเข้ากับตัวกระจังหน้าเพื่อให้ลมผ่านเข้ามาได้ซึ่งก็จะเป็นเรื่องของ Arrow Dynamic  ถัดมาที่กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว LED มาให้ แต่ไม่มีกล้องมองรอบคัน ต่างจาก 530e ที่มีกล้องมองรอบคันมาให้ที่กระจกข้างทั้งฝั่งซ้ายและขวา กระจกมองข้างในรุ่น 520d มีการเพิ่ม Driving Assistant มีไฟเตือนกระจกด้านข้างเมื่อมีรถมาจากมุมอับสายตาซึ่งต่างจากรุ่นเดิม อีกทั้งสามารถตัดแสงได้อัตโนมัติ นอกจากนี้หลังคาเป็นหลังคาธรรมดาไม่ได้เป็นแบบหลังคาพาราโนมิกซันรูฟ  สำหรับ 520d มีขอบคิ้วตามประตูกระจกต่างๆ เป็นสีดำเงา อีกทั้งสเกิร์ตด้านข้างเป็นแบบ M Aerodynamics นอกจากนี้มีเสาอากาศแบบครีบฉลาม ซึ่งไม่ได้ใหญ่โตเกินไปทำให้ดูสมส่วนกับตัวรถ

        มือจับประตูเป็นแบบเซ็นเซอร์ โดยใช้กุญแจแบบสมาร์ทคีย์ พี่แสดงผลเป็นจอ digitalทั้งหมด สามารถที่จะตรวจสอบสถานะรถหรือน้ำมันก็ได้ เมื่อเราต้องการปลดล็อคหรือล็อครถเราสามารถแตะเบาเบาที่มือจับประตูได้เลยหรือจะใช้กุญแจรถก็ได้  ในรุ่นนี้สิ่งที่น่าสนใจเลยคือระบบประตูดูดที่มีมาให้แล้วทั้ง 4 บาน ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบนี้ยังไม่มีมาให้ ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงตัวเล็กหรือว่าผู้สูงอายุก็สามารถปิดประตูได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงเพราะในรถรุ่นนี้ประตูค่อนข้างหนักด้วยความที่เป็นรถยุโรปการที่ระบบประตูดูดเข้ามาจึงทำให้การปิดประตูเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น นอกจากนี้ประตูก็เป็นแบบ Comfort Access ซึ่งเป็นประตูปลดล็อกประตูอัจฉริยะ สามารถปลดล็อกและเปิดรถในระยะที่มีกุญแจ 1 เมตร ที่ด้านข้างก็แต่งชุด M Sport ด้วย

        ถัดมาที่ด้านท้าย กระโปรงท้ายจะมีสัญลักษณ์ 520d ที่เป็นโครเมียม และไฟท้ายจะเป็นแบบ Individual Lights Shadow Line แต่งขอบเป็นโคมดำ มีการออกแบบให้เป็น 3 มิติ ทำให้เข้ากับตัวรถพอเปิดไฟแล้วสว่างเต็มที่เพราะเป็น LED เต็มระบบ ไฟเลี้ยวเป็นไฟ LED รุ่นใหม่ที่อยู่ใต้ไฟท้ายซึ่งมีความเข้มของแสงที่ค่อนข้างมาก ไฟถอยหลังก็เป็นไฟ LED เต็มระบบเช่นกันในรุ่นนี้จะมีกล้องมองหลังให้ด้วย สำหรับฝาเปิดได้แบบไฟฟ้าทำให้ง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเปิดแบบแมนนวลได้ด้วย นอกจากนี้ยังง่ายขึ้นไปอีกการเปิดจากกุญแจรถหรือเปิดจากฝั่งคนขับเปิดกระโปรงและสามารถเปิดแบบ kick sensor ได้อีกด้วย 

        บริเวณเก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรจุสัมภาระได้ถึง 530 ลิตร แต่น่าเสียดายที่เบาะด้านท้ายไม่สามารถพับลงได้ แต่ก็ยังสามารถใส่กระเป๋าเดินทางไซด์ใหญ่ได้ถึงสองและใบเล็กอีกสองใบ ขนาดท้ายรถก็จะแตกต่างกับตัวรุ่น 530e ที่มีขนาดความจุอยูที่ 410 ลิตรเท่านั้นเองด้วยเพราะมีแบตเตอรี่ด้านท้ายทำให้พื้นที่ในการจุของจริงน้อยลง 

        สีของ 520d มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Alpine White เป็นสีขาวมาตรฐานของ bmw  ,Sophisto Grey Brilliant Effect เป็นสีเทาเงาๆ ออกเหลือบมุกหน่อยๆ, Black Sapphire metallic เป็นสีดำ และ Phytonic Blue เป็นสีน้ำเงินที่ยังให้ความเป็นวัยรุ่น

 

1 of 70
- +

1.

2.

3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

40.

41.

42.

43.

44.

45.

46.

47.

48.

49.

50.

51.

52.

53.

54.

55.

56.

57.

58.

59.

60.

61.

62.

63.

64.

65.

66.

67.

68.

69.

70.

สเปคเครื่องยนต์

Body StyleSedan
Descriptionรถเก๋ง 4 ประตู
Engineเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
Fuel Consumption20 กม./ลิตร
Fuel Typeดีเซล
MakeBMW 5 SERIES
Max Power190 แรงม้า
Max Torque400 นิวตัน
ModelBMW 520d M Sport
Price Guide3,539,000 บาท
Release Date3 สิงหาคม 2565
0-100 km/h7.5 วินาที
Transmission เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ

การขับขี่

       รุ่น 520d มีเสาเอที่ดูเหมือนจะใหญ่แต่มีการออกแบบให้เว้าในช่วงขอบกระจกทำให้มองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน  ในส่วนของโหมดการขับขี่ของ BMW มีทั้งหมด 3 โหมด โหมดแรกที่เราได้ลองขับขี่คือโหมด Eco Pro ซึ่งคันเร่งจะให้ความรู้สึกที่หนืดต้องเหยียบลึกลงสักหน่อย เมื่อเราเหยียบมันจะไม่พุ่งตัวออกตัวทันทีต้องรอเวลาซักหนึ่งถึงสองวินาที ถึงจะเริ่มออกตัวเพราะเป็นโหมดประหยัดพลังงานทำให้การทำงานของเครื่องยนต์หรือคันเร่งมีความช้ามากขึ้ แต่ว่าช่วงล่างมีความนุ่มขึ้น เบรกก็จะมีความตึงในเรื่องของแป้นเหยียบเข้ามาด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับการจัดการความประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งเราจะสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ในโหมดนี้เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับการขับขี่ในเมืองมากกว่าเพราะสามารถประหยัดน้ำมันและถ้าเจอรถติดก็จะไม่มีปัญหา ช่วงที่เหยียบคันเร่งมันช้าก็จริงแต่พอรอบมารถก็จะไหลได้เรื่อยๆ แม้รอบมันจะไม่ได้ทำงาน

      เมื่อเราเปลี่ยนเป็นโหมด Comfort พวงมาลัยจะเบาขึ้น แต่สำหรับ BMW พวงมาลัยจะไม่ได้เบามาก โหมด Comfort ก็จะคล้ายๆกับโหมด Eco Pro ที่ขับไปสักพักหนึ่งแล้วปล่อยไหล ก็จะช่วยในเรื่องของความประหยัดมันก็เหมือนเราใช้โหมด Sport ครึ่งหนึ่งและโหมด Eco Pro ครึ่งหนึ่ง
        พอใช้โหมด Sport สิ่งที่จะเห็นเลยคือหน้าจอกลางจะเปลี่ยนเป็นสีแดง รอบและเสียงของเครื่องยนต์ก็จะจัดจ้าน รอบจะมาไวขึ้น โดยรวมดีเยี่ยมแต่ก็แอบอืดไปสักหน่อยแต่ก็ยังถือว่ารวดเร็วโดยที่รถให้การตอบสนองค่อนข้างดีด้วยแรงบิดที่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งพวงมาลัยก็จะมีความตึงมือพร้อมที่จะใช้ความเร็ว น้ำหนักของพวงมาลัยถือว่าดีสำหรับคนที่ชอบขับรถเร็วและด้วยความที่ขับสนุกหากเมื่อเราขับรถทางไกลก็จะทำให้เรารู้สึกตื่นตัวและสนุกขึ้นมาบ้างในการขับขี่ ในส่วนของอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ที่ 7.5 วินาที 

     เบรกก็จะเป็นเบรกคาลิปเปอร์ธรรมดา ซึ่งก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ได้แบบ M Sport มา เพราะในส่วนอื่นได้แต่งชุดแต่ง M ทั้งหมด แต่ในแรงม้าและแรงบิดเท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับการใช้งานเบรกแบบนี้ถ้าเป็นความเร็วต่ำหากแล้วก็เอาอยู่เลย แต่ถ้าเป็นความเร็วสูงอาจจะต้องเหยียบหนักหน่อยแต่ก็ยังสามารถจัดการและควบคุมได้ โดยต้องมีระยะให้เบรกสักนิดซึ่งจะไม่เหมือน M Sport ที่สามารถเบรกได้เดียวนั้นได้ทันที

       ช่วงล่างเป็นแบบ M Sport ซึ่งปรับเซตมาในแบบสปอร์ต อาจให้ความรู้สึกกระด้างและตึงตังบ้างแต่มันก็ยังสามารถใช้งานในเมืองและนอกเมืองได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะไม่ได้เป็นช่วงล่างแบบ Adaptive ไม่ได้เหมือนกับตัว 530e แต่เราก็รู้สึกว่ามันก็เพียงพอแล้วสำหรับช่วงล่างธรรมดา พราะเราก็รู้สึกว่ามันก็มีความนุ่มนวล  การแสดงหรือการหักพวงมาลัยในระยะกระชั้นชิดรถยังทรงตัวได้ดี ตั้งแต่ 120 กิโลเมตรขึ้นไปรถไม่ได้มีการโคลงตัวหรือรู้สึกถึงการโยนตัวอะไรมาก ให้ความสนุกในการขับขี่ในสไตล์ของ BMW ครบทีเดียว  เสียงเครื่องยนต์เงียบมากไม่เหมือนเครื่องยนต์ดีเซลเลย เราอาจจะได้ยินเสียงล้อบทถนนแต่เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เสียงลมตามขอบหน้าต่างในช่วงที่เราวิ่ง 100 -120 กิโลเมตรขึ้นไปก็ยังไม่มีเสียงเล็ดลอดเข้ามา แต่เสียงรถวิ่งผ่านสวนกันไปก็ยังมีเข้ามาให้ได้ยินบ้าง

Driving Assister

       การใช้ Paddle Shift ของ 520d ได้ออกแบบมา ให้สำหรับผู้ขับขี่โดยเฉพาะ การใช้งานง่าย ซึ่งก็จะเหมือนการเปลี่ยนเกียทั่วไปที่เราเคยไปทดสอบรถรุ่นต่างๆ สำหรับขึ้นหรือลงเขาหรือชะลอความเร็วรถยนต์ ได้ดีพอสมควร โดยที่เราไม่ต้องจับเกียร์ที่คอนโซนกลางแต่ถ้าใครชอบความสนุกก็สามารถใช้ที่คอนโซนกลางได้ก็จะให้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง Driving Assister ใน 520 ดีตัวนี้ เพราะมีเรื่องของการเตือนรถในมุมอับสายตา เตือนเมื่อมีรถขับผ่านขณะถอยจอด หรือการดึงพวงมาลัยกลับเข้ามาขณะที่เราออกนอกเลน ระบบช่วยถอยจอดก็มีให้ด้วย ไปถึงยังมีระบบช่วยเบรก

          ในเรื่องของความปลอดภัยก็ครบครัน ได้แก่

  • ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
  • ระบบ Teleservices
  • ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
  • ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
  • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
  • ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
  • ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights)
  • ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
  • ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
  • ระบบ Active Protection
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
  • ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
  • กล้องแสดงภาพด้านหลัง

สุนทรียภาพการขับขี่

          กุญแจของ BMW 520d M Sport ซึ่งจะมีกุญแจให้มาทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ กุญแจ Keycard กุญแจธรรมดา และกุญแจมัลติฟังก์ชั่นซึ่งกุญแจแบบนี้สามารถทำงานได้หลากหลายทั้งดูสถานะของรถยนต์ได้ ในทกุวันนี้เราสามารถโหลดแอพลิเคชั่น BMW ลงโทรศัพท์เพื่อสั่งเปิดปิดรถได้อีกด้วย

        เริ่มต้นจากแผงประตูรถด้านฝั่งคนขับซึ่งมีการออกแบบตกแต่งแบบใหม่ เราจะเห็นลวดลาย Rhombicle Smoke Grey  โดยแผงประตูก็จะใช้สีเดียวกับเบาะและตัดด้วยสีดำแต่งด้วยโครเมียมเพิ่มเติม อีกทั้งยังซ้อนไฟ ambient light ไว้ทำให้เวลากลางคืนก็จะมีความสวยงามและโดดเด่นพอสมควร มีสวิตช์สำหรับเปิดกระจก ซึ่งกระจกเป็นแบบอัตโนมัติทั้งสี่บาน มาพร้อมกับสวิชต์ที่เปิดปิดม่านหลังแบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมีสวิตช์ที่สามารถปรับมุมมองกระจกมองข้างรวมถึงสามารถพับกระจกได้ นอกจากนี้ยังบันทึกตำแหน่งที่นั่งได้เพียงสองจุดเท่านั้นสำหรับรุ่น 520d มีลำโพงของ Harman Kardon จากเดิมที่เป็น HiFi loudspeaker และมีสวิตช์สำหรับเปิดฝากระโปรงท้าย มีงานออกแบบมาได้สวยงามและการใช้งานที่ครบครันแต่ว่าก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนหน้า

         ภายในมีการตกแต่งแดชบอร์ดด้วยลาย Rhombide Smoke Grey บุด้วยหนัง Sensatec เป็นสีดำด้านที่มีโครเมียมเพิ่มเข้ามา และก็มีไฟเรืองแสงตัดสลับกับโครเมียม พร้อมกับสีหนังที่ออกเป็นสีน้ำตาลอ่อนอ่อนหรือที่เรียกว่าสี Cognac  

      บริเวณคอนโซลกลางเป็นสีดำจะมีช่องเก็บของที่สามารถเลื่อนปิดได้  อีกทั้งยังมี Wireless Charger และช่อง USB-A รวมไปถึงช่องไฟ 12 โวลต์ แต่ใน Wireless Charger เหมือนจะมีปัญหาสักหน่อย สำหรับโทรศัพท์รุ่นใหญ่ๆ แต่สามารถชาร์จสมาร์ทคีย์ของ BMW ได้เพราะว่าก็ใช้ไฟเช่นเดียวกัน ถัดลงมาจะเป็นคันเกียร์ซึ่งบริเวณด้านซ้ายของคันเกียร์ก็จะเป็น I drive ที่เป็นตัวหมุนใช้ปรับตัวหน้าจอ I drive ด้านบน ถัดมาด้านขวาข้างกันก็จะเป็นโหมดการขับขี่ต่างๆ

       จุดเด่นก็คงไม่พ้นของจอแสดงผล Infotainment มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดจากรุ่นก่อน   มีการออกแบบมาใส่ใจผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอียงองศาในระบบควบคุม controller ต่างๆ ไปทางผู้ขับขี่ จอแสดงผลกลางเป็นระบบอัปเกรดเวอร์ชั่นรุ่นล่าสุดของ BMW สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay หรือ Android Auto ได้ โดยมีระบบ BMW ConnectedDrive ซึ่งเป็นบริการสำหรับเจ้าของรถ BMW โดยสามารถเชื่อมต่อตัวรถเข้ากับบริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆของผู้ผลิต และสิ่งที่น่าสนใจเลยคือเรื่องของระบบนำทางที่ถึงแม้ว่าจะเป็น 3 มิติ ที่ไม่ได้หวือหวาอะไรมากแต่ความแม่นยำค่อนข้างถูกต้อง นอกจากนี้คุณสามารถแบ่งเป็น 2 จอ โดยอาจจะแบ่งเป็นจอสำหรับความบันเทิงและอีก 1 จอ เป็นแผนที่ก็ได้ ซึ่งสามารถแบ่งจอได้ตามฟังก์ชั่นการใช้งาน 

ระบบ Gesture Control

        ถัดมาที่ช่องลมแอร์ซึ่งการออแบบก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมซักเท่าไหร่โดยจะเป็นสีดำเปียโนแบล็ค เป็น Duo-Zone  สามารถปรับอุณหภูมิแยกปรับอิสระซ้าย-ขวา ระบบแอร์เป็นแบบสัมผัสแต่ว่ายังมีปุ่มอยู่บ้างไม่ได้เป็นแบบสัมผัสทั้งหมด บริเวณแอร์ก็จะมีสัญญาณไฟฉุกเฉินและ Driving Assister ซึ่งเป็นเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนเวลาที่ใช้ความเร็วต่ำหรือระบบเบรกก่อนการชน เป็นต้น โดยสามารถตั้งค่าได้จากหน้าจอหรือกดปุ่ม Driving Assister ได้เลย  รวมถึงยังสามารถที่จะตั้งค่าต่างๆได้เองด้วย เช่น ระบบที่สามารถตั้งค่าความหน่วงของพวงมาลัยได้อีกด้วยซึ่งระบบนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อขับออกนอกบเลน โดยที่สามารถตั้งค่าได้ 3 ระดับ หรือระบบ Gesture Control ซึ่งเป็นระบบที่สามารถสั่งการได้ด้วยนิ้ว 

        คันเกียร์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ BMW ซึ่งเป็นเกียร์แบบ 8 สปีด หากคนที่ใช้ BMW ก็จะคุ้นเคยกับคันเกียร์แบบนี้ มันก็จะต่างจาก Mercedes-Benz C220d และมี Command Control ที่มาเลือกแอพลิเคขั่นหรือข้อมูลต่างๆบนหน้าจอกลาง โดยที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลยซึ่งส่วนนี้ก็จะเป็นสัญลักษณ์ของ BMW อยู่แล้ว ในส่วนของระบบการขับขี่มีโหมด Sport Comfort และ Eco และมีโหมดเปิด-ปิดเสถียรภาพการทรงตัวของรถและมีสวิตว์ช่วยจอด Parking Sensor รวมไปถึงมีเบรกมือไฟฟ้า Auto Brake Hold ช่องวางของไม่ได้ใหญ่ไม่ได้เลยจนเกินไปมีช่องเสียบ USB-C มาให้หนึ่งจุด

          ในส่วนของเบาะเป็นเบาะหนังแท้ Dakota ให้สัมผัสที่นุ่มมือและมีความทนทานค่อนข้างสูง สีที่ใช้เป็นโทนน้ำตาลและเดินด้ายด้วยสีฟ้า ไม่ดูแก่หรือว่าวัยรุ่นจนเกินไป สิ่งหนึ่งที่เราชอบคือเบาะจะมีสวิตซ์ดันหลังส่วนล่างทำให้เวลาขับขี่จะไม่เมื่อยและนั่งสบายตามสรีระร่างกาย อีกทั้งเบาะยังมีขนาดใหญ่และให้ความรู้สึกเหมือนโอบกระชับร่างกายเราไว้ ส่วนที่โอบกระชับร่างกายเราเราสามารถปรับให้ขยายเข้าหรือขยายออกตามความต้องการเราได้อีกด้วย มาพร้อมตำแหน่งเบาะที่ก็สามารถปรับเดินหน้าถอยหลังได้ นอกจากนี้เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport สามารถปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ 2 ตำแหน่ง และยังมีที่รองน่องแต่ใช้เป็นระบบแมนนวล

        ในรุ่นนี้มี BMW Live Cockpit Professional เป็นหน้าจอแสดงการขับขี่แบบดิจิตอลซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับหน้าจอกลาง ซึ่งเมื่อเราปรับโหมดการขับขี่สีที่หน้าจอก็จะเปลี่ยนไปตามโหมดต่างๆ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละโหมดและยังแสดงที่หน้าจอกลางด้วย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อระบบนำทางจากหน้าจอกลางมาที่หน้าจอ Cockpit ได้อีกด้วยทำให้ดูแผนที่ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมี Head Up Display ที่บอกความเร็วของรถและยังสามารถเลือกดูพวกไฟล์เพลงหรือระบบต่างๆ รวมไปถึงการตั้งค่า speed limit และ Cruise Control ได้ด้วย

        เรารู้สึกว่าเมื่อไหร่ BMW จะเปลี่ยนตัวปอกพวงมาลัยซักที แต่เราได้ข่าวมาว่า Series 7 ที่จะมาในปลายปีนี้จะมีการออกแบบพวงมาลัยแบบใหม่แต่ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมมาก แต่ทั้งนี้การออกแบบของเขาก็ยังสามารถรองรับได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งพวงมาลัยในรุ่นนี้เป็นวัสดุนุ่มและยังเป็นแบบมัลติฟังก์ชันที่เราสามารถควบคุมระบบอื่น ๆ ภายในรถได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับด้านซ้ายจะเป็นการตั้งค่าควบคุมความเร็วต่างๆ seed limit การปรับเซตต่างๆ หรือ Cruise control ป็นต้น ด้านขวาก็จะเป็นในส่วนของระบบ Infotainment ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการด้วยเสียง หรือสั่งการโทรศัพท์ เป็นต้น นอกจากนี้มี Paddle Shift ที่เพิ่มเติมมาจากตัวรุ่นเดิม ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปลองใช้ในตอนขับขี่กันว่าเป็นยังไง สำหรับพวงมาลัยรุ่นนี้จะมีโลโก้ M มาให้ด้วยเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเป็นรุ่น M Sport

        ไปต่อที่ด้านบน ในส่วนของจะหลังคาหุ้มด้วยผ้าที่เป็นลายใหม่สี Anthracite โดยจะออกเป็นสีดำ ซึ่งจะมีความละเอียดมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน นอกจากนี้ก็มีไฟภายในรถและไฟแสดงสถานะต่างๆ เป็น LED  อีกทั้งมีปุ่ม SOS ที่เป็นปุ่มฉุกเฉิน มาพร้อมกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ และที่สำคัญฝั่งของคนขับก็เป็นกระจกแบบตัดแสงอัตโนมัติเช่นกัน 

        เมื่อเราเข้ามาอยู่ภายในด้านหลังทำให้เราเห็นว่ามีพื้นที่วางขาเหลือเยอะซึ่งต้องบอกก่อนว่าเบาะคนขับข้างหน้าที่เรานั่งเมื่อสักครู่เราได้ปรับไว้ตามการใช้งานจริงไม่ได้ปรับเพิ่มเพื่อให้เห็นว่ามีพื้นที่เหลือเยอะ เบาะนั่งมีขนาดใหญ่ทำให้นั่งได้เต็มตัวและนั่งสบาย ในส่วนของพนักพิงก็ออกแบบมาได้รับกับสรีระของคนตัวใหญ่ เบาะที่นั่งตรงกลางก็เหมือนกับเบาะส่วนอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนนูนโค้งออกมาทำให้นั่งไม่สบายและสามารถดึงออกมาเป็นวางแขนและแก้วน้ำ ซึ่งมีขนาดใหญ่วางแขนได้สบายไม่ได้รู้สึกว่าเล็กเกินแล้วก็ไม่ได้ดูก้องแก๊ง มีความเหมาะสมกับรถระดับนี้ สำหรับพื้นที่ head room ก็ยังเหลือเฟือทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด การออกแบบของ BMW จะทำให้ผู้โดยสารที่นั่งตอนหลังรู้สึกนั่งสบายขึ้นเมื่อเดินทางระยะไกลก็จะไม่มีปัญหา

             สำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็จะมีแอร์ทางด้านหลังมาให้เช่นกันแต่ว่าจะไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้จะปรับได้แค่แรงลมเท่านั้นซึ่งต่างจาก 530e ที่จะสามารถแยกอิสระซ้ายขวาได้ อีกทั้งยังมีพอร์ต USB C มาให้สองจุดและ Power Outlet อีกหนึ่งจุด

 

       บริเวณแผงประตูของผู้โดยสารตอนหลัง การออกแบบตกแต่งเหมือนประตูด้านหน้าโดยเป็นสีน้ำตาลซึ่งเป็นสีเดียวกับเบาะนั่งจะตัดดำและยังมีตัวไฟ LED เสริมอยู่ด้วยซึ่งไฟ LED นี้จะมีความหมายคือเมือเราปิดประตูแสงจะเป็นสีฟ้าถ้าเราเปิดประตูไฟจะเป็นสีแดง อีกทั้งมีไฟ Ambient Light ที่อยู่ในแพ็คเกจ Individual Lights Shadow Line จะมีการรมดำเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ยังมีม่านบังแดดด้านหลังโดยจะมีสองชิ้นคือด้านกระจกบานใหญ่กับตัวช่องกระจกเล็กและยังมีม่านบังแดดไฟฟ้าด้านหลังมาให้อีกด้วย

       เข็มขัดนิรภัยมีมาให้สามจุด รวมไปถึงมีที่ล็อคเบาะเด็ก Isofix ให้หนึ่งจุด หมอนรองศรีษะมีมาให้ทั้งสามเบาะสามารถรองรับศรีษะได้ดี สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายคือเบาะไม่สามารถที่จะพับเพื่อเก็บของลักษณะยาวได้

สรุปความน่าใช้

        BMW 520d M Sport 2022 ราคาอยู่ที่ 3,539,000 บาท ซึ่งเราจะเปรียบเที่ยบกับ 530e M Sport ที่ราคาจะอยู่ที่  3,739,000 บาท ซึ่งราคาแพงกว่า 200,000 แต่ว่าที่เราถึงเลือก 520d มาทดสอบเพราะว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์ดีเซลของ BMW สามารถตอบสนองได้ไวและช่วงล่างยังมาในรูปแบบ M Sport อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแรงบิดสูงและความเร็วมาในรอบต่ำ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์แต่ว่าสมรรถนะก็มีประสิทธิภาพอีกทั้งยังประหยัดน้ำมันได้มากทีเดียว และยังให้อัตราเร่งที่ค่อนข้างดี 

              ออฟชั่นต่างๆ ให้มาพอสมควรในการใส่งานในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ระบบ Driving Assister แต่ยังเสียใจเล็กน้อยที่ไม่มีระบบ Adaptive Cruise Control ซึ่งระบบนี้จะช่วยเหลือในเรื่องการขับทางไกลได้ดีพอควร ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานภายในก็ไม่ได้แตกต่างกับ 530e  อีกทั้งมีเพียงแค่กล้องหลังให้ไม่มีกล้องหน้าหรือกล้องรอบคันและเรดาร์แต่ก็ยังดีที่มีเซ็นเซอร์รอบคันมาให้

       BMW บอกว่าการประหยัดน้ำมันสามารถทำได้ 20 กม./ลิตร แต่เมื่อได้ขับขี่จริงทั้งในเมืองและนอกเมืองระยะทางไกลๆ เฉลี่ยแล้วทำได้ 15 กม./ลิตร แต่ก็ยังสามามรถประหยัดได้ในระดับหนึ่ง ในรุ่นนี้ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตเตอรี่ไม่เหมือนกับ 530e ที่เป็นปลั๊กอินไฮบริด ถ้าหากใครที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินทางไกลหรือต้องการสมรรถนะของเครื่องยนต์หรือแม้กระทั่งความเฟิร์มของช่วงล่างรวมไปถึงเรื่องระบบความปลอดภัยพื้นฐาน 520d ถือว่าครบครันเพราะสามารถใช้งานระบบต่าง เ หล่านี้ในชีวิตประจำวันได้

        ในส่วนของช่วงล่างแบบ Adaptive สำหรับเราเราคิดว่าไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าช่วงล่างให้มาเป็น M Sport ซึ่งค่อนข้างที่จะเฟิร์มพอสมควร การดูแลรักษาไม่จุกจิกและการใช้งานสามารถทำได้อย่างสมบุกสมบัน แม้มันจะเป็นแม็กขนาด 18 นิ้ว มีขนาดยางที่หนาสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ในขนาด 18 นิ้ว สามารถวิ่งทางไกลได้ดีและยังสู้กับพื้นถนนที่อาจจะไม่เรียบหรือมีความเป็นหลุมเป็นบ่อได้โดยไม่ต้องเบรก มันให้ความเฟิร์มและแน่นเลยทีเดียว 

        เราชอบสไลต์การขับขี่ของ BMW เพราะว่ามันมีความกระด้างเล็กน้อย พวงมาลัยมีน้ำหนักตึงมือไม่ได้เบาจนเกิดไปแม้กระทั้งในโหมด Comfort ก็ตาม อีกทั้งที่นั่งดานหลังของ BMW  520d นั่งสบาย สำหรับคนสูง 180 ซม. สามารถนั่งได้สบายตอบโจทย์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีม่านไฟฟ้าที่ด้านหลังและม่านแมนนวลปรับมือที่กระจกของผู้โดยสารตอนหลัง

         ในรุ่นนี้เหมาะกับคนที่เป็นระดับผู้บริหารระดับผู้อำนวยการ รวมไปถึงคนที่ชอบเดินทางไกลตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้รถเองหรือมีคนขับรถให้แต่ถ้าใครที่มีครอบครัวรถคันนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ยังไม่มีลูกหรือเป็นครอบครัวขนาดเล็กที่มีลูกไม่เกิน  2 คน เพราะเมื่อเด็กๆโตขึ้น เบาะด้านหลังสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน ถือว่ากำลังพอดี ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและเบาะหลังที่นั่งสบายมีพื้นที่ขารวมไปถึงพื้นที่หัวยังเหลือเยอะ รวมไปถึงฟังก์ชั่นความปลอดภัยการใช้งานต่างๆ

The Review

BMW 520d M Sport

4.6 Score

BMW 520d M Sport เป็นซีรีส์ 5 ที่มาพร้อมกับชุดตกแต่งแบบ Sport Line รอบคัน ซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยระบบอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีใหม่ๆ

PROS

  • ประหยัดน้ำมัน
  • มีกล้องหลังและเซ็นเซอร์รอบคัน
  • เหมาะกับคนหลากหลายกลุ่ม
  • มีระบบ Driving Assistance
  • ระบบความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ดี
  • พื้นที่ท้ายรถมีขนาดใหญ่บรรจุสัมภาระได้เยอะ
  • มีกุญแจให้เลือกใช้ 3 แบบ ซึ่งรีโมทระบบสัมผัส (BMW Display Key) เป็นที่น่าสนใจ
  • ระบบประตูดูดทั้ง 4 บาน
  • ประตูรถ Comfort Access
  • มีแอพลิเคชั่นในการปลดล็อก-ล็อกประตู
  • ระบบฏิบัติการภายในรถยังมีมาตรฐานใช้งานง่าย

CONS

  • ไม่สามารถพับเบาะหลังลงได้
  • ไม่มีกล้องหน้า กล้องรอบคันและเรดาห์
  • ช่วงล่างเป็น M sport ธรรมดาไม่เป็น Adaptive
  • เบรกเป็นคาลิปเปอร์ธรรมดาไม่ได้เป็นเบรก M Sport

Review Breakdown

  • Driving
  • Engine&Trans
  • Fuel Consumption
  • Practicality
  • Price and Features
  • Design
  • Saftey

BMW 520d M Sport DEALS

We collect information from many stores for best price available

Best Price

฿3539000
  • ฺBMW
    ฿3539000 Buy Now
Tags: 520d520d M Sport520d M Sport 2022bmw

Related Posts

Bmw-320d-2023-website-whatcar
Road Test

รีวิว BMW 320d M Sport 2023 ที่เน้นเรื่องการขับขี่เป็นหลัก

Road Test

BMW iX xDrive40 2023 รถยนต์ไฟฟ้าล้วน ภายนอกโดดเด่น ห้องโดยสารกว้าง พร้อมสมรรถนะเยี่ยม

Road Test

Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD R-Design สุดยอดเอสยูวี แรงม้าเยี่ยม ประหยัดสุดยอด

Road Test

All New Mazda CX-30 รุ่นใหม่ ครอสโอเวอร์เอสยูวี โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ถูกใจคนในเมือง คู่ต่อสู้อีกหลายแบรนด์

Road Test

BMW 630i GT M-SPORT การผสมผสานระหว่างซีดานและเอสยูวี ขับดี ขับซิ่ง สนุกได้แม้เป็นซีดาน

NEW MAZDA CX-8 Minorchange 2022
Road Test

NEW MAZDA CX-8 Minorchange 2022 ครอสโอเวอร์ 3 แถว ปรับโฉมใหม่ให้หรูหราขึ้น

Leave Comment

What Car? Thailand

 

นิตยสารและเว็บไซต์ whatcar.co.th เนื้อหาลิขสิทธิ์รถยนต์ที่แรกที่เดียวในไทย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ จาก What Car? whatcar.com ประเทศอังกฤษซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกมายาวนานกว่า 45 ปี.

Follow us

Categories

  • Awards
  • Big Bike
  • Comparison
  • CSR
  • Feature
  • First Drive
  • Insights
  • Inter News
  • New Car
  • News
  • PR
  • Promotion
  • Reviews
  • Road Test
  • Road Trips
  • Tip Technic
  • Uncategorized
  • Your Cars

Instagram

  • ลาก่อน EQS สวัสดี S-Class รถยนต์ไฟฟ้า : Mercedes จะรวมทั้งสองรุ่นเข้าด้วยกันในปี 2030 ⚡
  • พักเบรกกับค่ายจีน 🇨🇳ที่กำลังลงมาเล่นตลาด ⚡🔋
รถยนต์ไฮบริด (Hybird) นั่งกันไม่ติดและ ญี่ปุ่น 🇯🇵
.
ไม่รู้ว่านุดมีแมว...หรือแมวมีนุดกันแน่ 😆
 "ประกาศิต" ก็เป็นทาสจ๊ะ 555
.
แม่น้ำตาลเป็นแมวที่อายุใกล้ 20 ปี ก็จะดูวัยรุ่นหน่อย 😸
โลกนี้ให้ความสำคัญกับแมวอยู่นะ.... “วันแมวโลก”  International Cat Day 
8 สิงหาคมของทุกปี
.
#InternationalCatDay 
#แม่น้ำตาลหวานเจียบ
  • เดินทางด้วยรถ Benz E 220 d AMG Line 😆🌊🌴
จากเส้นทางภูเก็ต - พังงา ถึง รร.เยาววิทย์ 
ทริป /CSR เมอร์เซเดสเบนซ์ ประเทศไทย
.
ขนาดตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,935 x 1,852 x 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,939 มิลลิเมตร
.
เครื่องยนต์
.
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
.
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed 238 km/h
.
ภายนอก
- ชุดตกแต่งภายนอก AMG Body Styling
- ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
- ไฟหน้า LED High Performance
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist
- ระบบกุญแจ Keyless-GO
- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Tailgate
- ระบบช่วยปิดประตู Power Closing Doors (ประตูดูด)
.
ภายใน และระบบอำนวยความสะดวก
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อม Memory Seat
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 2-Zones
- ระบบปรับสมดุลอากาศ - ฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL (HEPA)
- ม่านบังแดดประตูคู่หลัง
- ม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง
- หน้าจอ MBUX Multimedia HyperScreen และ หน้าจอมาตรวัดแบบ 3D
- Passenger Screen หน้าจอแยก สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ที่แยกควบคุมกับจอกลางได้ โดยไม่รบกวนการควบคุมของส่วนกลางภายในรถ
- ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูลงจากรถ Exit Warning
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Active Distance Assist DISTRONIC with Stop&Go
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Lane Tracing Package
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Active Lane Keeping Assist
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Collision Warning
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driving Assistance System
.
.
#MercedesBenz #EClass #E220d #E220dAMGLine
  • สีดำ....หล่อแบบเข้ม เข้ม 😆
เผยโฉม ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด
ด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วย ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ 
.
เครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้กำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น 
.
เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) 
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) 
-ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) 
-ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) 
-ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) 
-ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) 
-กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) 
-พร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) 
.
ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ละเอียด แม่นยำ พร้อมปกป้องคุณให้ปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปในแบบ 360 องศา
.
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay ที่พร้อมเชื่อมต่อแบบไร้สาย และ Android Auto 
.
#WHATCARThailand
#MitsubishiMotorsThailand #mitsubishitritonblackedition
#triton #blackedition
  • A5 Sedan ใหม่ ตัวแทน Audi A4 Sedan คู่แข่งใหม่ BMW 3 Series และ Mercedes C-Class
.
ภายนอกออกแบบใหม่ด้วยกระจังหน้าเพรียวขึ้น ไฟหน้าแบบ LED daytime running และไฟท้ายแบบ OLED ที่สามารถปรับการแสดงผลได้สูงสุด 8 รูปแบบ ที่นอกจากจะแสดงความแตกต่างเพื่อความสวยงามแล้ว สำหรับไฟท้ายยังสามารถใช้เป็นการสื่อสารกับรถคันหลังได้อีกด้วย
.
ภายในออกแบบหน้าจอ  3 ชิ้น โดยเลือกใช้แนวคิดการยึดหลักผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ virtual Cockpit ใช้เทคโนโลยีหลอดไฟแบบ OLED ขนาด 11.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว เป็นระบบสัมผัส ทั้งยังมีออฟชั่นหน้าจอสำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหน้าขนาด 10.9 นิ้ว
ความพิเศษยังอยู่ที่ A5 Sedan ที่ติดตั้งฝากระโปรงท้ายแบบยกเปิด เสมือนเป็นรุ่น Sportback จากโรงงาน
.
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง เบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
2.0 TDI
เครื่องยนต์ดีเซล TDI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร  สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
2.0 TFSI
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อคู่หน้าเท่านั้น และรุ่นอัพเกรด 204 แรงม้า (PS) สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ dual-clutch
.
รุ่น S5
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48-volt เพื่อลดมลพิษสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
.
#WHATCARThailand
#AUDI #A5Sedan
  • #Promotion #Toyota ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถในงาน #MOTORSHOW2024
#PR #promote #whatcar #whatcarthailnd 🥳👍🫰
  • #Tesla #Cybertruck ลองกระสุนเบอร์ไหนเข้า...? คุ้มนะถ้า 2.5m Baht คนไทยพร้อมซื้อ (รวย)😆🥳😃🧐🤓
#whatcar #whatcarthailand
  • พาชม #Porsche ในงาน Motor Show 2024
#whtacarthailand #whatcar
  • พาชม #Mitsubishi ในงาน Motor Show 2024
#whatcar #whatcarthailnd

Newsletter

© 2022 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.

  • About
  • Advertise
  • Terms & Conditions
  • Privacy & Policy
  • Team
  • Contact

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และอำนวยความสะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ รวมถึงช่วยให้เราปรับปรุงการนำเสนอเนื้อหาตรงตามความต้องการของท่าน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในนโยบายคุกกี้นโยบายคุกกี้ กด “ยอมรับ”
Cookie settingsยอมรับ
Manage consent

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.
Necessary
Always Enabled
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. These cookies ensure basic functionalities and security features of the website, anonymously.
CookieDurationDescription
cookielawinfo-checkbox-advertisement1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Advertisement" category .
cookielawinfo-checkbox-analytics1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Analytics" category .
cookielawinfo-checkbox-functional1 yearThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to record the user consent for the cookies in the "Necessary" category .
cookielawinfo-checkbox-others1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Others".
cookielawinfo-checkbox-performance1 yearSet by the GDPR Cookie Consent plugin, this cookie is used to store the user consent for cookies in the category "Performance".
CookieLawInfoConsent1 yearRecords the default button state of the corresponding category & the status of CCPA. It works only in coordination with the primary cookie.
Functional
Functional cookies help to perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collect feedbacks, and other third-party features.
Performance
Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.
CookieDurationDescription
_lscache_vary2 daysNo description available.
Analytics
Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.
CookieDurationDescription
_ga2 yearsThe _ga cookie, installed by Google Analytics, calculates visitor, session and campaign data and also keeps track of site usage for the site's analytics report. The cookie stores information anonymously and assigns a randomly generated number to recognize unique visitors.
_gat_gtag_UA_51917967_11 minuteSet by Google to distinguish users.
_gid1 dayInstalled by Google Analytics, _gid cookie stores information on how visitors use a website, while also creating an analytics report of the website's performance. Some of the data that are collected include the number of visitors, their source, and the pages they visit anonymously.
Advertisement
Advertisement cookies are used to provide visitors with relevant ads and marketing campaigns. These cookies track visitors across websites and collect information to provide customized ads.
CookieDurationDescription
_fbpsessionThis cookie is set by Facebook to display advertisements when either on Facebook or on a digital platform powered by Facebook advertising, after visiting the website.
advanced_ads_browser_width1 monthThis cookie is set by Advanced ads plugin.This cookie is used to measure and store the user browser width for adverts.
personalization_id2 yearsTwitter sets this cookie to integrate and share features for social media and also store information about how the user uses the website, for tracking and targeting.
Others
Other uncategorized cookies are those that are being analyzed and have not been classified into a category as yet.
CookieDurationDescription
jnews_view_counter_visits[0]2 months 2 days 15 hoursNo description
muc_ads2 yearsNo description
pvc_visits[0]1 dayThis cookie is created by post-views-counter. This cookie is used to count the number of visits to a post. It also helps in preventing repeat views of a post by a visitor.
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo
No Result
View All Result
  • Home
  • Reviews
    • First Drive
    • Road Test
    • Road Trips
    • Comparison
  • New Car
  • Awards
  • Column
    • Editor’s Talk
    • Insights
    • Your Cars
    • Feature
    • Advice
    • Tip Technic
  • News
    • PR
    • Inter News
    • Promotion
    • Big Bike
    • CSR
  • About
  • Contact

© 2021 What Car? Thailand - Designed by Coinfinity Power.